เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนดิจิทัล (Digital Vaccine Credential) ความหวังฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทางรอดของประเทศและภาคธุรกิจ
เมื่อการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 จากหลายๆ บริษัทประสบความสำเร็จ และเริ่มมีการส่งถึงประชาคมโลก รวมถึงประเทศไทยในอีกไม่นานนี้ ได้มีการคาดการณ์ว่าภายในเดือนมิถุนายน 2564 จะมีประชากรทั่วโลกประมาณหนึ่งพันล้านคน ได้รับวัคซีนโควิด-19 ในขณะที่ประเทศเดนมาร์กได้มีการทยอยฉีดวัคซีนเข็มที่หนึ่งและสอง ให้กับประชาชนแล้วอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งทางการเดนมาร์กเพิ่งออกมาประกาศเตรียมวางแผนใช้ Digital Passport หรือ “หนังสือเดินทางดิจิทัล” ในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า
โดย Digital Passport ของเดนมาร์กนี้ จะบรรจุข้อมูลของผู้ถือหนังสือเดินทางว่าได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แล้ว รวมถึงใช้บันทึกผลการตรวจว่าไม่พบการติดเชื้อ จะช่วยย่นระยะเวลาคัดกรอง และตรวจสอบผู้ที่มีโอกาสติดและแพร่กระจายเชื้อภายในประเทศ กลุ่มของนักธุรกิจนักลงทุนที่จำเป็นต้องเดินทางจะได้ใช้เป็นกลุ่มแรก โดยหวังว่าจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและช่วยให้เดนมาร์กค่อยๆ เปิดประเทศได้อีกครั้ง ภายใต้วิถีชีวิตความปกติใหม่ หลังจากที่ภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนัก อีกทั้งยังมั่นใจว่าการนำข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีมาใช้ในครั้งนี้ จะทำให้เดนมาร์กเป็นประเทศแรกๆ ในโลก ที่สามารถใช้หนังสือเดินทางดิจิทัลได้ รวมถึงพัฒนาต่อไปยังภาคธุรกิจอื่นๆ และเป็นตัวอย่างให้กับประเทศที่เหลือในประชาคมโลกต่อไป
ด้าน องค์การอนามัยโลก ได้เริ่มประชุมเพื่อสร้างมาตรฐานการให้เอกสารสำคัญ รับรองการได้รับวัคซีน (Vaccination Credentials) ที่สามารถใช้ร่วมกันได้ทั่วโลก และอยู่ในรูปแบบที่สากลยอมรับ โดยหนึ่งในมาตรฐานจะมีอ้างอิงจากมาตรฐาน W3C (World Wide Web Consortium) ในรูปแบบของเอกสารรับรองที่ตรวจสอบได้ (Verifiable Credentials, VCs) เพื่อการยืนยันข้อมูลได้อย่างถูกต้องและเป็นปัจจุบัน ในส่วนของ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA ได้เตรียมพร้อมใช้มาตรฐาน VCs สำหรับวัคซีนโควิด-19 กับสายการบินชั้นนำของโลก เช่น British Airways, Singapore Airlines, Emirates และอีกกว่า 25 สายการบิน ในการตรวจสอบเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด-19 ภายในต้นเดือนมีนาคมนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับการเดินทางโดยอากาศยานอีกครั้ง
สำหรับประเทศไทย ที่เศรษฐกิจของประเทศพึ่งพิงรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก หากต้องการเปิดประเทศให้ได้เร็วที่สุด เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจทุกภาคส่วนและผลักดันประเทศไปข้างหน้าอย่างมั่นคง สอดคล้องไปกับยุคเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ภาครัฐและเอกชนควรหันมาจริงจังกับ “เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนดิจิทัล” (Digital Vaccine Credential) ที่สามารถเก็บข้อมูล และรับรองการฉีดวัคซีนได้บนแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่นเดียวกับเดนมาร์ก สวีเดน กลุ่มประเทศนอร์ดิก ยุโรป สหราชอาณาจักร หรือแม้แต่อเมริกา ที่ขณะนี้ต่างศึกษาและเตรียมเรื่องของการ verify การฉีด และผลทดสอบหลังการฉีดวัคซีนเข็มที่หนึ่งและสองให้ได้แบบ realtime
ข่าวดีของไทย คือ เราไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม หรือเทคโนโลยีจากต่างประเทศแล้ว เพราะมีบริษัทไทยของคนไทยกับการรวมกลุ่มกันของเหล่าหัวกะทิคนไทย ร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์ม Decentralized Identity รายแรกของประเทศ ภายใต้ชื่อ “บริษัท ฟินีม่า จำกัด” บริษัทไทยเพียงบริษัทเดียว และเป็นเพียงหนึ่งในสี่ของเอเชียแปซิฟิก ที่เป็นสมาชิกขององค์กรระดับโลก อย่าง Decentralized Identity Foundation (DIF) ที่มีสมาชิกเป็นผู้นำเทคโลยีของโลกมากมาย อาทิ Microsoft, IBM, Accenture ฯลฯ กับการทำงานร่วมกันในการสร้างมาตรฐาน และเครือข่าย Decentralized Identity ที่มีความปลอดภัยสูง
โดยขณะนี้ ได้ทำการพัฒนาแพลตฟอร์มของ “เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนดิจิทัล” (Digital Vaccine Credential) รวมถึง เอกสารรับรองการตรวจโควิด-19 ดิจิทัล (Covid-19 Test Result Credential) ซึ่งทำงานผ่านแพลตฟอร์ม Decentralized Digital Identity ที่มีการเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ ผ่าน Blockchain หรือ Distributed Ledger กับคุณสมบัติการเก็บข้อมูลที่จะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงไม่ได้ (Immutable) ซึ่งจะช่วยให้การทำธุรกรรมต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีความปลอดภัยสูงสุด อีกหนึ่งข้อได้เปรียบสำคัญบนแพลตฟอร์มของ Finema คือ การใช้มาตรฐานเปิดที่ตกลงกันในระดับสากล ทำให้เกิดการทำงานร่วมกัน (Interoperability) ระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ จากทั่วโลกได้ ลดการทำงานซ้ำซ้อนในระยะยาว และไม่เปลืองงบประมาณในการเปลี่ยนแพลตฟอร์มให้ลิงค์กับนานาประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบให้เป็นไปตามกฎหมายดิจิทัลทั้งของไทย อเมริกา และยุโรป อีกด้วย ดังนั้นการเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ออกแบบโดย บริษัท ฟินีม่า ประเทศไทย จึงเป็นข้อได้เปรียบทั้งทางด้านต้นทุนที่น้อยกว่าการซื้อแพลตฟอร์มจากต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เป็นสากลสามารถนำมาพัฒนา และทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มของนานาชาติได้แบบปลั๊กอิน โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหรือสิ้นเปลืองงบประมาณในการปรับปรุงระบบใหม่ในภายหลัง ที่สำคัญความปลอดภัยทางข้อมูลที่จะปิดประตูความเสียหาย ด้านการปลอมแปลงเอกสารและข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่ได้เห็นกันในข่าวต่างประเทศ ที่นักท่องเที่ยวปลอมแปลงเอกสารการตรวจโควิด19 เพื่อเข้าประเทศโครเอเชีย รวมถึงอีกหลายๆ ประเทศในยุโรป และอเมริกา นำมาซึ่งความเสียหายของชีวิต และเศรษฐกิจมวลรวมแบบมหาศาล
สำหรับ “เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนดิจิทัล” (Digital Vaccine Credential) คือสิ่งที่ทุกประเทศควรมีอย่างที่สุด เพราะทุกภาคธุรกิจไม่ว่าจะเป็นสายการบิน การคมนาคม ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ท ที่พัก คอนเสิร์ตฮอลล์ ศูนย์การค้า โรงพยาบาล ฟิตเนส ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ สถานเสริมความงาม และอีกมากมาย ต่างต้องการเอกสารที่สามารถแสดงว่า ผู้เข้าใช้บริการแต่ละคนนั้น ปลอดจากไวรัสโควิด-19 หรือได้รับวัคซีนครบเป็นที่เรียบร้อย ก่อนการเข้าใช้บริการ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน ลูกค้า ผู้ประกอบการธุรกิจ สังคม ประเทศไปจนถึงระดับทวีป และโลก ดังนั้นเอกสารนี้จำเป็นต้องพกพาสะดวก ตรวจสอบได้ทุกที่ทุกเวลา มีรูปแบบเป็นสากล และ Touchless ซึ่งอาจจะมาในรูปแบบ QR code หรือ Digital Wallet
ขั้นตอนของการออกเอกสารรับรองที่ตรวจสอบได้ (VCs) หรือ “เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนดิจิทัล” (Digital Vaccine Credential) จะต้องมีหน่วยงานที่น่าเชื่อถือเป็นผู้ออกเอกสารให้ ซึ่งตัวอย่างในที่นี้ Issuer คือ กระทรวงสาธารณสุข หรือโรงพยาบาลภาครัฐ-เอกชน หรือแพทย์ผู้รักษา โดยมีการออกเอกสารรับรองที่ตรวจสอบได้ (VCs) ให้กับผู้เข้ารับวัคซีนโควิด19 (User) ไว้แสดง เมื่อมีการขอตรวจสอบข้อมูล โดยที่ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ที่ผู้เข้ารับบริการเอง ในรูปแบบ User Centric ตามกรอบความคิดแบบ Self-Sovereign Identity (SSI) สามารถตรวจสอบได้ผ่านการตรวจสอบข้อมูลบน Blockchain ที่จะยืนยันได้ว่าเอกสารฉบับนั้นออกโดยใคร, ออกให้ใคร และโดนปลอมแปลง หรือเพิกถอนไปแล้วหรือยัง เป็นต้น
การใช้งานจะสะดวก ปลอดภัย ไร้สัมผัส เพียงแค่แสดง QR Code โดยผู้ให้บริการ (Verifier) เพียงแค่สแกนเพื่อตรวจสอบข้อมูล เพียงเท่านี้ผู้ให้บริการก็สามารถเห็นข้อมูลที่จำเป็นได้ทั้งหมด อาทิ ฉีดวัคซีนเข็มแรก หรือเข็มที่สอง เมื่อไหร่, หมายเลขวัคซีน, บริษัทที่ผลิต, ข้อมูลนี้เป็นของใคร (ชื่อ-สกุล), ออกโดยกระทรวงหรือโรงพยาบาลอะไร ถูกปลอมแปลงหรือเพิกถอนแล้วรึยัง โดยรายละเอียดเหล่านี้นับเป็นข้อมูลสำคัญ ในการพิสูจน์เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนดิจิทัล (Digital Vaccine Credential) และเอกสารรับรองการตรวจโควิด-19 ดิจิทัล (Covid-19 Test Result Credential) เพราะเทคโนโลยีทำให้ธุรกรรมต่างๆ เกิดขึ้นเร็วมาก และใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการตรวจสอบข้อมูลเท่านั้น ขณะเดียวกันเมื่อมองในระดับมหภาค สิ่งนี้สามารถลดค่าใช้จ่าย และเวลาในการดำเนินงานให้แก่ภาครัฐ เอกชน และประชาชนได้อย่างอเนกอนันต์เช่นกัน และสิ่งที่ตามมาอย่างแน่นอน คือ การก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจในอนาคตได้แบบมหาศาล
—————————–
ที่มา: Finema