ไทยยกระดับความเข้มมาตรการเฝ้าระวัง ‘ไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ 2019’ หลังจาก ‘องค์การอนามัยโลก’ ประกาศภาวะฉุกเฉิน
หลังจากมีการเปิดเผยข่าวพบผู้ป่วยด้วย “โรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ 2019” เป็นครั้งแรกเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เดือนธันวาคม 2562 ณ เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นับเป็นเวลาที่ผ่านมาครบเดือน แต่กลับมีการแพร่ระบาดของเชื้อไปอย่างรวดเร็วทั่วโลกในหลายประเทศ และเป็นที่ต้องจับตาความเคลื่อนไหวในแต่ละวัน ที่พบว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่สูงขึ้นในทุกวันเลยทีเดียว
รายงานล่าสุดของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่
ประเทศจีน
(ข้อมูล ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563)
- ผู้ติดเชื้อในจีน จำนวน 14,242 ราย, ผู้เสียชีวิตในจีน จำนวน 305 ราย
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในจีนจะพบว่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีผู้ป่วยติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหาย และออกจากโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น ในหลายเมืองทั่วประเทศจีน ทำให้ชาวจีนมีความเชื่อมั่นว่าทางการจะสามารถป้องกัน และควบคุมการระบาดของไวรัสไว้ได้
ต่างประเทศ
รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ ไทย 19 ราย, ญี่ปุ่น 20 ราย, สิงคโปร์ 18 ราย, ไต้หวัน 10 ราย, ออสเตรเลีย 12 ราย, มาเลเซีย 8 ราย, สหรัฐอเมริกา 8 ราย, สวีเดน 1 ราย, อังกฤษ 2 ราย, ฝรั่งเศส 6 ราย, อิตาลี 2 ราย, เกาหลีใต้ 12 ราย, เยอรมนี 8 ราย, สเปน 1 ราย, ยูไนเต็ด อาหรับ อิมิเรตส์ 4 ราย, รัฐเซีย 2 ราย, แคนาดา 4 ราย, เวียดนาม 6 ราย, ฮ่องกง 14 ราย, มาเก๊า 7 ราย, กัมพูชา 1 ราย, เนปาล 1 ราย, ศรีลังกา 1 ราย, ฟิลิปปินส์ 1 ราย, อินเดีย 1 ราย, ฟินแลนด์ 1 ราย และมีแนวโน้มพบผุู้ป่วยสูงขึ้นเรื่อยๆ
รวมผู้ติดเชื้อทั่วโลก 14,412 ราย จากพื้นที่ผู้ติดเชื้อทั่วโลก 27 ประเทศ ซึ่งสูงกว่ายอดผู้ป่วยจากโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน หรือ “ซาร์ส” ที่แพร่ระบาดเมื่อปี 2003 ไปแล้ว
นำมาซึ่งการตัดสินขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization) หรือเรียกสั้นๆ ว่า WHO หลังเปิดประชุมฉุกเฉินครั้งใหม่ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา พร้อมการแถลงข่าวประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศทันที ในวันถัดไป (ศุกร์ที่ 31 มกราคม 2563) ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ องค์การอนามัยโลก มีความกังวลในสถานการณ์อาจมีการทวีความรุนแรงขึ้น หากเชื้อนี้มีการแพร่ระบาดในประเทศที่ระบบสาธารณสุขไม่ดีพอ แต่องค์การอนามัยโลกไม่ได้แนะนำ หรือคัดค้าน หากแต่ละประเทศจะออกมาตรการห้ามการเดินทาง ไปจนถึงมาตรการด้านการค้าและด้านอื่นๆ ต่อจีน
สถานการณ์ในไทย
พบคนไทยติดเชื้อจากไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่คนแรก
( 31 มกราคม 2563) นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่เพิ่มอีก 5 ราย จากเดิมที่พบผู้ติดเชื้อ 14 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสะสมรวม 19 ราย (โดยเป็นชาวจีน 17 ราย และ ชาวไทย 2 ราย) ทั้งนี้ใน 5 ราย ที่เพิ่มขึ้นเป็นชาวจีนที่เดินทางมาจากอู่ฮั่นมณฑลหูเป่ย 4 ราย อีกรายเป็นคนไทย และนับเป็นคนไทยรายแรกมีอาชีพขับรถแท๊กซี่ ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ไม่มีประวัติว่าเคยเดินทางไปประเทศจีนมาก่อน จากการสอบสวนโรค คาดว่าติดเชื้อมาจากลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ได้รับมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ ตอนนี้เราเพิ่มศักยภาพในการเฝ้าระวัง ทำให้สามารถพบผู้ป่วยได้รวดเร็วขึ้น และควบคุมได้มากขึ้น” ในผู้ป่วยติดเชื้อ 19 ราย (ชาวจีน 17 ราย และ ชาวไทย 2 ราย) ขณะนี้กลับบ้านได้แล้ว 7 ราย และยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 12 ราย และยังมีเครสเฝ้าระวังอีก 344 ราย เฝ้าระวังในโรงพยาบาล 274 คนด้วยกัน
ผู้เชี่ยวชาญระบาดวิทยา กล่าวว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ในเมืองไทย ตอนนี้อยู่ในเฟสที่ 2 นั่นคือพบการระบาดในประเทศ และตัวเลขอยู่ในขั้นต้นของการระบาดในเฟส 2 นั้น ถ้าควบคุมได้ดี การระบาดก็จะลดลงในเฟสที่ 3 จนสิ้นสุดการระบาด แต่ถ้าควบคุมไม่ได้ ตัวเลขการระบาดก็จะเพิ่มขึ้นในเฟสที่ 3
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยินยันว่ามีความพร้อมไปรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่น จำนวน 161 คนกลับไทย ทันทีที่ทางจีนแจ้งวันเวลา ซึ่ง นายอนุทิน และ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ประสานงานกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย ที่พร้อมช่วยรัฐบาลและคนไทย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เครื่องบินที่ได้มาตราฐานความปลอดภัย และลูกเรือ พร้อมบินไปกับทีมแพทย์ ซึ่งคนไทยในอู่ฮั่น ก็ได้รับแจ้งให้เตรียมความพร้อมในการเดินทางกลับ วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์นี้แน่นอน ส่วนคนไทย 13 คน จากเมืองฉงชิ่งนั้น ได้รับความช่วยเหลือและเดินทางถึงประเทศไทยแล้ว โดยความช่วยเหลือของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู สำหรับชาวจีนจากอู่ฮั่น ที่ตกค้างในไทย รัฐบาลจีนนำเครื่องบินรับกลับไปแล้วชุดแรก จำนวน 79 คน ด้วยสายการบินเซี่ยเหมิน แอร์ไลน์
นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ในประเทศไทย โดยระบุว่ายังพบผู้ติดเชื้อ 19 ราย ในจำนวนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 12 ร่าย มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 344 ราย ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และรอผลการตรวจเชื้อไวรัส 274 คน มีทั้งกลุ่มคนจีนและคนไทยที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย ยืนยันว่าความเสี่ยงภายในประเทศยังน้อย เพราะโอกาสการแพร่เชื้อต้องมีปัจจัยประกอบหลายอย่าง ตั้งแต่การสัมผัสกับผู้ป่วย หรือการรับเชื้อจากละอองฝอยน้ำลาย ที่มาจากการไอ การจาม ซึ่งการรับเชื้อในสถานที่ปิดนั้น ต้องเป็นการคลุกคลีใกล้ชิดผู้ป่วยเป็นเวลานานพอสมควรจึงจะมีโอกาสได้รับเชื้อ
ส่วนนายแพทย์โสภณ กล่าวว่า “อย่างไรก็ตามขณะนี้ องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศแล้ว ทำให้ทุกประเทศต้องยกระดับมาตรการควบคุมป้องกันโรคอย่างเข้มข้น ซึ่งประเทศไทยทำอย่างเข้มข้นเช่นเดียวกัน แต่จะเพิ่มการควบคุมป้องกันโรคในโรงพยาบาล และชุมชนยิ่งขึ้น”
มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรน่า
นายอนุทิน ยืนยันว่า ไทยนำหน้าไปหนึ่งก้าว และยังไม่จำเป็นต้องยกเลิกการออก Visa on Arrival ให้คนจีน เพราะขณะนี้นักท่องเที่ยวจีนลดลงไป 80% แล้ว ขณะที่การประชุมคณะกรรมการอำนวยการ เตรียมความพร้อมป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ที่มีนายอนุทิน เป็นประธาน เห็นชอบมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ 2019 แบบบูรณาการ ทั้งด้านการสาธารณสุข มาตราการด้านกฏหมาย มาตรการด้านสื่อสารความเสี่ยง ซึ่งนายอนุทิน ย้ำว่ารัฐบาลจะทำให้ดีที่สุดเพื่อสุขภาพของคนไทย ชีวิต และสุขภาพต้องมาก่อนเรื่องเศรษฐกิจ และรัฐบาลจะแถลงข้อเท็จจริงทุกเรื่องไม่ปิดบัง
- มาตรการปรับหลักการในการคัดกรอง ต้องเป็นคนจีนที่มาจากอู่ฮั่น มีไข้ 37.5 และป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ จะมีการปรับเพิ่มขึ้น จะครอบคลุมคนไทยที่เกี่ยวข้องทำงานสัมพันธ์กับชาวจีน ตั้งแต่ บริษัททัวร์ และบริษัทที่มีพนักงานชาวจีน หรือมีความเกี่ยวข้องกับคนจีน และจะมีการประชุมเพื่อทางคำจำกัดความของแนวทางคัดกรองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- เพิ่มความเข้มข้นในการคัดกรองผู้ป่วยในสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง ทั้งขาเข้าและขาออก นอกเหนือจากสนามบิน เช่น โรงพยาบาลและชุมชน เนื่องจากมีผู้ป่วยบางส่วนที่ติดเชื้อแล้วแต่ยังไม่แสดงอาการ
- พิจารณาประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นโรคติดต่ออันตรายโรคที่ 14 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งคณะกรรมการด้านวิชาการ และกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กำลังหารือกันอยู่ ซึ่งการประกาศจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานง่ายขึ้น แต่ก็ต้องพิจารณาถึงผลทางเศรษฐกิจ สังคมและการเดินทางของประชาชนด้วย ไม่ใช่พิจารณาเรื่องสุขภาพอย่างเดียว
- ช่วยสนับสนุนการสอบสวนโรค ให้แก่ประเทศที่ต้องการความเชี่ยวชาญจากประเทศไทย เช่น การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และการใช้เทอร์โมสแกนในการคัดกรองผู้ป่วย
ในส่วน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “ได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มข้น และยกระดับระบบการคัดกรองผู้เดินทางที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง โดยผู้โดยสารทุกคน ทุกเที่ยวบิน ที่เดินทางมาจากจีน จะต้องผ่านการตรวจคัดกรองด้วยเครื่องวัดไข้อัตโนมัติเทอร์โมสแกนทุกราย บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง นอกจากนี้ยังเพิ่มจุดคัดกรองบริเวณประตูทางเชื่อม ก่อนเข้าอาคารผู้โดยสาร กรณีผู้โดยสารที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาด แม้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 จะยังไม่มียารักษา ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค นักวิทยาศาสตร์อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย ซึ่งไทยได้ติดตามความก้าวหน้าอย่างใกล้ชิด แต่โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยตนเอง ขอให้ทุกคนดูแลร่างกายให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ชิดกันกับผู้ที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ ยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัย”
ขณะนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้พัฒนาห้องปฏิบัติการทั่วประเทศ ให้สามารถตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ด้วยเทคนิค Real-Time RT-PCR (IRT.PCR) ที่มีความแม่นยำ เชื่อถือได้รู้ผลภายใน 3 ชั่วโมง เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนรักษา ช่วยให้มีความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ระบาดของโรค
ส่วน กรมอนามัย ขอแจ้งเตือนประชาชนที่ต้องอยู่ในกลุ่มคนหนาแน่น หรือพื้นที่เสี่ยงต่อการสัมผัสโรค ขอให้หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หากไม่สะดวกให้ใช้เจลล้างมือ ทั้งก่อนกินอาหาร และหลังจากเข้าห้องน้ำ พร้อมสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน ลดการสัมผัสและแพร่กระจายของเชื้อโรค และสำหรับผู้ขับขี่แท๊กซี่ เวลาที่รับนักท่องเที่ยวไม่ว่าชาติใด ให้พยายามเช็ดคลีนทำความสะอาดเบาะ และมือจับ เพื่อช่วยลดเชื้อโรคต่างๆ ให้ปลอดภัยที่สุด เราทุกคนต้องช่วยกันทุกภาคส่วนงาน เพื่อให้ปลอดจากเชื้อไวรัสตัวนี้ให้ได้
4 กุมภา ไทยแอร์เอเชีย บินรับคนไทยในอู่ฮั่น
“แอร์เอเชีย” เผยว่า “แอร์เอเชียพร้อมสนับสนุนกิจกรรมของรัฐบาลไทย เราพร้อมตอบสนองภารกิจของรัฐบาล ในการดูแลประชาชนในช่วงที่เกิดวิกฤติด้านสุขอนามัย รวมไปถึงการบินไปรับประชาชนไทยที่เมืองอู่ฮั่นกลับประเทศ ด้วยความเป็นมิตรไมตรีของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ทางแอร์เอเชียพร้อมจะให้การสนับสนุนภารกิจนี้ และได้มีการหารือในการขึ้นบิน เพื่อทำภารกิจด้านมนุษยชน ในการพาคนไทยที่อู่ฮั่นทุกคนกลับประเทศ แอร์เอเชีย ตระหนักในความเป็นผู้นำด้านธุรกิจการบิน เป็นผู้ผลักดันเศรษฐกิจ และความรักที่มีต่อคนไทย เราพร้อมที่จะทำภารกิจนี้ทันที ที่ได้รับมอบหมาย”
สถานการณ์ล่าสุดรอบโลก
สหรัฐอเมริกา – (วันที่ 31 มกราคม 2563) พบการแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่จากคนสู่คนเป็นรายแรก เป็นชายอายุประมาณ 60 ปี ในรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งไม่เคยเดินทางไปจีน เป็นสามีของหญิงวัย 60 ปี ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อรายแรกที่พบในสหรัฐฯ ส่วนรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทศแล้ว หลังจากที่พบการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ จากคนสู่คนในประเทศคนแรกเมื่อวันที่ 31 มกราคม ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อเป็นรายที่ 7 แล้ว พร้อมระบุเหตุผลว่า แม้อัตราเสี่ยงของการติดเชื้อของชาวอเมริกันจะยังอยู่ในระดับต่ำ แต่การประกาศภาวะฉุกเฉิน เป็นไปเพื่อยกระดับมาตรการการรับมือการแพร่ระบาด รวมไปถึงห้ามชาวต่างชาติเดินทางไปจีนเข้าสหรัฐฯ ซึ่งชาวอเมริกันที่เคยเดินทางไปยังมณฑลหูเป่ยของจีนในระยะ 14 วันที่ผ่านมา จะต้องเข้ารับการกักโรค เป็นเวลา 14 วัน ตลอดระยะเวลาการฟักตัวของเชื้อ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ ประกาศข้อบังคับกักโรคในรอบ 50 ปี รวมไปถึงจำกัดจำนวนเที่ยวบิน ที่จะเดินทางจากจีนมายังสหรัฐฯ พร้อมให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังจีน ฮ่องกง และมาเก๊า พร้อมประกาศเตือนพลเรือนห้ามเดินทางไปประเทศจีน หลังการประกาศภาวะฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก
สิงคโปร์ – ออกมายืนยันพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มอีก 3 ราย เป็นหญิงชาวจีน 3 คน ที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น ระหว่างวันที่ 21 – 22 มกราคม ทำให้ยอดติดเชื้อโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ในสิงคโปร์เพิ่มเป็น 16 คน และสิงคโปร์เป็นประเทศแรกในอาเซี่ยน ที่ประกาศปิดพรมแดนเพื่อป้องกันโรคและระงับวีซ่าของนักท่องเที่ยวจีน
สเปน – ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศ เป็นชาวสเปนที่อาศัยอยู่ที่หมู่เกาะกานาเรียส 1 ใน 5 คนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ระหว่างเดินทางไปยังเยอรมนี
ญี่ปุ่น – เป็นประเทศแรก รวมถึงสหรัฐฯ ที่มีมาตรการออกมาทันที หลังการประกาศภาวะฉุกเฉินของ WHO ประกาศเตือนประชาชนห้ามเดินทางไปประเทศจีน
จีน – ทางด้านนายกรัฐมนตรี หลี่เค่อเฉียง ของจีน ระบุผ่านแถลงการณ์ล่าสุด ขอความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป ด้สนเวชภัณฑ์ที่จำเป็นกับการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ โดยต่อสายโทรศัพท์ตรงไปที่ EU (European Union) เพื่อคุยกับ นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเย่น ทางคณะกรรมการยุโรปถึงเรื่องนี้ ทั้งนี้ นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเย่น และ EU พร้อมจะร่วมมือกับจีน เพื่อช่วยเหลือด้านทรัพยากรที่จำเป็นอย่างเต็มที่
ทางการจีนตอนนี้มีมาตรการเข้มงวดการแพร่ระบาด ที่เมืองหวงกัง อยู่ไม่ไกลจากเมืองอู่ฮั่น มีคำสั่งให้พลเรือนห้ามออกจากที่พักอาศัย แต่ละครอบครัวจะอนุญาติให้ออกไปซื้อเสบียงอาหารแค่ 1 คนในทุกๆ 2 วัน ต่อ 1 ครั้ง
เวียดนาม – พบผู้ป่วยติดเชื้อแล้ว 5 คนล่าสุดนั้น ทางการเวียดนาม มีแผนจะระงับการออกวีซ่าท่องเที่ยว สำหรับนักท่องเที่ยวจีนชั่วคราว หลังจากนายกรัฐมนตรีออกมาประกาศ ยกระดับการรับมือไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ให้เข้มข้นขึ้น พร้อมทั้งแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังจีน ในขณะเดียวกันสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ สายการบินแห่งชาติเวียดนาม รวมทั้งสายการบินต้นทุนต่ำของเวียดนาม อย่าง เวียดเจ็ทแอร์ ก็ออกมาประกาศระงับเที่ยวบินระหว่างจีนชั่วคราว โดยเวียดนามแอร์ไลน์ จะเริ่มยกเลิกไฟท์ไปจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงมาเก๊าในสัปดาห์หน้า ส่วนเวียดเจ็ทแอร์นั้นยกเลิกทุกเที่ยวบินตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์
ฝรั่งเศส – ด้านทีมนักวิจัยในฝรั่งเศส กำลังศึกษาและพัฒนาเพื่อผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสชนิดนี้ เปิดเผยว่ามีแนวโน้มที่จะผลิตวัคซีนสำเร็จ แต่อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี เพื่อศึกษาประโยชน์ที่จะได้รับ และเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้วัคซีนควบคู่ไปอย่างระมัดระวัง
อินเดีย – ชาวอินเดียที่อพยพมาจากอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย กว่า 300 คน เดินทางถึงกรุงนิเดลี เมื่องหลวงของอินเดียแล้วทั้งหมด โดยจะถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน เพื่อเฝ้าระวังอาการ ลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาด
ฟิลิปปินส์ – พบผู้เสียชีวิตรายแรกนอกประเทศจีนแล้ว ชายอายุ 44 ปี มีอาการปอดอักเสบ ชายคนนี้เป็นคนรักของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าของฟิลิปปินส์ ทั้งคู่ทำงานกับสถานทูตจีน หลังจากนั้นก็ติดเชื้อและเสียชีวิตในที่สุด
อิตาลี – ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทสแล้ว
รัฐเซีย – เตรียมระงับวีซ่าชาวจีน และจะอพยพคนกลับในวันที่ 4 กุมภาพันธ์
โปร์แลนด์ – ระงับทุกเที่ยวบินไปกลับจีน ไปจนถึง 9 กุมภาพันธ์
เยอรมนี – พบผู้ป่วยรายที่ 8 อีก 100 คนที่อพยพพากักตัวไว้ 14 วัน
ออสเตรเลีย – ประกาศไม่ให้คนเข้าและออกประเทศอย่างไม่มีกำหนด
ขณะที่สายการบินระหว่างประเทศ ระงับเที่ยวบินไปจีนเพิ่มมากขึ้น อาทิ สายการบินนิวซีแลนด์ หลังการระบาดของเชื้อโคโรนาในจีนยังทวีความรุนแรง ล่าสุด สายการบินแอร์ ฟรานซ์ ของฝรั่งเศส ระงับเที่ยวบินไปจีนจนถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ หลังถูกกดดันอย่างหนักจากสหภาพพนักงานการบิน นอกจากนี้สายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลน์ ของเอธิโอเปีย ก็ระงับเที่ยวบินไปจีนทั้งหมดเช่นกัน
จีนรับมือสร้าง 2 โรงพยาบาลพิเศษ เพื่อรองรับผู้ป่วยจากไวรัสโคโรน่า
ความคืบหน้าของการก่อสร้าง โรงพยาบาลหั่วเสินซาน (Huoshenshan Hospital) ในนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โรงพยาบาลหั่วเสินซานเป็นโรงพยาบาลพิเศษก่อสร้างใหม่ เพื่อการรักษาผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสนี้โดยเฉพาะเป็นแห่งแรก มีกำหนดก่อสร้างเสร็จสิ้นในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ และจะเปิดรับผู้ป่วยกลุ่มแรกทันที ในวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ โรงพยาบาลหั่วเสินซาน มีขนาด 34,000 ตารางเมตร ก่อสร้างโดยอ้างอิงรูปแบบจาก โรงพยาบาลเสี่ยวทังซาน ในกรุงปักกิ่ง ที่เคยใช้เป็นสถานกักกัน และรักษาผู้ป่วยโรคซาร์สเมื่อปี 2003
สำนักข่าวซินหัวของจีน ยังได้เผยภาพความคืบหน้าการก่อสร้างอีกหนึ่งโรงพยาบาล สำหรับรองรับผู้ป่วยปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่โดยเฉพาะ นั่นคือ โรงพยาบาลเหลยเสินซาน ในเมืองอู่ฮั่น ขนาด 30,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบหวงเจียของเขตเจียงเซี่ย ที่คาดว่าพร้อมใช้งานในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้
ที่มา : ข่าว 3 มิติ ช่อง 3 | เรื่องเล่าอาทิตย์ ช่อง 3