บาลานซ์ชีวิต เป้าหมายการเดินทางบทใหม่ของ ‘คอปเตอร์ – ภานุวัฒน์ เกิดทองทวี ‘
เพราะ “เวลา” คือสิ่งที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ยิ่งในตอนนี้ที่เผลอไม่เท่าไหร่ ก็ย่างเข้าปีใหม่อีกแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า เหมือนเช่น คอปเตอร์ – ภานุวัฒน์ เกิดทองทวี นักแสดงและศิลปินดาวรุ่ง ที่ถึงแม้จะเพิ่งแจ้งเกิดในวงการบันเทิงได้ไม่เท่าไหร่ แต่กลับเก็บเกี่ยวและสั่งสมประสบการณ์ จนมีชั่วโมงบินสูงไม่แพ้รุ่นพี่ และทำให้เราต้องชวนมานั่งจับเข่าคุยในบรรยากาศสบาย ๆ ของเดสติเนชั่นที่พักสุดเก๋ The Standard, Hua Hin เพื่อให้เข้ากันกับช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนแบบนี้
โดยก่อนเริ่มต้นเป็นแบบให้ช่างภาพเก็บภาพแฟชั่นเซ็ตหล่อ หนุ่มคอปเตอร์ก็ได้มานั่งพูดคุยกับเราแบบสบาย ๆ พร้อมกับเล่าย้อนกลับไปถึงวัย 10 ขวบ ซึ่งเป็นจุดสตาร์ทของเส้นทางในวงการบันเทิง
“จริง ๆ แล้วแม่ตั้งใจจะให้เป็นนักกีฬาเหมือนพี่สาว ที่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ แต่บังเอิญว่าผมดันไม่ถูกกับกีฬาเลย จนพอคุณแม่เห็นว่าเราชอบร้องเพลง ก็เริ่มส่งผมไปเรียน โชคดีที่ว่าผมอยู่ในครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่สนับสนุนในทางที่เราเลือกและเราชอบจริง ๆ ก็เลยทำให้เป็นการปูทางให้ผมได้เข้ามาสู่เส้นทางในวงการบันเทิง หลังจากที่เรียนไปสักพักหนึ่ง พออายุประมาณ 15 ก็ได้มีโอกาสไปเป็นเด็กเทรนในค่าย GMM ก่อนที่จะรู้ตัวว่าเป้าหมายใหม่ในชีวิต นั่นคือการเป็นศิลปิน ผมเลยเลือกเดินตามความฝันบนเวทีการประกวด The Star” ซึ่งความสำเร็จแม้จะไม่ได้มาในครั้งแรก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาลดละความพยายามลง “ต้องบอกตามตรงว่าความสามารถ ณ วันนั้น เราอาจจะยังไม่ได้มีมากพอ ยังไม่ได้พร้อมเท่าคนอื่น ก็ตกรอบไป แต่หลังจากนั้นผมก็เริ่มหาประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ จนช่วงที่จะขึ้นปี 1 ตอนนั้นเริ่มมีซีรี่ส์เปิดแคสต์ คือเรื่องเดือนเกี้ยวเดือน ผมก็เลยตัดสินใจไปแคสต์ และผลปรากฏว่าเราได้เป็นนักแสดงหลักในเรื่องนั้น ซึ่งก็เรียกว่าเป็นตั๋วเข้าสู่วงการบันเทิง เป็นใบเบิกทางสำหรับทุกอย่างที่ทำให้เราได้มีโอกาสดี ๆ ในวงการบันเทิง ทำให้คนได้รู้จักเรา แล้วก็ทำให้เราได้มีโอกาสที่จะได้ทำสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องการในตอนนี้ครับ”
ในวันแรกที่ได้ใช้ชีวิตบนเส้นทางที่ตัวเองใฝ่ฝัน ความรู้สึกในวันนั้นหนุ่มคนนี้ยังจำได้ไม่เคยลืม “ตอนนั้นมั่นใจมากว่าตัวเองเล่นดี (หัวเราะ) แต่คือมันไม่ได้ดีหรอกถ้าเราย้อนกลับไปมองตัวเอง คือมันอาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่เราตั้งใจอย่างเต็มที่ในโอกาสที่เราได้รับ ด้วยความที่เราพยายามมานาน เพราะฉะนั้นเราจะรู้ว่าโอกาสแต่ละสิ่งที่เราได้รับมามันไม่ได้มีให้คว้าง่าย ๆ แล้วเราต้องแย่งกับอีกตั้งกี่คน อย่างน้อยในวันที่ไปแคสต์ก็มีเป็นพันคน แต่เราเป็น 1 ใน 6 คนนั้นที่ได้เล่น ซึ่งพอเรารู้ว่ามันเป็นแบบนั้น เราไม่อยากปล่อยให้มันเสียเปล่าไป ผมไม่อยากทำให้ใครสักคนผิดหวังเลย ผมรู้สึกว่าเราอยากถ่ายทอดออกมาให้ดีที่สุด ส่วนที่บอกว่ามั่นใจ ตอนเล่นก็มั่นใจครับ แต่ว่าพอดูเราก็ยังประหม่าอยู่ดี ซึ่งถ้าถามว่าดีหรือไม่ดี ผมก็มองว่าจากตอนนั้นจนถึงปัจจุบันนี้ก็พัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ คือผมก็มีการศึกษาทั้งงานของตัวเอง และศึกษางานของคนอื่น ว่าปัจจุบันเขาไปถึงระดับไหนกันแล้ว ก็นั่งเก็บข้อมูล แล้วเราก็ค้นพบว่า เรายังพัฒนาต่อได้เรื่อย ๆ ครับ”
สิ่งที่ต่อเนื่องมาจากบทบาทของนักแสดงคือการเป็นศิลปิน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบและตั้งใจอยากจะทำมาตั้งแต่แรก และในครั้งนี้เขาได้ขยับเข้าไปใกล้คำว่าความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ในฐานะของหนึ่งในสมาชิกวงบอยแบนด์ SBFIVE จากค่าย StarHunter entertainment
“ต้องบอกว่าเป็นโชคชะตาครับ เพราะหลังจากที่เราเล่นเรื่องเดือนเกี้ยวเดือนจบ แล้วผู้จัดการเห็นว่าเราทั้ง 5 คน มีสิ่งที่ชอบเหมือนกันคือการร้องเพลง มันก็เกิดเป็น SBFIVE ครับ ซึ่งผลตอบรับก็เรียกได้ว่าดีเกินคาด ที่เห็นชัดเลยคือตอนที่เราไปทัวร์ที่ประเทศจีน เราบินไปถึงแล้วมีแฟนคลับมาต้อนรับแน่นสนามบินจนเราตกใจ เราไม่เคยเจอบรรยากาศแบบนี้ ช่วงเวลานั้นสินค้าต่าง ๆ งานพรีเซนเตอร์ก็ให้ความสนใจ ซึ่งตอนนั้นอาจจะเป็นช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่าเหนื่อยมาก แต่ก็แฮปปี้มากเหมือนกัน เพราะว่าทำให้เราเรียนรู้เกี่ยวกับทุก ๆ อย่างในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นด้านที่ชอบหรือไม่ชอบ เราได้รู้หมดในช่วงเวลานั้น แล้วเราก็เก็บประสบการณ์ทั้งหมดมาบาลานซ์ชีวิตตัวเองในปัจจุบัน”
“อย่างสมัยก่อนผมยอมรับตามตรงว่าช่วงแรก ๆ ที่เรามีชื่อเสียงมาก ๆ เราดันสร้างอีโก้ขึ้นมานิดหนึ่งโดยที่ไม่รู้ตัว ด้วยความที่เราเชื่อว่าไม่ว่าจะทำอะไรก็มีคนพร้อมจะซัพพอร์ตตลอดเวลา แต่พอถึงวันที่มีรุ่นใหม่ ๆ เข้ามา แฟนคลับเขามากมาย แต่เราน้อยลง ซึ่งมันเป็นธรรมดาของวงการบันเทิงอยู่แล้ว พอเราเชื่อมั่นและยึดติดกับมันมากเกินไป เราก็ผิดหวังนิดหนึ่งเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้เชิงว่าเฟลจนไม่อยากทำงาน และอีกสิ่งที่ทำให้ผมมองเห็นจุดด้อยตัวเองว่า บางทีในช่วงเวลาที่เราสร้างอีโก้ขึ้นมา เราก็ดันไม่ได้เต็มที่กับงานทุก ๆ งานเหมือนกัน เราไม่ได้ใส่ความจริงใจลงไปในชิ้นงานที่เราทำ ณ ช่วง ๆ หนึ่ง เราเห็นจุดด้อย เห็นทุกอย่างในชีวิตของตัวเองแล้ว เราก็เลยเริ่มบาลานซ์ชีวิตตัวเองได้ ซึ่งหลังจากเรียนรู้ตรงนั้นได้ ก็ทำให้ทุกวันนี้ผมอยู่ตรงนี้แล้วสบายใจมาก”
ไม่เพียงแต่การเป็นนักแสดงและศิลปินเท่านั้น แต่หนุ่มคนนี้ยังพิสูจน์ความสามารถของตัวเองด้วยการก้าวขึ้นไปอีกขั้น ในบทบาทของการเป็นผู้บริหารค่ายเพลง ซึ่งเขาได้นำเอาประสบการณ์ที่เรียนรู้ด้วยตัวเองมาถ่ายทอด
“หลังจากที่ได้เรียนร้องเพลงและดนตรีมาตั้งแต่เด็ก จนมาถึงตอนที่ทำ SBFIVE แล้วผมเจอปัญหาหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียนรู้มาจากอีโก้ของผมเองนี่ล่ะ คือบางทีผมไม่ชอบงานที่โปรดิวเซอร์คนอื่นเขาทำมาให้วงเรา แล้วผมอยากทำเอง แต่จะทำเองอย่างไรถ้าเราไม่มีความรู้ ผมก็เลยไปศึกษาเอง วิธีการทำเพลงเบื้องต้นต่าง ๆ นานา เรามีพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องเครื่องดนตรีอยู่แล้ว แต่ว่าสิ่งที่เราอยากรู้เพิ่มคือการผลิตเพลง เขาผลิตออกมาได้อย่างไร ผมก็ไปศึกษาด้านนั้นอย่างเต็มที่เลยจนผมเริ่มทำ เริ่มแต่งเนื้อเอง แล้วผมก็เป็นสายอุปกรณ์ คือเห็นคนอื่นเขามีอะไรก็จะซื้อมาก่อน เล่นเป็นไม่เป็นไม่รู้ แต่ขอให้มีไว้ก่อน พอมีแล้วก็ค่อยลองเล่น ดูว่ามันเล่นอย่างไร ศึกษาไปเรื่อย ๆ จนเริ่มรู้สึกว่า เราพอรู้พื้นฐานแล้ว แต่เราต้องรู้มากขึ้น ก็เลยตัดสินใจตอนช่วงโควิดที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่งานในวงการบันเทิงไม่ค่อยมีเลย ไปเรียนคลาสออนไลน์กับต่างชาติ เพื่อศึกษาวิธีการทำเพลง เรียนอย่างจริงจัง จนมีช่วงหนึ่งที่ทางค่ายอยากจะขยับขยายบริษัทเพิ่มขึ้น เพราะว่าจะทำซีรี่ส์หลายเรื่อง รวมทั้งมีบอยแบนด์และเกิร์ลกรุ๊ปที่จะเกิดขึ้นใหม่ และเขาต้องการคนที่จะเป็น Head ในการที่จะควบคุมเรื่องพวกนี้ได้ ทางหัวหน้าค่ายก็เลยให้ภารกิจผมในการที่จะดูแลพาร์ตที่ชื่อว่า ฮันเตอร์เรคคอร์ท”
ส่วนงานเพลงของตัวเองนั้นหนุ่มคนนี้ก็ยังคงไม่ทิ้ง แต่ค่อย ๆ เก็บเกี่ยวและทำอย่างตั้งใจจนพร้อมที่จะนำเสนอสู่คนฟังในที่สุด “เพลงของตัวเองนั้นผมค่อย ๆ แต่ง ค่อย ๆ เรียบเรียงไป รอว่าถ้าถึงจังหวะหนึ่งที่เรารู้สึกว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมด ดีมากพอที่จะปล่อยผ่านไปสู่คนฟังได้ รู้สึกว่าอย่างน้อยถึงมันจะไม่ได้ success ในด้านของความดังหรือว่าความแมส แต่ว่าถ้ามัน success ในความรู้สึกของเราเอง มันโอเคแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัทของตัวเอง ที่ตอนนี้กำลังวางแบบแผนอยู่ เป็นบริษัทที่ทำร่วมกับเพื่อนสมัยเรียน อาจจะยังพูดไม่ได้มากว่าเราจะทำอะไร แต่เรามองเห็นโอกาสบางอย่างในตลาดอุตสาหกรรมเกี่ยวกับ Influencer ในประเทศไทย แล้วเราก็มองว่ามันเป็นตลาดที่น่าสนใจ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผมตั้งเป้าหมายว่าจะต้องทำให้เกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างในปีใหม่นี้ ซึ่งปกติผมเป็นคนวางเป้าหมายชัดเจนอยู่แล้ว เพราะว่าถ้ามีเป้าหมายชัดเจนเราก็จะพยายามมากพอให้ถึงตรงนั้น แต่ถ้าหากว่าสุดท้ายเราทำไม่สำเร็จก็ปลอบใจตัวเองไป เพราะผมทำทุกอย่าง ผมตั้งใจกับมันอย่างเต็มที่แล้ว”
แม้จะเป็นการพูดคุยในระยะเวลาเพียงไม่นานนัก แต่สิ่งที่เราสัมผัสได้อย่างชัดเจนในตัวเองหนุ่มคนนี้คือ ความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ ที่อาจได้มาจากการที่เขานั้นแทบไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบของวัยรุ่นทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยเสียดายเลย
“ผมใช้เวลาทั้งหมดนั้นไปกับการฝึกร้องเพลง ฝึกฝนตัวเองตลอดเวลา แล้วมันกลายเป็นไลฟ์สไตล์ของผมไปแล้ว ผมก็เลยมองว่านั่นก็คงเป็นชีวิตวัยรุ่นของผมแหล่ะ ผมไม่ได้เอาไลฟ์สไตล์ของตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะว่าคนอื่นเขาไม่ได้ตั้งเป้าหมายแบบเรา จะมาเทียบกับเขาไม่ได้ ทุกคนมีวิธีการประสบความสำเร็จในแบบของตัวเอง ซึ่งผมก็มองว่าถ้าผมไม่ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างเต็มที่ ไม่ได้ไปร้องเพลง ไปเต้นในวันนั้น ผมก็ไม่ได้มาเป็นผมในทุกวันนี้เหมือนกันครับ”
พูดจบพร้อมกับความรู้สึกเสียดายเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา เพราะได้เวลาที่ต้องปล่อยให้หนุ่มคนนี้ไปทำอีกหนึ่งหน้าที่ คือการโพสต์ท่าเป็นนายแบบเซ็ตแฟชั่นหล่อเท่ในวันนี้แล้ว แต่ก่อนจะไปก็ไม่ลืมที่จะทิ้งท้ายถึงผลงานที่จะมีให้ได้ติดตามกัน พร้อมอวยพรผู้อ่าน AROUND ในโอกาสขึ้นปีใหม่ด้วย
“ตอนนี้ที่ถ่ายทำอยู่และน่าจะได้ดูปีหน้านี้คือ ภาพยนตร์ผี เรื่อง She Comes At Night แล้วก็มีเรื่อง Boy Never Smiles ซึ่งเป็นซีรี่ส์วาย เล่นกับพี่คิมม่อน เริ่มถ่ายทำในช่วงปลายปีนี้ แล้วก็มีซีรี่ส์ของผมเองอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผมเป็นพระเอกก็เริ่มเวิร์กช็อปกับนักแสดงคนอื่น ๆ ไปแล้วเรียบร้อย เดี๋ยวรอทางค่ายผู้จัดทำประกาศอย่างเป็นทางการว่าชื่อเรื่องอะไร เป็นแนวไหนครับ และสำหรับผู้อ่านก็ขอให้แฟน ๆ ที่ติดตามนิตยสาร AROUND มีความสุขมาก ๆ คิดสิ่งใดขอให้สมความปรารถนา เรื่องสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ ก็ขอให้โรคภัยไข้เจ็บไม่มาหาครับ” (ยิ้ม)
MODEL: ภานุวัฒน์ เกิดทองทวี
PHOTOGRAPHER: พลอยภัทร
PHOTOGRAPHER ASSISTANT: พลภัทร นรเศรษฐกานนท์
STYLIST: @kn_kayen__
STYLIST ASSISTANT: จารุวิทย์ ศรัทธาธรรม
HAIR STYLIST: @oz_silaviwat
MAKEUP ARTIST: @rinda_hair
ACCESSORIES: MATARA Boutique,The Peninsula Bangkok โทร. 064 642 8465
CLOTHES: Matter Makers ชั้น 2 เกษรวิลเลจ โทร. 0 2656 1388, DOLCE&GABBANA ชั้น M สยามพารากอน โทร. 0 2610 6790, Karl Lagerfeld ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ โทร. 0 2252 0038, Marc Jacobs ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ โทร. 0 2252 0503
LOCATION: The Standard, Hua Hin 59 ถนนนเรศดำริห์ ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โทร. 032 535 999