หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่อยากหลีกเลี่ยงการใช้ยา เบื่อกับผลข้างเคียงของยา หรือเหนื่อยหน่ายกับโรคเรื้อรัง และอาการต่างๆ ที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอ่อนเพลีย ภูมิแพ้ แพ้อาหาร เข้ากับอาหารไม่ได้ (Food Intolerance) ระบบการย่อยอาหารไม่ดี ท้องอืด เบาหวาน ความดัน นอนไม่หลับ ฮอร์โมนปั่นป่วน สับสน มึนงง หรือเพียงแต่ต้องการดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ TBM (Total Body Modification) น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะกับผู้กำลังประสบปัญหาสุขภาพในอาการดังที่กล่าวมา

TBM (Total Body Modification) นั้นเป็นศาสตร์ที่เกิดจากผู้ก่อตั้ง คือ Victor Frank เป็นการรักษาทางเลือกอย่างหนึ่งที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ปราศจากการใช้ยาและสารเคมี อาจมีเพียงวิตามิน หรืออาหารเสริมเล็กน้อย เพียงเท่าที่จำเป็นในระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อส่งเสริม support ให้ร่างกายฟื้นตัว และซ่อมแซมอย่างถูกต้อง และสามารถรักษาควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งอาจช่วยให้ลดการใช้ยา และการผ่าตัดที่ไม่จำเป็นลงได้

ตามหลักการรักษาแบบ TBM นั้นไม่ได้รักษาเรา แต่ TBM ทำให้ร่างกายของเรารักษาตัวเราเอง กระตุ้นร่างกายให้ทำหน้าที่อย่างถูกต้อง ขจัดปัจจัยตัวกวนที่ทำให้ร่างกายของคุณไม่ซ่อมแซมตัวเอง อย่างที่ควรจะเป็น ปรับสมดุลให้ระบบประสาทที่ควบคุมทุกระบบทำงานอย่างราบรื่น และกระตุ้นระบบการซ่อมแซมของร่างกาย ซึ่งความสามารถของร่างกายมนุษย์เองนั้น ดี ถูกต้อง และเหมาะสมยิ่งกว่าใดๆ จะทำได้

TBM เป็นศาสตร์การรักษาที่กำเนิดมาจากประเทศอเมริกา โดยเป็นการนำศาสตร์ต่างๆ มาประยุกต์รวมกัน ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบัน กายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) การฝังเข็ม การกดจุด การจัดกระดูก (Chiropractic) และที่สำคัญคือ Ap-plied Kinesiology (AK) โดยร่างกายของคนเรา มีระบบประสาทที่เรียกว่า ระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous System) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมทุกๆ ระบบ และทุกๆ อวัยวะในร่างกาย ระบบประสาทอัตโนมัตินี้ แบ่งออกได้เป็น 2 ระบบ:

*ระบบ Sympathetic (เปรียบเสมือนเป็นคันเร่ง) ทำหน้าที่ให้ร่างกายตื่นตัว พร้อมจะเอาชีวิตรอด เช่น ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ทำให้ม่านตาขยาย แต่หากมีมากเกินไป ก็อาจเกิดอาการใจสั่น ท้องผูก นอนไม่หลับ ความดันสูง อวัยวะเพศไม่แข็งตัว ร่างกายหายป่วยช้า เป็นต้น

*ระบบ Parasympathetic (เปรียบเสมือนเป็นเบรค) เป็นระบบที่ช่วยให้ร่างกายหยุดพักซ่อมแซม รักษาหัวใจเต้นช้าลง ม่านตาหด ลำไส้บีบตัวมากขึ้น แต่หากระบบนี้ทำงานมากเกินไป อาจมีอาการง่วงซึม ท้องเสีย หัวใจเต้นช้า หน้ามืดเป็นลม ความดันต่ำ เป็นต้น

ดังนั้นแล้ว หากเรารักษาเฉพาะอาการที่ปลายเหตุ เฉพาะอวัยวะที่เกิดอาการ เช่น ใจสั่น กินยาแก้ใจสั่น ท้องผูก กินยาระบาย แต่ไม่ได้ดูแลอาการอื่นๆ ของระบบ Sympathetic อาการอื่นๆ ของระบบนี้จึงไม่ได้ดีขึ้นด้วย เช่น นอนไม่หลับ หรืออวัยวะเพศไม่แข็งตัว แต่ในทางกลับกัน TBM เป็นการรักษาผ่านทางการปรับสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งเป็นตัวควบคุมทุกระบบโดยตรง จึงทำให้ร่างกายเข้าสู่สมดุลทั้งหมด ดีต่อทุกๆ ระบบของร่างกาย สมชื่อ Total Body Modification (TBM)

TBM เปรียบร่างกายเหมือนเป็นมือถือสมาร์ทโฟน ที่ถูกควบคุมโดยระบบประสาท ส่วนตำแหน่งบนร่างกายเปรียบเหมือนเป็น Program Application ซึ่งเป็น Reflex Point เชื่อมโยงกับอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย และแน่นอนว่าร่างกายของเรา ซึ่งเปรียบดั่งสมาร์ทโฟนนี้ ย่อมมีระบบหน้าจอสัมผัส (Touch Screen) ซึ่งเราสามารถสัมผัสเพื่อเปิด Program App อวัยวะเหล่านั้นขึ้นมาได้ เมื่อเปิดโปรแกรมของอวัยวะใด ก็เปรียบเสมือนทดสอบหน้าที่การทำงานของอวัยวะนั้นๆ ในการทดสอบแพทย์ผู้ตรวจจะทดสอบแรงกล้ามเนื้อ (Applied Kinesiology) เช่น หากจับที่ตับแล้วแขนอ่อนแรงลง แสดงว่าหน้าที่การทำงานของตับไม่สมบูรณ์ นอกจาก Applied Kinesiology จะทำให้เราตรวจสอบประสิทธิภาพของอวัยวะได้แล้ว ยังสามารถทำให้เราอัพเดทข้อมูลต่างๆ ผ่านทางระบบประสาท (ไขสันหลังเหมือนเป็น Keyboard ที่เราป้อนข้อมูล) ซึ่งข้อมูลที่เราอัพเดทให้ร่างกายรับทราบ ก็คือ ข้อมูลให้ร่างกายซ่อมแซมรักษาตัวเอง อย่างที่ควรจะเป็นนั่นเอง

ที่มาของบทความ : โรงพยาบาลสมิติเวช https://www.samitivejhospitals.com