TOP

‘โอริส’ รังสรรค์ ‘Carysfort Reef Limited Edition’ เรือนเวลาประสิทธิภาพสูงรุ่นล่าสุด สนับสนุนมูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูปะการัง

ประดิษฐกรรมนาฬิกา โอริส ไดฟ์เวอร์ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ประสิทธิภาพสูงรุ่นล่าสุด รังสรรค์ขึ้นเพื่อสนับสนุนมูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูปะการัง องค์กรที่จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเพื่อมหาสมุทรของโลก

 

สิ่งใดใต้ผืนสมุทร

เบื้องล่างพื้นผิวของเกลียวคลื่น ภัยพิบัติทางนิเวศวิทยาของโลกกำลังแผ่ขยาย โอริสจึงมีพันธกิจในการทำให้สิ่งเหล่านี้ หวนกลับคืนสภาพดังเดิม ด้วยการร่วมงานกับมูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูปะการัง (Coral Restoration Foundation) เพื่อนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

ในช่วงกว่า 30 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการคำนวณว่า เราได้สูญเสียแนวปะการังของโลกไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ อันมีสาเหตุมาจากการฟอกขาวของปะการัง และจากการกระทำของมนุษย์ สถานการณ์จะเลวร้ายยิ่งขึ้น หากปราศจากการแก้ไขโดยตรง แนวปะการังอาจตกอยู่ในภาวะสูญพันธุ์ภายในเวลา 80 ปี

 

โอริส ซึ่งดำเนินพันธกิจในการนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ได้ให้การสนับสนุนการทำงานขององค์กรที่ไม่หวังผลกำไรหลายองค์กร เพื่อที่จะปกป้องอนาคตของมหาสมุทรของเรา ในปีนี้โอริสได้ร่วมมือกับ Coral Restoration Foundation (มูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูปะการัง) ซึ่งเป็นองค์กรที่ตั้งอยู่ในฟลอริดา ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับแถวหน้าของโลกทางด้านการฟื้นฟูปะการัง

 

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โอริสได้เปิดตัวประดิษฐกรรมนาฬิการุ่น Oris Caryfort Reef Limited Edition รุ่นแรก ที่ผลิตขึ้นในเวอร์ชั่นตัวเรือนโรสโกลด์ จำนวนจำกัด เพียง 50 เรือน โดยรังสรรค์ขึ้นบนฐานตัวเรือนนาฬิกาไดฟ์เวอร์ Aquis GMT เพื่อระดมหาทุนสนับสนุน และสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับงานของมูลนิธิ และในช่วงเวลานี้ โอริสได้เปิดตัวรุ่นที่สอง ในเวอร์ชั่นตัวเรือนสเตนเลสสตีล ที่ผลิตขึ้นจำนวนจำกัด 2,000 เรือน เพื่อให้การสนับสนุนมูลนิธินี้ด้วยเช่นกัน  

 

เพราะเหตุใด? ในขณะที่มันครอบคลุมพื้นที่เพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นผิวโลก แนวปะการังเหล่านี้ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยพักพิงอย่างน้อย 25 เปอร์เซ็นต์ ของบรรดาสัตว์ทะเลหลากหลายสายพันธุ์ ในทางกลับกัน แนวปะการังเหล่านี้ก็ทำให้เกิดความยั่งยืน ในการรักษาความสมบูรณ์ของมหาสมุทรของเรา ซึ่งเป็นแหล่งที่ผลิตออกซิเจนให้กับโลกของเรา ในปริมาณถึง 70 เปอร์เซ็นต์ โลกของเราจึงขึ้นอยู่กับความอยู่รอดของแนวปะการังเหล่านี้

 

แนวปะการังนี้ ยังมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของโลกอย่างมาก มีการประมาณการว่าแนวปะการังเหล่านี้ มีมูลค่าโลกเกือบ $10 ล้านล้านดอลลาร์ทีเดียว ซึ่ง “แนวปะการัง เป็นส่วนที่สำคัญยิ่งต่อความสมบูรณ์ของมหาสมุทร และยังมีความสำคัญต่อระบบนิเวศต่างๆ มากมาย” กล่าวโดย มาร์ธา โรสเลอร์ (Martha Roesler) เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงฝ่ายการพัฒนาของมูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูปะการัง

 

Oris Carysfort Reef Limited Edition จึงเป็นประดิษฐกรรมนาฬิกาเพื่ออนาคตของโลกของเรา

 

ความหวังที่ยังมีใต้ห้วงมหาสมุทร

 แม้ว่าจะเกิดความเสียหาย แต่ก็ยังมีความหวัง มูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูปะการังกำลังคืนชีวิตให้กับแนวปะการัง Carysfort Reef ของฟลอริดา

โอริส มีความยินดีที่ได้สานต่อพันธกิจเพื่อให้การสนับสนุน Coral Restoration Foundation (มูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูปะการัง) ที่ตั้งอยู่ในฟลอริดา ซึ่งได้ทำการพัฒนากระบวนการฟื้นฟู และได้ถูกนำไปปรับใช้โดยองค์กรต่างๆ ทั่วโลก รวมถึง Reef Restoration Foundation (มูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูแนวปะการัง) ซึ่งโอริสได้ให้ความร่วมมือในการรังสรรค์ประดิษฐกรรมนาฬิการุ่น Great Barrier Reef Limited Edition III เมื่อปีที่ผ่านมา

 

โอริส ได้เริ่มต้นการทำงานร่วมกับ Coral Restoration Foundation ในปี 2014 โดยเป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจของโอริส ในการนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ในปีนั้นผู้ก่อตั้งมูลนิธิ เคน เนดิเมียร์ (Ken Nedimyer) เป็นที่จดจำในฐานะ Sea Hero แห่งปีของโอริส และได้มอบทุนสนับสนุนเพื่อช่วยเหลืองานของมูลนิธิ

 

ประดิษฐกรรมนาฬิกาเรือนแรกที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือกัน ได้รับการรังสรรค์ออกมาในปี 2017 และได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ทั้งในเรื่องการระดมทุนสนับสนุน และการตระหนักรู้ในงานของมูลนิธิ โอริสจึงมีความตื่นเต้นยินดีที่จะได้ยกระดับการให้การสนับสนุนองค์กรที่มีความสำคัญนี้อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวนาฬิกา Carysfort Reef Limited Edition

 

ชื่อ Carysfort นำมาจากชื่อของแนวปะการัง Carysfort Reef (แครีสฟอร์ต รีฟ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์น้ำแห่งชาติ Florida Keys (ฟลอริดา คีย์) ใกล้กับ Key Largo (คีย์ ลาร์โก) Carysfort เป็นส่วนหนึ่งของ Florida Reef Tract (แนวปะการังฟลอริดา) ซึ่งเป็นแนวปะการังที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก และเป็นแนวปะการังเพียงแห่งเดียวในสหรัฐอเมริกา ในช่วงทศวรรษ 1950 และ 1960 มันเคยเป็นจุดศูนย์กลางของอุตสาหกรรมกิจกรรมดำน้ำในยุคต้นๆ ในช่วง 40 ถึง 50 ปีที่ผ่านมา แนวปะการังเสื่อมโทรมลงอย่างรุนแรง และจำนวนประชากรปะการังในแนวปะการัง ได้ลดจำนวนลงไปเกือบ 98 เปอร์เซ็นต์

แต่ยังไม่สูญเสียไปทั้งหมด ทางมูลนิธิได้ดำเนินการฟื้นฟู Carysfort Reef มาตั้งแต่ปี 2014 และนั่นเป็นก้าวสำคัญที่จะรักษาอนาคตของแนวปะการังนี้ให้ปลอดภัย จนถึงตอนนี้ มูลนิธิได้ทำการปลูกคืนปะการังสู่แนวปะการังไปแล้วราว 25,000 ต้น ซึ่งตัวเลขน่าจะเพิ่มขึ้นได้ถึง 30,000 ต้นภายในสิ้นปี 2020 นี้

 

‘มนุษยชาติไม่เคยเผชิญกับการสูญสิ้นของระบบนิเวศทั้งหมด’ มาร์ธา กล่าว ‘ถึงแม้จะมีภัยคุกคามต่อแนวปะการังจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศก็ตาม แต่เราก็ยังคงมีความหวัง’

 

นับเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง และเป็นผลลัพธ์อันเกิดจากวิสัยทัศน์ แรงกำลัง และความมุ่งมั่นที่ทุ่มเท โอริสมีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับมูลนิธิในการเฉลิมฉลองช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งครั้งนี้

 

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

 มาร์ธา โรสเลอร์ (Martha Roesler) แห่งมูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูปะการัง อธิบายถึงงานของมูลนิธิ และการร่วมมือกันของทุกคนจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างไร

 

ก่อนอื่น ช่วยบอกเล่าเกี่ยวกับตัวคุณเอง

ฉันชื่อ มาร์ธา โรสเลอร์ (Martha Roesler) เป็นเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงฝ่ายการพัฒนาของมูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูปะการัง (Coral Restoration Foundation – CRF) ฉันทำงานด้านการอนุรักษ์มากว่า 20 ปี และได้มาร่วมงานกับมูลนิธิเมื่อปี 2014 หน้าที่ของฉันคือ หาพันธมิตร หาทุนสนับสนุน และเพิ่มการตระหนักรู้ในงานและองค์กรของเรา

 

อะไรคือมูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูปะการัง?

มูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูปะการัง (CRF) คือองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร และเป็นองค์กรเพื่อการฟื้นฟูแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Key Largo (คีย์ ลาร์โก) ฟลอริดา และทำงานเพื่อปรับฟื้นคืนจากความเสียหาย ที่เกิดขึ้นกับ Florida Reef Tract (แนวปะการังฟลอริดา) เราดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อฟื้นฟูแนวปะการัง และเพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์ปะการังต่างๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์

 

เพราะเหตุใดจึงมุ่งเน้นที่ Carysfort?

Carysfort Reef (แครีสฟอร์ต รีฟ) เป็นหนึ่งในแนวปะการังที่มีเอกลักษณ์ที่สุดของโลก มันเคยเป็นจุดศูนย์กลางของอุตสาหกรรมกิจกรรมดำน้ำในยุคต้นๆ และเป็นที่หมายแรกสำหรับการตกปลาของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และยังเป็นสถานที่ที่ทำการถ่ายภาพสีใต้ทะเลเป็นครั้งแรกของโลก ในครั้งหนึ่ง Carysfort เคยเป็นเสมือนอัญมณีประดับมงกุฏของทั้งระบบแนวปะการัง Florida Keys แต่ทว่าความอุดมสมบูรณ์ของมันได้ลดทอนลงตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970 ซึ่งบัดนี้เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำการฟื้นฟูปะการัง เพื่อรักษาแนวปะการัง Carysfort ให้กลับมาสมบูรณ์ เป็นระบบนิเวศแนวปะการังที่เป็นแหล่งพักพิงของสรรพชีวิตใต้ผืนสมุทร

แนวปะการังมีความสำคัญอย่างไร?

เป็นเวลา 500 ล้านปี ที่ระบบนิเวศแนวปะการังยังคงมีอยู่ในทะเลตื้นๆ ทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใกล้กับชายฝั่งเขตร้อนตามแนวเส้นศูนย์สูตร พวกมันเป็นหนึ่งในระบบนิเวศที่หลากหลาย และเก่าแก่ที่สุดบนโลก แม้ว่าแนวปะการังจะครอบคลุมพื้นที่น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ของพื้นผิวโลก แต่มันเป็นที่พักพิงอาศัยถึง 25 เปอร์เซ็นต์ของสัตว์ทะเลสายพันธุ์ต่างๆ แนวปะการังเป็นส่วนสำคัญของมหาสมุทรที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นระบบห่วงโซ่อาหารที่มีความจำเป็น รวมถึงกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของออกซิเจนบนโลกเราก็ผลิตขึ้นจากมหาสมุทร แนวปะการังมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ เป็นแหล่งการประมงที่ให้โปรตีนแก่คนหลายพันล้านคน พวกมันก่อตัวเป็นแนวกั้นตามธรรมชาติที่ช่วยปกป้องชายฝั่ง และโครงสร้างจากแรงคลื่น และคลื่นพายุ เป็นแนวปะการังที่ถูกประมาณการว่ามีมูลค่าโลกเกือบ $10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ปัญหาที่เกิดขึ้นร้ายแรงอย่างไร และอะไรที่ทำเกิดปัญหานี้?

เราเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางลบและน่าตื่นตกใจ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ด้วยเหตุนี้อุณหภูมิผิวน้ำทะเลก็เพิ่มขึ้น มหาสมุทรมีค่าความเป็นกรดมากขึ้น ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น รูปแบบของพายุ การเกิดฝน และกระแสน้ำในมหาสมุททรเกิดการเปลี่ยนแปลง แนวปะการังขณะนี้กำลังเผชิญกับอุณหภูมิ และค่าความเป็นกรดของมหาสมุทรที่สูงขึ้นกว่าช่วงเวลาใดใน 400,000 ปีที่ผ่านมา

 

สถานการณ์กรณีที่เลวร้ายที่สุดคืออะไร?

แนวปะการังตอนนี้เป็นระบบนิเวศที่ใกล้สูญพันธุ์ที่สุดในโลก มนุษยชาติไม่เคยเผชิญกับการสูญสิ้นของระบบนิเวศทั้งหมด แต่เราได้สูญเสีย 50% ของแนวปะการังโลกในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา พวกมันอาจสูญพันธุ์ได้ใน 80 ปี

 

คุณฟื้นฟูปะการังอย่างไร?

เราเริ่มต้นด้วยการจัดตั้งเรือนเพาะชำใต้น้ำชายฝั่งทะเล การนำปะการังมาปลูกใหม่มีสองวิธี คือ โดยการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศผ่านการปล่อยไข่ และแบบไม่อาศัยเพศผ่านการแตกหักจากก้อนปะการังเดิม หรือการแตกหน่อ เมื่อปะการังถูกแยกส่วนออก ส่วนที่แยกออกจะเติบโตเป็นโคโลนีใหม่ได้ สิ่งเหล่านี้จะถูกแขวนไว้บนต้นปะการังใต้น้ำ ที่ซึ่งพวกมันจะเจริญเติบโตและมีขนาดโตเต็มที่ พอที่จะสามารถนำกลับไปปลูกบนแนวปะการังได้

 

กระบวนการนี้ใช้เวลานานแค่ไหน?

มันใช้เวลาระหว่าง 6-9 เดือน เจ้าหน้าที่มูลนิธิและอาสาสมัครจะหมั่นไปดูแลเรือนเพาะชำเหล่านี้เป็นประจำ เพื่อตรวจสอบและขจัดสาหร่ายที่เกาะติดออก เมื่อพวกมันพร้อมที่จะนำกลับไปปลูก ปะการังจะถูกย้ายจากเรือนเพราะชำ และนำไปยังสถานที่ที่จะทำการฟื้นฟู ทีมงานของเราจะใช้กาวอิพ็อกซี่ใต้น้ำ เพื่อติดปะการังกับพื้นผิวแนวปะการัง ซึ่งในปีนี้เราได้รวมเอาเทคนิคใหม่ๆ ที่จะช่วยให้เราสามารถปลูกปะการังขนาดใหญ่ลงบนแนวปะการัง และฟื้นฟูการทำงานของระบบนิเวศได้เร็วขึ้น

 

เรากำลังพูดถึงขนาดพื้นที่ระดับไหน?

มูลนิธิ CRF กำลังฟื้นคืนปะการังจำนวนมหาศาลตลอดทั้งแนวปะการัง โดยรวมแล้วเรากำลังดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่กว่า 91,850 ตารางเมตร ในอีกสามปีข้างหน้า นั่นประมาณเท่ากับขนาดสนามอเมริกันฟุตบอล 17 สนามทีเดียว

 

เราจะสามารถรักษาแนวปะการังของโลกได้ไหม?

ได้อย่างแน่นอน การฟื้นฟูแนวปะการังเป็นการลงทุนระยะยาว ถึงแม้จะมีภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีความหวัง

 

คนทั่วไปจะสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างไร?

วิธีการโดยตรง เช่น การบริจาค การระดมทุน และการอาสาเวลาของทุกคน และเราต้องการคนที่จะสร้างการตระหนักรู้ ยิ่งไปกว่านั้นเราจำเป็นต้องสร้างสิ่งที่เราเรียกว่า บรรยากาศแห่งการเปลี่ยนแปลง การกระทำในเชิงบวกเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อมของเรา เป็นต้นว่า การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน งดใช้พลาสติก ใช้ครีมกันแดดที่ปลอดภัยต่อแนวปะการัง และอื่นๆ รวมถึงการซื้อนาฬิกาโอริส!

 

ทุกวินาทีมีค่า

นาฬิกาไดฟ์เวอร์รุ่นใหม่ล่าสุดของโอริสที่ให้การสนับสนุนงานของมูลนิธิที่ แครีสฟอร์ต รีฟ

 

ชีวิตใหม่

กล้าอ่อนของปะการังที่นำออกปลูกโดยมูลนิธิ กำลังช่วยฟื้นฟูสภาพของ แครีสฟอร์ต รีฟ

 

Carysfort Reef Limited Edition

ประดิษฐกรรมนาฬิการุ่นที่สาม ที่โอริสรังสรรค์ขึ้นเพื่อสนับสนุน Coral Restoration Foundation (มูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูปะการัง) ผลิตจำนวนจำกัด เพียง 2,000 เรือนในตัวเรือนสตีล สามารถแสดงเวลาได้สามไทม์โซนพร้อมกัน ด้วยมาตรแสดงเวลาแบบ 24 ชั่วโมงที่สลักด้วยเลเซอร์บนวงแหวนขอบหน้าปัดเซรามิค

-||-

 

รายละเอียดนาฬิกา

ตัวเรือน สเตนเลสสตีลแบบประกอบหลายชิ้น วงแหวนขอบหน้าปัดแบบปรับหมุนได้สองทิศทางเคลือบด้วยเซรามิคสีน้าเงินและสีดา (กลางวัน/กลางคืน) พร้อมมาตรแสดงเวลา GMT
ขนาด 43.50 มม. (1.713 นิ้ว)
หน้าปัด สีน้าเงินเกรเดียนท์
วัสดุเรืองแสง เข็ม และขีดบอกเวลาเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova
กระจกหน้าปัด แซฟไฟร์ โค้งรูปโดมสองด้าน เคลือบสารกันแสงสะท้อนด้านใน
ฝาหลัง สเตนเลสตีลแบบขันสกรู สลักลายพิเศษ
อุปกรณ์ปรับตั้งเวลา เม็ดมะยมนิรภัยสเตนเลสสตีลแบบขันเกลียว
สายนาฬิกา สายสเตนเลสสตีล หรือสายรับเบอร์สีส้ม พร้อมเฟืองล็อคสายแบบบานพับและส่วนขยายสาย
การกันน้า 30 บาร์ (300 เมตร)

-||-

 

กลไกนาฬิกา

หมายเลขเครื่อง Oris 798
ฟังก์ชั่น เข็มชั่วโมง เข็มนาที เข็มวินาที และเข็มแสดงเวลาแบบ 24 ชั่วโมงจากจุดศูนย์กลาง หน้าต่างแสดงวันที่ ปรับวันที่แบบฉับพลัน ปุ่มปรับวันที่และเวลา 24 ชั่วโมง กลไกปรับตั้งเวลาแบบละเอียด และหยุดเข็มวินาที
การขึ้นลาน ขึ้นลานอัตโนมัติ
พลังงานสำรอง 42 ชั่วโมง
จำนวนจำกัด 2,000 เรือน บรรจุในกล่องพิเศษที่ผลิตขึ้นด้วยวัสดุที่ทาจากสาหร่าย ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

สัมผัสนาฬิกาเรือนจริงได้ที่งาน Siam Paragon Watch Expo 2020 บริเวณ Hall of Fame, M/F ตั้งแต่วันที่ 9-29 กรกฎาคม 2563

หรือสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรคาเดโร ไทม์ โทร. 0 2163 0555

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด