TOP

7 วิธีใช้ชีวิตในภาวะวิกฤตโควิด-19 แบบตื่นตัว แต่ไม่ตื่นกลัว

COVID-19 Survivors

นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เราได้ทราบข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 ที่ลุกลามอย่างต่อเนื่อง และรวดเร็วไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้กระทั่งในประเทศไทย จนล่าสุดคณะรัฐบาลได้มีประกาศ ปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค รวมถึงสถานที่ที่มีคนมารวมกลุ่มกันเป็นกิจวัตร และแพร่เชื้อได้ง่าย Special Scoop จึงนำเสนอวิธีใช้ชีวิตในภาวะวิกฤตนี้ แบบตื่นตัวแต่ไม่ตื่นกลัว

 

เฝ้าระวังสังเกตอาการ

ไม่ว่าคุณจะเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ก็ควรหมั่นเฝ้าระวังสังเกตอาการตัวเองอยู่เสมอ เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าสิ่งที่คุณสัมผัสนั้นมีเชื้อโรคตัวร้ายแฝงอยู่หรือไม่ ยิ่งถ้าหากว่าคุณยังจำเป็นต้องออกนอกบ้าน นั่นอาจทำให้คุณสามารถรับเชื้อมาได้ทุกเมื่อ ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ระบุว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จะมีอาการเริ่มแรกคือ มีไข้ ตามมาด้วยอาการไอแห้งๆ หลังจากนั้นราว 1 สัปดาห์ จะมีปัญหาหายใจติดขัด สำหรับผู้ป่วยอาการหนักจะมีอาการปอดบวมอักเสบร่วมด้วย ซึ่งหากอาการรุนแรงมากอาจทำให้ปอด หรืออวัยวะภายในล้มเหลว ดังนั้นคุณจึงควรเฝ้าสังเกตอาการของตัวเอง โดยลองตรวจวัดไข้ทุกวัน เพื่อดูว่าอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียสหรือไม่ รวมถึงสังเกตอาการอื่นๆ ได้แก่ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ ปวดเมื่อยเนื้อตัว หากพบอาการป่วยอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ติดตามสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดอีกสัก 1 – 2 วัน หากยังไม่ดีขึ้นหรือมีอาการอื่นๆ เพิ่มเติมให้รีบไปพบแพทย์ทันที

 

ใช้เทคโนโลยีทำงาน

สถานที่ทำงาน ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่คนมารวมตัวกันเป็นกิจวัตร และในระหว่างทางกว่าจะถึงที่ทำงาน เราอาจสัมผัสกับเชื้อไวรัสโดยไม่รู้ตัว นั่นจึงเป็นเหตุให้หลายๆ บริษัทเริ่มนโยบาย Work from Home หรือการให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้าน แทนการเข้างานที่บริษัท ซึ่งต้องยอมรับว่าการพัฒนาของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ได้ส่งผลให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างง่ายดาย เพราะถึงจะไม่ได้เข้ามาทำงานที่บริษัท แต่คุณก็ยังสามารถทำงานผ่านโน้ตบุ๊ก แท็ปเล็ต หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือ โดยใช้วิธีการพูดคุยสื่อสาร หรือส่งงานผ่านทาง อีเมล ไลน์ หรือ WhatsApp รวมไปถึงยังสามารถประชุมงานกันโดยใช้ Video Conference ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ อย่าง Line ที่สามารถ Group Call ได้สูงสุดถึง 200 คน ในขณะที่ Google Hangout จะเหมาะสำหรับการประชุมกลุ่มเล็ก เพราะสามารถ Group Call ได้เพียง 10 คน แต่จะสะดวกในการแชร์เอกสารต่างๆ ผ่าน Google Drive, Google Docs รวมถึงแชร์หน้าจอที่คุณเปิดใช้งานอยู่ ให้คนในทีมเห็นได้อีกด้วย เช่นเดียวกับ Zoom โปรแกรมประชุมออนไลน์ ที่มาพร้อมฟีเจอร์ครบครันสามารถใช้ได้ทั้ง Windows และ iOS สามารถร่วมประชุมได้พร้อมกันสูงสุด 100 คน รองรับการโทรปกติและการแชร์หน้าจอ ส่วน Microsoft Teams เป็นแอปพลิเคชั่นที่สามารถ Group Call ได้สูงสุด คือ 250 คน และยังสามารถบันทึกการประชุมได้อีกด้วย โดยทั้งหมดนี้สามารถใช้งานได้ฟรี

 

กักตัว ไม่กักตุน

ไม่แปลกที่ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ หลายคนจะเป็นกังวลถึงเรื่องของกินของใช้ จนพากันไปซื้อข้าวของกักตุนสินค้ากันจ้าละหวั่น ซึ่งในความเป็นจริงแม้ว่าสถานการณ์จะเข้าขั้นวิกฤต แต่ประเทศไทยของเราก็ยังคงเป็นประเทศที่ผลิตสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภคได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นปัญหาการขาดแคลนสินค้าต่างๆ จึงไม่น่าจะเกิดขึ้นโดยง่าย ตรงกันข้ามหากเรายิ่งกักตุนสินค้าต่างๆ จนขาดแคลน ก็จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นทำให้ราคาของสินค้าเหล่านั้นสูงขึ้น เพราะไม่สามารถผลิตมาได้ทันกับความต้องการ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตหรือผู้ขายฉวยโอกาสโก่งราคาได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นเราจึงควรปล่อยให้สินค้าต่างๆ ได้ดำเนินไปตามกลไกตลาดจะดีที่สุด รวมถึงของที่ซื้อมากักตุนไว้มากๆ หากเป็นของที่มีอายุการใช้งาน และในที่สุดแล้วไม่สามารถนำมากินหรือใช้ได้ทัน ก็จะเป็นการสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์

 

อร่อยไม่กั๊กแม้ถูกกัก…ตัว

สำหรับใครหลายคน การกินถือเป็นความสุข และวิธีการคลายความเครียดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาแบบนี้ หากต้องกักตัวอยู่แต่บ้าน กินแต่เมนูสิ้นคิดเดิมๆ ก็ดูจะเป็นการซ้ำเติมตัวเองจนเกินไป อย่าลืมว่าตอนนี้เรามีบริการส่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ที่มีให้เลือกใช้บริการอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Line Man, GrabFood, GET และ Food Panda ซึ่งต่างก็มาพร้อมค่าบริการและโปรโมชั่นสุดคุ้มต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน ใครถนัดใช้บริการของที่ไหนก็สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการ โดยบริการเหล่านี้ นอกจากจะช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นตัวช่วยสำคัญที่เหมาะมากในช่วงเวลาแบบนี้ แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ถึงกับต้องกักตัวเองอย่างเคร่งครัด คุณก็ยังสามารถออกไปหาของอร่อยนอกบ้านได้ เพียงแต่อาจจะต้องซื้อกลับมาอิ่มอร่อยที่บ้านแทน และถ้าจะให้ดีควรโทรไปสั่งก่อน เพื่อที่เมื่อถึงเวลาจะสามารถรับกลับได้เลย ไม่ต้องเสี่ยงไปยืนรอนานๆ หรือหากจะต้องรอจริงๆ ควรเลือกร้านที่มีบรรยากาศเปิดโล่ง อากาศถ่ายเท คนไม่แออัด เพื่อความปลอดภัยและสบายใจของตัวคุณเอง

 

ออกกำลังกายดูแลสุขภาพอยู่เสมอ

ในช่วงที่ต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน อาจทำให้ไม่ค่อยได้มีกิจกรรมขยับร่างกาย เพื่อช่วยเผาผลาญพลังงาน รวมถึงฟิตเนสและสถานที่ออกกำลังกายต่างๆ ก็ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็สามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้ ด้วยการออกกำลังกายตามเทรนเนอร์ ซึ่งมีช่องให้เลือกติดตามมากมายทาง Youtube Channel โดยประกอบไปด้วยหลากหลายรูปแบบการออกกำลังกาย ทั้งหนักและเบา ยาวและสั้น ไม่ว่าจะเป็นเต้นแอโรบิก บอดี้คอมแบต โยคะ คาร์ดิโอ เวทเทรนนิ่ง ไปจนถึงการออกกำลังกายเฉพาะส่วน อย่าง หน้าท้อง ต้นขา สะโพก เรียกได้ว่าแทบจะครบทุกรูปแบบความต้องการ จนสามารถออกกำลังได้ทุกวันไม่ซ้ำแบบเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นต่อให้ไม่สามารถออกไปเข้าคลาส หรือไปฟิตเนสได้ตามปกติ คุณก็ยังสามารถดูแลสุขภาพ และรักษารูปร่างให้ดูดีอยู่ได้

 

ดูหนังออนไลน์ผ่อนคลายความเครียด

หากการติดตามข่าวสารในภาวะวิกฤตนี้ ทำให้คุณเกิดความเครียด ลองพักจากการเกาะติดสถานการณ์ แล้วใช้เวลานี้หาความบันเทิงผ่อนคลาย ด้วยการเคลียร์ซีรีส์ที่ยังดูไม่จบ รวมทั้งหาเวลาดูซีรีส์เรื่องใหม่ ซึ่งตอนนี้มีหลากหลายช่องทางให้ได้เลือกดู ไม่ว่าจะเป็น Netflix ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุด มีภาพยนตร์และซีรีส์ให้เลือกชมหลากหลาย โดยแบ่งหมวดหมู่อย่างชัดเจน ทั้งยังมีภาพยนตร์และซีรีส์เฉพาะของ Netflix เองอีกด้วย สำหรับค่าบริการมีให้เลือกในราคา 280, 350 และ 420 บาทต่อเดือน ทางด้านของ VIU จะเป็นแหล่งรวมของซีรีส์เกาหลี หนัง และรายการเพลงของเกาหลี โดยเป็นการร่วมมือกันกับรายการโทรทัศน์ของประเทศเกาหลี อย่าง SBS, KBS และ MBC นอกจากนี้ช่องทางการสตรีมนี้ยังมีทั้งซีรีส์เก่าและใหม่ พร้อมกับคำบรรยายไทยที่ถูกต้อง สามารถรับชมได้แบบไม่มีค่าบริการ แต่อาจต้องเสียเวลารับชมโฆษณา ส่วนผู้ที่ต้องการดูแบบต่อเนื่องไม่มีสะดุด จะมีค่าบริการรายเดือน 119 บาท ส่วนอีกหนึ่งเว็บสตรีมที่ได้รับความนิยมเช่นกันอย่าง iflix ก็มีความโดดเด่นในเรื่องของราคา และซีรีส์ต่างประเทศที่หลากหลาย มาพร้อมกับสิทธิ์ในการดูหนัง ซีรีส์ การ์ตูน และอีกมากมายแบบถูกลิขสิทธิ์ ไม่มีโฆษณาคั่น ทั้งยังสามารถดูพร้อมกันได้หลายเครื่อง บอกเลยว่าถึงโรงหนังจะถูกปิด และต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน ก็ไม่มีเหงาแน่นอน

 

ทำสวน ดูแลบ้านครั้งใหญ่

เพราะความสะอาดคือหัวใจหลักของการดูแลตัวเอง ให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสตัวร้ายตัวนี้ ดังนั้นในช่วงเวลาที่ต้องระวังรักษาตัวอยู่กับบ้าน ก็ต้องไม่ลืมดูแลความสะอาดของสิ่งของเครื่องใช้รอบตัว โดยใช้ประโยชน์จากวิกฤตครั้งนี้ ถือโอกาสทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่เสียเลย ซึ่งหากอยากเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง ก็อาจลองหาบริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อทำความสะอาดมาฉีดภายในบ้าน เพื่อให้แน่ใจว่าทุกพื้นที่ภายในบ้านของคุณนั้นปลอดจากเชื้อไวรัสจริงๆ รวมถึงบริเวณภายนอก หากสามารถสร้างบรรยากาศและความมีชีวิตชีวา ได้ด้วยการจัดสวนใหม่ ลองหาพันธุ์ไม้ที่ทนทานต่อแสงแดดมาปลูกเพิ่ม เพื่อสร้างความร่มรื่น และอาจช่วยลดอุณหภูมิ

 

**************************

เรื่อง: จักรีรัตน์ อัศดรวุฒิไกร

AROUND MAGAZINE

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด