“บลู เอเลเฟ่นท์” ภัตตาคารอาหารไทยโบราณ ต้นตำรับจากบรรพบุรุษ สู่การรังสรรค์เมนูจานอร่อยอย่างมีเอกลักษณ์ไม่มีสิ้นสุด ต่อยอดอาหารไทยสู่ระดับสากล จนร้านอาหารสัญลักษณ์ช้างสีน้ำเงิน สร้างภาพจดจำไปทั่วโลก ตั้งแต่เปิดให้บริการเป็นแห่งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2523 ที่เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์ ก็ได้ขยายสาขาหลายแห่งอย่างต่อเนื่องไปทั่วยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย จนในปี พ.ศ. 2545 ก็ถึงเวลาที่คนไทยได้มีโอกาสลองลิ้มชิมรสชาติอาหารไทยที่ดังไกลไปทั่วโลก จาก “ภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์” เป็นครั้งแรก ที่กรุงเทพฯ ภายใต้บรรยากาศที่พาเราย้อนกลับไปในสมัยรัชกาลที่ 5 ด้วยทำเลทอง อันเป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ ของอาคารเก่าแก่งดงามทางสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ที่มีอายุกว่า 100 ปี เคยเป็นที่ทำการของหอการค้าไทย และศูนย์บัญชาการของทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีความโดดเด่นลงตัวอย่างที่สุด ในแลนมาร์กอันดึงดูดทั้งคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้มาสัมผัสประสบการณ์สุดประทับใจ

ความใส่ใจในการให้บริการ และการเลือกใช้วัตถุดิบชั้นเยี่ยมที่มาจากท้องถิ่น ให้ผู้มารับประทานอาหารมีรอยยิ้ม เปี่ยมความสุข และรับประสบการณ์สุนทรียรส สัมผัสวัฒนธรรมอาหารอันหลากหลายของประเทศไทย ด้วยความเป็นเลิศของต้นตำรับอาหารไทย ที่มีชื่อเสียงดังไกลไปถึงต่างแดน “เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้” ผู้หญิงที่เปี่ยมด้วยพลังสร้างสรรค์ สนุกและมีความสุขกับการคิดค้นสูตรอาหารใหม่ๆ ครีเอทเมนูที่ทำให้นักชิมต้องว้าวได้เสมอ

เธอต้องการส่งพลังบวกต่อผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะเรื่องของแพชชั่น ที่จะนำพาไปสู่เส้นทางและทำในสิ่งที่รักอย่างไม่มีวันเหน็ดเหนื่อย เธอผู้อยู่เบื้องหลังความมุ่งมั่น ในการรับบทบาทอย่างไม่เป็นทางการฐานะฑูตด้านอาหาร วัฒนธรรม และประเพณีไทย ไม่เพียงเธอมีความภาคภูมิใจในการนำพา บลู เอเลเฟ่นท์ ช้างสีน้ำเงิน ออกไปทำให้คนต่างชาติเข้าถึงวัฒนธรรมไทยผ่านรสชาติ และรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยในวงกว้างเท่านั้น เธอยังนำสิ่งที่เป็นความถนัดทางด้านอาหาร มาเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์แคมเปญเฉพาะกิจ เพื่อสานเจตนารมณ์ส่งต่อพลังบวก มอบกำลังใจ และนำรายได้บางส่วนช่วยเหลือผู้หญิงที่กำลังประสบความเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ด้อยโอกาส ไม่น่าเชื่อว่าจากสถิติทั้งในไทยและทั่วโลก มะเร็งเต้านมพบมากเป็นอันดับ 1 หรือ 2 ของโรคมะเร็งที่เกิดกับผู้หญิงเลยทีเดียว สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ยังระบุสถิติว่าผู้หญิงไทยป่วยเป็นมะเร็งเต้านมถึงร้อยละ 37 ของมะเร็งทั้งหมด

บลูเอเลเฟ่นท์ โดยเชฟนูรอ ได้สร้างสรรค์แคมเปญ “PINK RIBBON” อย่างต่อเนื่องมาจนถึงปี 2562 เป็นปีที่ 6 แล้ว ด้วยการรังสรรค์เมนูพิเศษขึ้น “ตลอดช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี” ซึ่งเป็นเดือนของการรณรงค์มะเร็งเต้านมโลก นำรายได้จากการขายอาหารเมนูพิเศษหลังหักค่าใช้จ่าย สมทบกองทุน “มูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ” หรือ QSCBCF เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยดังกล่าวต่อไป

“บลู เอเลเฟ่นท์” ยังคงคอนเซ็ปต์ในการใช้สีชมพู (PINK) เป็นสัญลักษณ์แทนผู้หญิง ปีนี้ยังได้จัดไฟสปอร์ตไลท์สีชมพูอาบทั่วทั้งอาคารภายนอก สวยงามยามค่ำคืน สัมผัสได้ถึงพลังแห่งสตรีเพศและดึงดูดสายตายิ่งนัก ส่วนธีมอาหาร “PINK RIBBON MENU 2019” ธีมพิเศษของแคมเปญในเดือนตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา เน้นวัตถุดิบชั้นเลิศ Super Foods ในกลุ่มสมุนไพรไทยจากแหล่งต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น กระเทียมดำ, ใบชะคราม, มะม่วงหาวมะนาวโห่ และเม็ดกระบก มารังสรรค์เป็นเมนูสุดพิเศษ ภายใต้แนวคิด “Herbs for health” และเป็นการสร้างความรับรู้ควบคู่กับการอนุรักษ์สมุนไพรไทย ในยุคที่กำลังจะถูกลืมเลือนไปในสังคมไทยปัจจุบัน

เมนูเพื่อสุขภาพสำหรับปีนี้ เริ่มจากเมนูเรียกน้ำย่อย หนังปลาแซลมอนหมาล่าน้ำพริกหนุ่มไข่ปลาคาเวียร์, ยำปูใบชะคราม เมนูอาหารว่าง ได้แก่ ส้มตำแก่นตะวันทูน่าสับปะรดสาหร่ายพวงองุ่น, หมูกอและ, ช่อชมพู ส่วนเมนูประเภทซุป ได้แก่ กะหรี่ไหมฝาน และเมนูอาหารจานหลัก ฟินไปกับรสชาติของ กุ้งลายเสือทอดซอสพริกไทยกระเทียมดำ, แกงสิงหลแก้มวัว และ เมนูขนมหวาน ได้แก่ หม้อแกงถั่วพิสตาชิโออินทผาลัม, เชอร์เบทมังคุด, โยเกิร์ตไวท์ช็อค, แยมมะม่วงหาวมะนาวโห่ โดยไฮไลท์ของเมนูนี้อยู่ที่ แกงกะหรี่ไหมฝาน, ส้มตำแก่นตะวันทูน่าสับปะรดสาหร่ายพวงองุ่น และ กุ้งลายเสือทอดซอสพริกไทยกระเทียมดำ ที่ชูความเป็นสมุนไพรไทยและปรุงแต่งมาเป็นเมนูอาหารสุดพิเศษ      

“เรามีความเชื่อว่าสมุนไพรไทยมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยบรรเทาโรคภัย ทั้งยังช่วยสนับสนุนให้ชาวบ้านหันมาเพาะปลูกสมุนไพรมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายหลักของ บลู เอเลเฟ่นท์ ที่ต้องการซื้อสมุนไพรไทยจากเกษตรกรโดยตรงไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น” เชฟนูรอ กล่าว

แม้ว่าเมนู “PINK RIBBON MENU Herbs for health” ที่อยู่ในแคมเปญพิเศษ จะรังสรรค์ขึ้นเฉพาะช่วงเดือนตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงของการรณรงค์เรื่องมะเร็งเต้านม แต่มีบางเมนูจากแคมเปญที่ยังสามารถติดตามรับประทานได้และเป็นเมนูไฮไลท์ที่หารับประทานได้ยาก อย่าง ต้มยํากุ้งลายเสือ น้ำใส, กุ้งลายเสือทอดซอสพริกไทยกระเทียมดํา และแกงสิงหลแก้มวัว  โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมและสำรองที่นั่ง ได้ที่ ภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์ กรุงเทพฯ (สาทร) โทร. 0 2673 9353-8