นายก “ลุงตู่” ขึ้นแท่นขวัญใจเด็ก การ์ดวาดมือจากเด็กทั่วไทย ร่อนส่งกำลังใจ
การ์ดอวยพรและข้อความประดิษฐ์ทำมือมากมายจากเด็กๆ และเยาวชนไทย ที่ส่งความรัก ความปราถนาดีถึง นายก “ลุงตู่” ของพวกเขามากกว่า 500 ใบจากทั่วประเทศ เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่ได้รับการ์ดอวยพรมากที่สุดก็ว่าได้ ข้อความหลากหลาย และภาพวาดอันบ่งบอกถึงจินตนาการหลากสีสัน บ้างก็อวยพร บ้างก็ส่งกำลังใจ บ้างก็สื่อสารเรื่องราวที่ต้องการขอความช่วยเหลือ ลุงตู่ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม) จึงขึ้นแท่นผู้ที่เด็กๆ อยากพบเจอมากที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว
“เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย”
เป็นคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 ที่ลุงตู่มอบให้เด็กๆ พร้อมทั้งให้โอวาทเด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ พร้อมทั้งกล่าวว่า “เด็กและเยาวชนจัดเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่า ต้องพัฒนาส่งเสริมพวกเขาให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ ให้มีความพร้อม มีความรู้คู่คุณธรรม รู้ว่าสิ่งใดดีและไม่ดี ปฏิบัติตนตั้งอยู่ในความดีงาม มีสำนึกรักชาติบ้านเมือง รักษาวัฒนธรรมประจำชาติ และทำสิ่งเหล่านี้ให้มีคุณภาพขึ้นมาในสังคมไทย ดังเช่นคำขวัญ ซึ่งอยากให้ทุกคนนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้คำว่า “หน้าที่” คู่กับคำว่า “สิทธิ” ทุกคนมีสิทธิในการเป็นพลเมืองไทย แต่อย่าลืมคำว่า “หน้าที่” ต่อชาติบ้านเมือง ถ้าจะเอาสิทธิเสรีภาพอย่างเดียวนั้นไม่ได้ จะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ
ต้องรู้ว่าหน้าที่ของเด็กคืออะไร
ลุงตู่ กล่าวต่อว่า “ทุกวันนี้ต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชน บางทีการเผยแพร่ข้อมูลในโซเชียลต้องมีภูมิคุ้มกัน เพราะอาจมีการบิดเบือน ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสุข เราเองทำอย่างไรให้เดินหน้าไปให้ได้ และต้องมีทักษะการอยู่ร่วมกันในสังคม ประกอบด้วยบุคคลหลายกลุ่มหลายฝ่าย ทุกคนจะต้องอยู่ร่วมกัน การอยู่ร่วมกันต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมีน้ำใจ นี่คือทักษะของสังคมไทย ซึ่งอาจลืมไปบ้าง ทำให้เกิดปัญหาและสังคม เพื่อไม่ให้เกิดการทะเลาะกันบนถนน คนต้องรู้หน้าที่ส่วนตนทำหน้าที่ให้ดี ต้องรู้ว่าหน้าที่ของเด็กคืออะไร การศึกษาพัฒนาตนเอง อย่าเพิ่งไปทำอย่างอื่น หาตนเองให้เจอ”
เด็กและเยาวชน จะลืมความเป็นไทยไม่ได้
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเน้นย้ำว่า “เด็กและเยาวชนทุกคนให้รู้เสมอว่าเกิดในแผ่นดินไทย จะลืมความเป็นไทยไม่ได้ จะลืมสิ่งที่บรรพบุรุษของเราเสียสละเลือดเนื้อ และเสียสละแผ่นดินไม่ได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องสร้างจิตสำนึกในตัวเองขึ้นมา ให้เกิดความภาคภูมิใจ และจะต่อเติมจากสิ่งที่เขาทำไว้ในอดีตอย่างไร แน่นอนว่าไม่มีใครถูกใจทั้งหมด แต่ต้องดูว่าทำได้มากหรือทำได้น้อย หรือทำได้มากกว่าในอดีตที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องคิดใคร่ครวญให้ดี”