‘747 Cafe’ คาเฟ่เครื่องบินลำใหญ่ที่สุดในโลก จุดหมายท่องเที่ยวใหม่ของคนกรุง ที่สายเช็คอินไม่ควรพลาด!
“ท่านผู้โดยสารทุกท่านโปรดทราบ ขณะนี้เรากำลังลดระดับลงสู่ ท่าอากาศยาน 747 Cafe เรียบร้อย” เสียงออกไมค์ประกาศของเจ้าหน้าที่ลูกเรือ เสริมให้บรรยากาศภายในคาเฟ่เครื่องบินแห่งนี้ยิ่งมีชีวิตชีวา เสมือนเดินทางถึงจุดหมายปลายทางกับโบอิ้ง 747 ลำเขื่อง
“747 Cafe” คาเฟ่เครื่องบินลำใหญ่ที่สุดในโลก เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ 747 Cafe ที่นำเครื่องบินโบอิ้ง 747 HS-STA ตั้งแต่ปี ค.ศ.1988 ได้เคยหลับไหลในช่วงเวลาหนึ่ง ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยงบประมาณการลงทุนกว่า 50 ล้านบาท บนพื้นที่ 10 ไร่ ตั้งตระหง่านริมทางถนนหลวงแพ่ง เขตลาดกระบัง แวดล้อมด้วยบรรยากาศอันลงตัวของธรรมชาติโดยรอบ ติดริมคลองประเวศบุรีรมย์ แลนด์มาร์คคาเฟ่แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่มีสไตล์ว้าวแบบสุดๆ เรียกได้ว่าคนกรุงสายคาเฟ่ สายเที่ยวเช็คอินที่ชอบถ่ายรูป ต้องห้ามพลาดกันเลยทีเดียว ยิ่งเป็นช่วงที่ยังไม่สามารถเดินทางไกลไปถึงต่างแดน ผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การได้สัมผัสประสบการณ์ที่ 747 Cafe แห่งนี้ ทำให้เปิดโลกใบใหม่ อย่างที่เชื่อแน่ว่าไม่เคยมีใครเคยเห็นภายในของเครื่องบิน ที่เปลือยทั้งลำได้มากขนาดนี้มาก่อน ที่สำคัญไม่ง่ายนักกับการนำเครื่องบินปลดระวางจากการบินมาอย่างโชกโชน บนน่านฟ้าข้ามประเทศมาแล้วทั่วโลก มานอนนิ่งสงบหลบลมเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ มอบความสุขในวันสบายๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ผ่อนคลาย ตื่นตาตื่นใจไปพร้อมละเลียดเครื่องดื่มแก้วโปรด
“ราชินีแห่งฟากฟ้า” ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ
ด้วยขนาดที่ใหญ่มหึมาของนกเหล็ก นางถูกเรียกว่า “จัม โบ้ เจ็ต” มีสองชั้น สถานที่ที่จะได้ดื่มด่ำกาแฟรสเลิศ ไปพร้อมเรียนรู้โครงสร้างภายในของเครื่องบิน อันผสมผสานการตกแต่งแนว Industrial Loft Design ที่ดึงเอาคาแร็กเตอร์เดิมๆ ของเครื่องบินคงไว้เกือบจะทุกรายละเอียดทั้งสองชั้น โดยชั้นที่สอง เป็นโซนของห้องควบคุมการบิน อันคงความสมบูรณ์ของหน้าปัดเครื่องบิน และอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม นักท่องเที่ยวสามารถชมได้ใกล้ชิด และโพสต์ท่าถ่ายรูปสวยในชุดนักบิน หรือชุดแอร์โฮสเตส ที่ทางคาเฟ่จัดเตรียมให้เช่าสวมใส่ได้ เติมเต็มความฝันวัยเด็กของใครหลายคนที่อยากเป็นนางฟ้าบนเครื่องบินเลยทีเดียว และหากโชคดีในวันที่ได้พบกับ นักบินจอห์นนี่ – คุณบัณฑิต ลาวัณย์รัตนากุล หนึ่งในผู้ปลุกชีวิต 747 Cafe ก็จะได้รับความรู้เพิ่มเติม และได้แชะภาพเท่ๆ กับนักบินตัวจริงเสียงจริง
ส่วนของชั้นหนึ่ง จะเป็นส่วนบาร์ที่ให้บริการเครื่องดื่มและเบเกอรี่ อยู่บริเวณกลางลำเครื่องบิน มุมที่ทำให้หลายคนรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย และสามารถนำตั๋วเครื่องบินมาแลกเครื่องดื่มได้หนึ่งแก้ว พร้อมเลือกมุมโปรดนั่งชิลแชะภาพ มีให้เลือกทั้งแบบโซฟายาว โต๊ะเก้าอี้คู่ รวมถึงโต๊ะแบบ Long Table ขนาดยาวกว่า 7 เมตร สุดคูลในสไตล์ลอฟท์ จากโครงสร้างของเครื่องบินที่ถูกถอดออกไป นำมาเป็นส่วนประกอบผสมผสานเข้ากับการออกแบบใหม่ ให้กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์สุดเท่ ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ ตู้ เก้าอี้ บาร์เครื่องดื่ม และงานโครงสร้างรอบบริเวณภายใน ดีไซน์ที่สอดรับกับคอนเซ็ปต์คาเฟ่เครื่องบิน การออกแบบอย่างมีอัตลักษณ์ ถูกสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้โจทย์ “ต้องทำให้เข้าถึงจิตวิญญาณ และทำให้เข้าถึงงานดีไซน์” โดยฝีมือนักออกแบบ คุณโก้ – นิธิโรจน์ ชวเลิศวัฒนชัย ได้บอกกับอะราวด์ว่า เป็นหนึ่งในหัวใจของคาเฟ่แห่งนี้เลยทีเดียว
แม้แต่การกรุขาเฟอร์นิเจอร์จากส่วนประกอบของเครื่องบินลำนี้ ต้องนำมาดัดแปลงให้วัสดุมีน้ำหนักเบาแต่คงทนแข็งแรง เพิ่มลูกเล่นบนพื้นด้วยการตีเส้นรันเวย์ แม้แต่ช่องบานหน้าต่างรอบเครื่องบิน ยามแสงธรรมชาติลอดผ่าน ทำให้จินตนาการถึงขณะกำลังบินอยู่เหนือน่านฟ้า ในทุกรายละเอียดของการออกแบบ ต้องศึกษาเข้าถึงตัวเครื่องบินอย่างถ่องแท้ก่อน รวมถึงการนำเอาสัญลักษณ์ต่างๆ ที่แทนความหมายเชื่อมโยงในงานการบิน มาย่อสเกลลงบนพื้นที่ของทั้งสองชั้น ประยุกต์ปรับให้เข้ากัน โดยใช้หลักการออกแบบบ้าน ยึดเอาองค์ประกอบดั้งเดิมเป็นหลัก เผยให้เห็นโครงสร้างภายในอันซับซ้อนแต่สวยงามแปลกตา ถูกออกแบบจัดวางมาอย่างลงตัว ให้เราได้เปิดประสบการณ์ว้าว คุณค่าที่ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้น!!
สำหรับเมนูซิกเนเจอร์ของคาเฟ่ ต้องนึกถึงกาแฟรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ คุณโก้ – นิธิโรจน์ อดีตที่ปรึกษาโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ตามพระราชดำริบ้านปางขอน ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีส่วนดำเนินงานส่งเสริมการปลูกกาแฟในพื้นที่บ้านปางขอน จังหวัดเชียงรายมาก่อน ช่วยเกษตรกรที่สูงพัฒนาจนได้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูง เมื่อคุณโก้ได้รับโปรเจคพัฒนา 747 Cafe จึงได้ต่อยอดส่งเสริมอาชีพชาวเกษตรกรอีกทางหนึ่ง ด้วยการเลือกใช้กาแฟอาราบิก้าของพี่น้องเกษตรชาวไทยที่นี่ นำมารังสรรค์เมนูซิกเนเจอร์ของคาเฟ่ จนได้ความหอมกลมกล่อมของรสชาติกาแฟที่ไม่เหมือนที่ไหน ต้องมาละเลียดจิบที่นี่ได้เท่านั้น ทุกเมนูเน้นใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพของไทย ยึดหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ช่วยสร้างรายได้ให้คนไทยด้วยกัน และกาแฟไทยของเราไม่แพ้ต่างชาติ ไทยช่วยไทย เราจะได้ยิ้มไปด้วยกัน
แนะนำเครื่องดื่มซิกเนเจอร์
The Dirty Boeing
กาแฟเย็นที่เสิร์ฟสองเลเยอร์ โดยด้านล่างจะเป็นนมสดสูตรของทางร้าน แช่เย็นจัดที่อุณหภูมิ 2 องศา ราดด้วยกาแฟ Espresso รสสัมผัสจิบแรกจะได้รสเข้มของกาแฟ จิบที่สองได้ความกลมกล่อมของกาแฟและนมผสมผสานกัน จากนั้นจึงจะได้รับรสนุ่มละมุนของนมที่แช่เย็นจัด
เครื่องดื่ม 747 Rainbow
เมนูสปาร์คกิ้งสุดพิเศษที่ทางร้านคิดค้นขึ้น โดยรสชาติเป็นเอกลักษณ์ผสมผสานกันระหว่างสตรอเบอร์รี่ ส้ม และกลิ่นส้มคูราโซ่ ตกแต่งแยกชั้นกันเป็นสามสีสันจัดจ้าน รสชาติสัมผัสสดชื่นไม่เหมือนใคร
เครื่องดื่ม แมงโก้พีน่าครัช
เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้ความรีเฟรชชิ่งกับผลไม้สองรสชาติ มะม่วงกับสัปปะรด นำมาปั่นเข้าด้วยกัน เพียง 1 ส่วน 3 ของแก้ว ทำให้ระหว่างดื่มจะได้ลิ้มรสชาติความสดชื่นของผลไม้ และเกร็ดน้ำแข็งเคี้ยวกรุบ ให้ความรู้สึกสดชื่นสุดๆ สำหรับคนที่ไม่ดื่มโซดา
แนะนำจุดว้าวถ่ายรูป
มุมไฮไลท์ที่ใครๆ ก็ไม่พลาดถ่ายรูปเช็คอิน ชั้น 2 บริเวณหัวเครื่องบิน ที่ห้องควบคุมการบินสุดเท่ พร้อมด้วยอุปกรณ์และหน้าปัดการบินสมบูรณ์เกือบทุกรายละเอียด ถ้าตอนเด็กเคยใฝ่ฝันอยากเป็นนักบิน หรือแอร์โฮสเตส ความฝันของคุณเป็นจริงแล้วที่นี่ โอกาสที่ได้นั่งถ่ายรูปในตำแหน่งที่นั่งของนักบิน และอีกจุดที่แนะนำยืนบนปีกเครื่องบิน จะได้ความตื่นเต้นมองรอบบริเวณสวยงาม รับรองได้ภาพสุดประทับใจกลับบ้าน
รู้จัก 2 ผู้ปลุกชีวิตเครื่องบินโบอิ้ง 747 ราชินีแห่งท้องฟ้า สู่ ‘747 คาเฟ่’
อะราวด์ได้มีโอกาสพุดคุยกับ 2 หนุ่มคนสำคัญ ผู้อยู่เบื้องหลังไอเดียเครื่องบินคาเฟ่ ‘747 Cafe’ คุณบัณฑิต ลาวัณย์รัตนากุล หรือเรียกแบบกันเองว่า “นักบินจอห์นนี่” ดูแลในส่วน instrument (อินสทรูเมนท์) กลไกทุกอย่างของเครื่องบิน และ คุณโก้-นิธิโรจน์ ชวเลิศวัฒนชัย ผู้ออกแบบโครงการ ‘747 Cafe’ ทั้งในส่วนของร้านอาหาร รวมไปถึงออกแบบตกแต่งภายในเครื่องบินทั้งลำ ทั้งสองท่านมีเส้นทางที่นำพาให้มาบรรจบกัน ด้วยแพชชั่นที่มีต่อเครื่องบินมาตั้งแต่ครั้งยังเด็ก และได้มีโอกาสมาร่วมภารกิจในโครงการชุบชีวิตราชินีแห่งฟากฟ้า โดยมีเป้าหมายเดียวกันที่น่าศรัทธา คือการนำคุณค่าและจิตวิญญาณของผู้ที่รักในงานการบิน สวมลงในโบอิ้ง 747 ลำนี้ ให้ฟื้นกลับคืนชีพอีกครั้ง นับเป็นความท้าทายอย่างที่สุด
คุณจอห์นนี่ เล่าให้ฟังว่า “ได้ระดมพี่น้องในสายงานการบินที่ถูก Lay Off ตกงานมาช่วยกัน ทั้งช่างเครื่องของโบอิ้ง 747, ลูกเรือ, บาริสต้า ด้วยความคิดถึงและศรัทธาในอาชีพการบิน ทุกคนจึงใส่ความรัก ความทุ่มเท และจิตวิญญาณให้กับคาเฟ่แห่งนี้ ที่นี่ยังเป็นสถานที่พบปะเพื่อนฝูงในสายการบิน ที่ต่างแวะเวียนมาเสริมสร้างกำลังใจซึ่งกันให้หายคิดถึง เครื่องบินที่ครั้งหนึ่งเคยมอบความสุขกับผู้คนมหาศาล ต้องกลายเป็นดั่งซากที่ไร้วิญญาณ เรานำมาประกอบร่างใหม่ ก็เหมือนกับได้ชุบชีวิตทั้งเครื่องบิน และคนแวดวงการบินอีกครั้ง ในการปรับตัวตั้งรับกับสภาพเศรษฐกิจ และสถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่คาดคิดว่าจะส่งผลกระทบกันไปทั่วโลกเช่นนี้ ”
สำหรับ คุณโก้-นิธิโรจน์ ผู้ปลุกปั้นออกแบบสร้างสรรค์ในทุกขั้นตอนทุกรายละเอียด ให้นางฟ้านกเหล็กลำนี้มีชีวิตอีกครั้ง บอกกับอะราวด์ว่า “ถ้าจะนิยาม 747 Cafe นั่นคือคาเฟ่ที่ลึกถึงจิตวิญญาณของเครื่องบิน และลึกถึงรสชาติของกาแฟ…สำหรับเด็กต่างจังหวัดที่ชอบเครื่องบิน ทำเครื่องร่อนเล่นด้วยตัวเอง และเป็นคนไทยคนแรกที่ออกแบบวินด์เซิร์ฟ กับเซิร์ฟบอร์ด เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับปีกเครื่องร่อน ทำให้วันนี้ได้ถูกสานต่อความฝัน ด้วยโอกาสได้เป็นส่วนสำคัญ ในการพลิกฟื้นซากเครื่องบินที่ถูกปลดระวาง ให้กลับมาโลดแล่นในรูปแบบคาเฟ่เครื่องบินแนวใหม่ เป็นภารกิจที่สุดท้าทาย พอได้มาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังงานออกแบบ ก็ได้นำเอาความตื่นเต้นความอยากรู้อยากเห็นของตนเองทุ่มลงไป รื้อเปลือยโครงสร้างของเครื่องบินทั้งลำออกใหม่ทั้งหมด แม้กระทั่งตัวนักบินเองก็ไม่เคยรู้ว่าโครงสร้างภายในของเครื่องบินเป็นอย่างไร เป็นการเรียนรู้ไปพร้อมเห็นถึงความเสี่ยงบางประการ จุดอันตรายที่ควรเอาออกไป จุดสำคัญที่ควรเก็บรักษาไว้ เป็นการทำงานร่วมกับช่างผู้ชำนาญเฉพาะรุ่นของเครื่องบิน ทั้งนี้ยกเครดิตให้กับผู้บริหาร ที่วางแผนวางคนได้ถูกที่ถูกลักษณะของงาน ไม่ง่ายเลยในการทำสิ่งที่ฝืนธรรมชาติ ทำให้ซากเครื่องบินทั้งลำ กลายเป็นคาเฟ่ที่ทุกคนสามารถรับประสบการณ์อันสุดประทับใจ ใช้เวลาปลุกปั้นราว 2 เดือนเศษ ให้ได้ย้อนเวลากลับสู่ยุคทองของโบอิ้ง 747 และกว่าจะมาเป็น 747 Cafe ที่ตื่นตาตื่นใจ จนกลายเป็น Talk of The Town ในหมู่คนแวดวงการบิน และนักท่องเที่ยว” นับเป็นความลงตัวอันเต็มไปด้วยเสน่ห์ ที่ไม่เพียงเป็นสถานที่แฮงเอาท์แห่งใหม่ มอบประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้กับคนกรุงเทพฯ แต่ยังมีความหมายทางด้านจิตใจต่อคนในแวดวงการบินอีกด้วย
คาเฟ่เครื่องบินที่ปลอดโควิด
โครงการ 747 Cafe ไม่หยุดเพียงเท่านี้ ยังมีแผนในอนาคตเพิ่มกิจกรรมที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยว นักพักผ่อน และเด็กๆ ได้รับประสบการณ์อันแตกต่าง อาทิ มีการให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องบิน โชว์เครื่องยนต์ มีลานเด็กเล่น ฟาร์มสัตว์ อีกทั้งยังเป็นสถานที่สามารถปรับรองรับไพรเวทปาร์ตี้ งานแต่งงาน และถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง สำหรับส่วนของอาหาร ยังมีอาหารสไตล์ปิ้งย่างหม่าล่าโบอิ้ง และก๋วยเตี๋ยวเรือหม้อดินนายกร สาขาใหญ่ 629 ไว้คอยบริการให้ได้อิ่มแบบสุขภาพดี ภายในพื้นที่ของโครงการอีกด้วย
และสำหรับช่วงโควิดนี้ คาเฟ่ยังเปิดให้บริการปกติ โดยคำนึงถึงความสะอาด ปลอดภัย ตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยการเพิ่มที่กั้นให้เป็นสัดส่วนระหว่างโต๊ะ มีการจัดคิวเป็นรอบในการเข้าเยี่ยมชม นั่งพักผ่อนเอนจอยเครื่องดื่ม บริการรอบละ 50 คน ต่อ 1 ชั่วโมง เพื่อรักษาระยะห่าง Social Distancing พนักงานสวมใส่หน้ากากอนามัย และสวมถุงมือตลอดการให้บริการ รวมถึงมีการฉีดพ่นฆ่าเชื้อทำความสะอาด จัดวางเจลแอลกอฮอล์ตามจุดต่างๆ พร้อมกับให้กรอกประวัติ และวัดอุณหภูมิร่างกายนักท่องเที่ยวก่อนเข้าสู่คาเฟ่ทุกครั้ง
📍พิกัด: “747cafe” 627/1 ถนนหลวงแพ่ง แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ อยู่ตรงข้าม ซอยเอื้ออาทรลาดกระบัง1
🕗เวลาเปิดบริการ: 09:00 – 18:00 น.
☎️โทร. 099 567 7747, 082 621 3520
✈️ราคาตั๋วขึ้นเครื่อง: คนละ 120 บาท สามารถนำตั๋วนี้ไปแลกเครื่องดื่ม ที่คอฟฟี่บาร์ ได้ 1 แก้ว
🚗มีลานจอดรถฟรี ที่สามารถรองรับได้ 100 คัน