เปิดมุมความคิด นาย ณภัทร เสียงสมบุญ ไลฟ์สไตล์สบายๆ แต่เต็มไปด้วยแง่คิด
การทำงานในวันนั้นเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เช้า เพราะเรามีนัดกันที่ Mason สถานที่พักผ่อนสุดหรูแห่งใหม่ในพัทยา ที่มาพร้อมความสงบ เป็นส่วนตัว ร่วมด้วยดีไซน์คอนเซ็ปต์และดีไซน์การออกแบบสุดเท่ เข้ากันอย่างลงตัวกับนายแบบของเราวันนี้ และด้วยสภาพอากาศที่ดูจะเป็นใจให้กับการทำงาน เราจึงได้ภาพแฟชั่นเซ็ตสุดเท่มาฝากกัน โดยหลังเสร็จจากการโพสต์ท่าหล่อเท่ให้ช่างภาพได้รัวชัตเตอร์แล้ว หนุ่มหล่อหน้าใสก็ตรงเข้ามานั่งประจำที่ให้เราได้พูดคุยสัมภาษณ์เหมือนเช่นเคย โดยบอกกับเราว่าถึงแม้วันนี้เขาจะเข้ามาโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงอย่างเต็มตัวเป็นเวลา 3 ปีแล้ว แต่สำหรับเขาก็ยังไม่อาจให้คะแนนพัฒนาการของตัวเองถึง 10 ได้ เพราะมองว่าตัวเองยังสามารถพัฒนาไปได้อีก
“ถ้าให้คะแนนตัวเองสำหรับผมมองว่าเต็ม 10 น่าจะได้สัก 7 ถึง 8 พอครับ แม้ว่าตัวผมจะเป็นคนทำอะไรต้องเต็มที่ทุกอย่าง แต่ที่ไม่ให้คะแนนตัวเองเต็มเพราะว่าเรายังพัฒนาได้อีกเยอะ ทั้งเรื่องการแสดง เรื่องวินัย ฝีมือก็ต้องพัฒนาไปอีก ทุกอย่างครับต้องอย่าหยุดนิ่งอยู่กับที่ ส่วนคุณแม่ก็มีให้คำแนะนำในเรื่องการแสดงด้วยครับ เพราะว่าคุณแม่เองก็เป็นนักแสดงมาก่อนเรา เป็นมา 30 ปีแล้ว เลยเป็นเหมือนครูคนหนึ่ง คุณแม่จะสอนว่าเวลามีแบบนี้ เทคนิคคือต้องทำอย่างนี้ หรือช่วงแรกที่ผมไม่รู้เรื่องมุมกล้องเลย คุณแม่ก็จะอธิบายว่าภาพจะเป็นแบบนี้ๆ นะ”
ส่วนกับภาพของความเป็น “ลูกดารา” ที่ติดตัวเขามาตั้งแต่ก่อนจะเข้าวงการนั้น หนุ่มนายบอกว่าไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกดดัน แต่กลับมองว่าเป็นเรื่องดีเสียอีก “ผมว่าเอาจริงๆ ก็ถือว่าผมโชคดีกว่าคนอื่นนะครับ เพราะว่าคุณแม่เป็นนักแสดง เราก็มีโอกาสได้ตามไปกองถ่ายตั้งแต่เด็ก ได้ไปเห็นวิธีการทำงาน ได้อยู่ในบรรยากาศของสังคมกองถ่ายตั้งแต่เด็ก พอโตมาทุกวันนี้ก็รู้สึกเหมือนตอนเป็นเด็กที่ไปกองแล้วสนุกสนาน อยู่กับทุกคนได้ อยู่กับพี่ๆ ช่างไฟ อยู่กับทีมสวัสดิการ ก็เหมือนตอนเด็กๆ ที่ได้ขึ้นไปนั่งเล่นบนรถ ob บางคนผมก็ได้เจอในกองตั้งแต่ตอนเด็กๆ จนถึงวันนี้ก็มาทำงานร่วมกับผมแล้ว ก็สนุกดีนะครับสำหรับผม เหมือนเราซึมซับงานในวงการบันเทิงมาตั้งแต่เด็ก พอมาตอนนี้ก็แค่เปลี่ยนหน้าที่เท่านั้นเองครับคือการทำงานในวงการบันเทิงโดยส่วนตัวผมมองว่าเป็นสิ่งที่ต้องลองดู โชคดีที่ลองแล้วชอบ แต่จริงๆ ตอนเด็กๆ ก็ไม่ได้ชอบเลยนะ ตอนเด็กๆ เวลาใครถามว่าอยากเป็นนักแสดงไหม เราก็จะไม่อยากเป็น เพราะว่าเป็นคนขี้อาย แต่พอได้ลองแล้วก็รู้สึกว่าอยากพัฒนาไปอีก จนทำมาเรื่อยๆ คือพอทำได้แล้วมันสะใจ พอรู้ตัวอีกทีก็ชอบรัก และสนุกไปกับมันแล้ว โดยวิธีการที่ผมใช้เพื่อเอาชนะความขี้อายคือ เรารู้สึกว่าโอกาสมันไม่ได้มาง่ายๆ ถ้าไม่ทำก็เหมือนเราไปปฏิเสธโอกาสหมดเลย และวันข้างหน้าเราอาจจะมองกลับมาแล้วคิดว่าเราปฏิเสธโอกาสดีๆ แบบนี้ได้อย่างไร ทั้งที่มีคนอีกหลายคนที่อยากได้โอกาสแบบนี้ ก็เลยลองมาทำงานในวงการบันเทิงดู แล้วพอตัดสินใจทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ ไม่อายแล้วครับ”
แม้จะมีโอกาสได้เข้ามาทำความคุ้นเคยกับวงการบันเทิงมาก่อนแล้ว แต่เมื่อได้ก้าวเข้ามาเต็มตัวเขาก็ได้เรียนรู้ว่าการทำงานในฐานะของดารานักแสดงมืออาชีพ ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่ใครหลายคนคิด ฉะนั้นในช่วงที่ทำงานหนัก หรือมีคิวงานอัดแน่นอย่างเช่นในเวลานี้เขาจึงต้องยิ่งดูแลตัวเองเป็นพิเศษ “ปกติผมจะเน้นการพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ แล้วก็เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ครับ แต่ช่วงนี้เดินทางเยอะมาก ตารางชีวิตก็อาจจะมั่วซั่วนิดหนึ่งครับ (หัวเราะ) ส่วนคุณแม่ก็จะดูแลโดยการคอยหาวิตามิน บวกกับการที่คุณแม่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการให้ด้วย ก็จะคอยดูคิวให้ว่าผมมีเวลานอนที่เพียงพอ ได้พักผ่อนบ้าง ไม่ได้ทำงานหักโหม ซึ่งก็ยอมรับว่าตั้งแต่ที่ทำงานมา เวลาของแม่ลูกก็หายไปเยอะมากครับ เจอกันส่วนใหญ่ก็จะเป็นเวลาที่มาทำงาน คือเวลาที่ผมมาทำงานคุณแม่ก็มาด้วย แต่ก็มีความสุขดีครับ เหมือนเราได้มาเที่ยวด้วยในเวลาเดียวกัน อย่างล่าสุดเพิ่งกลับจากมิลาน คุณแม่ก็ไปด้วย ก็เลยเหมือนเราได้เที่ยวไปด้วยในตัว ก็โอเคครับ ดีกว่าต้องอยู่บ้าน เพราะตอนนี้คุณแม่ก็แทบไม่ค่อยได้แสดงแล้วครับ แต่ทุกปีเราก็จะมีทริป มีวางแพลนเที่ยวกันอยู่เสมอครับ ตอนนี้ก็กำลังเล็งที่ตุรกีครับ แต่ยังไม่รู้ว่าคิวจะเป็นอย่างไร เพราะเดี๋ยวผมต้องรับละคร 2 เรื่อง ซึ่งคุณแม่ก็เข้าใจเพราะเป็นคนรับงานให้ผมครับ (ยิ้ม) ส่วนวันแม่ปีนี้เราก็คงไม่ได้มีอะไรพิเศษ จะแค่กินข้าว ด้วยความที่เป็นคนแมนๆ ทั้งคู่ เราก็จะกินข้าว ไปเที่ยว ไปทำกิจกรรมกันเหมือนปกติทุกๆ วันครับ”
ด้วยความที่สนิทสนมและไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด จึงทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่านั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หนุ่มหล่อคนนี้ยังไม่มีคนรู้ใจหรือเปล่า ซึ่งเขาก็รีบตอบกลับมาว่า “ไม่ครับ ไม่เคยเกรงใจ (หัวเราะ) แต่คุณแม่ก็ไม่เคยห้ามผมนะครับเรื่องนี้ แต่ผมแค่รู้สึกเอง อย่างเช่น ตอนเด็กก็จะรู้สึกว่ามันไม่มีความรักที่แท้จริงหรอก มีแค่ปัปปี้เลิฟ ดังนั้นสิ่งที่ทำก็คือตั้งใจเรียน พอเรียนจบแล้วก็อาจจะคิดได้เรื่องมีความรัก คือเรื่องความรักผมมองว่าก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับ ถ้าหากว่ามันทำให้ทุกอย่างดีขึ้น คอยซัพพอร์ตกันและกัน ไม่ใช่ว่าคบกันแล้วทุกอย่างดิ่งลง ซึ่งถ้ามีความรักก็ควรรักษาไว้ให้ดี เข้าอกเข้าใจ รับฟังกัน และถ้าหากวันหนึ่งมีความรัก ผมก็จะให้ความสำคัญ แต่ต้องรักตัวเองก่อน รักตัวเองให้มากๆ มากกว่ารักคนอื่น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ คบกันไปวันหนึ่งอาจจะเลิกกันก็ได้ ฉะนั้นก็ต้องคิดเผื่อใจไว้ทั้ง 2 อย่างครับ ส่วนสเปกผู้หญิงของผม ผมชอบผู้หญิงอารมณ์ดีครับ ตลก ดูแลตัวเอง ดูแลสุขภาพร่างกายตัวเอง และถ้าทำอาหารเป็นด้วยก็จะดีมาก” (ยิ้ม) จากการที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกันถึง 3 ครั้ง บวกกับการได้เฝ้าดูหนุ่มคนนี้มาโดยตลอดนับตั้งแต่ก้าวแรกที่เริ่มเข้ามาอยู่ใต้แสงสปอตไลท์ เราสัมผัสได้ว่าเขาคือหนุ่มที่มากไปด้วยความสามารถทั้งการแสดง ดนตรี กีฬา ถ่ายภาพ งานออกแบบ ทั้งยังดูแลตัวเองได้ดีในเรื่องการวางตัวและความคิด จนเราอยากจะมอบตำแหน่งชายหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบให้ แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธ โดยบอกว่า
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ ไม่หรอก ผมว่าผมไม่ใกล้เคียงเลย ผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องความสมบูรณ์แบบ เรื่องความเพอร์เฟ็คต์ครับ เพราะว่าทุกอย่างในโลกไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ 100% ทุกอย่างต้องมี 2 ด้านเสมอ อย่างเหรียญก็ยังมี 2 ด้าน แล้วผมก็อาจจะมีนิสัยไม่ดี หรือว่านิสัยที่เป็นมุมตรงข้ามกับที่ทุกคนเห็น เราก็แค่แยกแยะให้ออกว่าอันไหนถูกต้อง อันไหนผิด อันไหนสุภาพไม่สุภาพ อันไหนควรไม่ควรทำ แค่นี้มากกว่าครับ ซึ่งที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ผมยังไม่เคยเจอใครที่ใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบเลยนะครับ” ถึงจะปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับเราก็ยังมองหาข้อเสียของหนุ่มคนนี้ไม่ได้อยู่ดี และสำหรับแฟนๆ ที่คิดถึงผลงานทางหน้าจอโทรทัศน์ของหนุ่มคนนี้บอกเลยว่าไม่นานเกินรอ เพราะเร็วๆ นี้เขากำลังจะมีละครแนวดราม่าโรแมนติกเรื่อง ทีใครทีมัน ให้ได้ชมกัน โดยรับบทเป็นนักกอล์ฟ ซึ่งเป็นกีฬาที่เขาถนัด แต่ในระหว่างรอก็มาชมแฟชั่นเซ็ตหล่อกับสถานที่สุดเท่ที่เรานำมาฝากกันนี้แก้คิดถึงไปก่อนแล้วกัน
เรื่อง : จักรีรัตน์ อัสดรวุฒิไกร