TOP

กลับมาอีกครั้งกับเมนูไทย ทาปาส โดยแชมป์เชฟกระทะเหล็ก “แจ็คกี้ ประเสริฐชัย ตรงวานิชนาม” พร้อมเปิดตัว “Piano Bar” จุดหมายแฮงเอาท์สุดหรู ณ โรงแรมวี กรุงเทพฯ เอ็มแกลเลอรี่

มิติใหม่ของจุดหมายปลายทางอาหารที่พลาดไม่ได้! โรงแรม วี กรุงเทพฯ เอ็มแกลเลอรี่ โรงแรมระดับห้าดาวชื่อดังย่านราชเทวี ล่าสุดดึง เชฟประเสริฐชัย ตรงวานิชนาม หรือ เชฟแจ็คกี้ ดีกรีแชมป์จากรายการเชฟกระทะเหล็กสองปีซ้อน ในปี 2561 และปีล่าสุด 2565 นี้ เข้าร่วมทีมครัวของโรงแรม ในฐานะหัวหน้าเชฟคนใหม่ พร้อมยกระดับประสบการณ์อาหารด้วยสไตล์การปรุงเฉพาะตัว ในแนว “อาหารไทยสไตล์โมเดิร์น” ที่ผสมผสานต้นตำรับอาหารไทยให้เข้ากับวัตถุดิบและเทคนิคสมัยใหม่ พร้อมฉีกทุกกฎเพื่อสร้างความพิเศษไปอีกขั้น ด้วยเทคนิคการปรุงแบบโมเลกุลาร์ ซึ่งเป็นการนำเอาหลักทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ในการปรุงอาหาร ด้วยการใช้เทคนิคหลายรูปแบบ ในการสร้างแนวอาหารรูปแบบใหม่ที่ทั้งอร่อยแล้ว พรีเซนเทชันอาหารยังสวยงามโมเดิร์น เรียกว่าน้อยแต่มากด้วยคุณค่าโภชนาการอันตื่นตาตื่นใจ โดยใช้วัตถุดิบ ส่วนผสม และเครื่องมือที่ซับซ้อนกว่าการปรุงอาหารทั่วไป จากการบ่มประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ที่คร่ำหวอดในวงการอาหารไทยและอาหารตะวันตกในร้านอาหารระดับโลก เชฟได้นำประสบการณ์และความครีเอทีฟสร้างสรรค์มาสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ พร้อมเปิดประสบการณ์แห่งรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ในสไตล์ของเชฟแจ็คกี้ ให้กับหลายห้องอาหารชั้นนำของโรงแรมแห่งนี้ ประกอบด้วย La VIE Bistronomy, Piano Bar และ The Edge Pool Bar และยังช่วยยกระดับชื่อเสียงของโรงแรม วี กรุงเทพฯ เอ็มแกลเลอรี่ ในฐานะจุดหมายปลายทางอาหารและค็อกเทลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ อีกด้วย

เพราะทุกเมนูอาหารล้วนสรรค์สร้างขึ้นจากแพชชันที่เกิดขึ้นในห้องครัว “เชฟแจ็คกี้” หัวหน้าเชฟคนใหม่รังสรรค์ประสบการณ์อาหารเหนือระดับที่เปี่ยมไปด้วยความรัก แพชชัน รวมการนำเทคนิคโมเลกุลาร์มาผสมผสานการปรุงอาหารแบบดั้งเดิมทำให้เกิดมิติใหม่ ๆ ที่เชฟนิยามสไตล์การทำอาหารของตัวเองว่าเป็น “อาหารไทยร่วมสมัย” ที่ได้รับคำชื่นชมจากความสามารถในการรังสรรค์ประสบการณ์อาหารให้นักชิมสัมผัสได้ถึงกลิ่น รสชาติ ผสานกันในหลากหลายวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก อีกทั้งเชฟแจ็คกี้ยังสนับสนุนเเนวคิดเรื่องความยั่งยืนและชื่นชอบการเสาะหาวัตถุดิบจากเเหล่งต้นกำเนิดโดยตรงอีกด้วย ด้วยพื้นฐานของความเป็นคนอารมณ์ดีของเชฟ ถ่ายทอดสู่การสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ ไปพร้อมกับการเรียนรู้อย่างไม่หยุดนิ่งอยู่เสมอ ทำให้เมนูของเชฟแจ็คกี้มีชีวิตชีวาและมีเรื่องราว เติมเต็มอรรถรสของการรับประทานในทุกคำ

สำหรับ The Piano Bar ที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง บาร์ที่รวมตัวของผู้คนที่รักการสังสรรค์ เปิดประสบการณ์เลิศหรูในบรรยากาศที่ได้รับการตกแต่งในสไตล์ ART DECO ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเอนกายดื่มด่ำกับเสียงเพลงเปียโนที่บรรเลงดนตรีแจ๊สสด ไปพร้อมการเปิดตัวไทย ทาปาส เมนูใหม่ที่เชฟแจ็คกี้รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ

สำหรับในเวอร์ชั่นเสิร์ฟอาหารสไตล์เชฟแจ็คกี้ เน้นคอนเซ็ปต์สนุกสนานผ่านหลากหลายเมนูอาหารไทย ทาปาส ที่มีชื่อเรียกชวนสนุกอย่าง Bites (อาหารเรียกน้ำย่อย), Cured & Healed (สตาร์ทเตอร์), Liquid (ซุป), Tango (อาหารจานหลักที่เพิ่มความพิเศษด้วยเครื่องเทศ) และ Darling (ของหวาน) พร้อมเครื่องดื่มหลากเมนูจากมิกซ์โซโลจิสต์ เซน-เจษฏา ฐานาริยชัย ทำให้ The Piano Bar กลายเป็นจุดสังสรรค์ใจกลางกรุงเทพฯ ที่เข้าถึงได้ในราคา 500 – 1,000 บาท และยังสามารถดื่มด่ำกับดนตรีแจ๊สบรรเลงสดได้ในทุกค่ำคืนวันศุกร์และเสาร์

การผสมผสานรสชาติแปลกใหม่ควบคู่ไปกับการใช้วัตถุดิบชั้นดี จากทั้งตามฤดูกาลในประเทศและต่างประเทศ เข้ามาช่วยเติมเต็มรสชาติแปลกใหม่มีชีวิตชีวา หลากเมนูที่เชฟนำมาเสิร์ฟความอร่อย รับประทานคู่กับเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ อย่างเมนูอาหาร ไทย ทาปาส ครั้งนี้ เชฟเติมสีสันความสนุกให้กับแต่ละเมนูได้อย่างน่าอัศจรรย์ แรงบันดาลใจจากเส้นทางชีวิตของเชฟที่ได้เติบโตสั่งสมประสบการณ์จากรอบโลก เปรียบชีวิตเป็นดั่งจังหวะของบทเพลง นำไอเดียสร้างสรรค์สู่การรังสรรค์เมนูให้สอดรับคอร์ดเพลงแจ๊สและเปียนโน อย่าง Intro, Cured & Healed, Bites, Tango, Middle Man, Tango No.2, Oh My Daring และ Finale ภายใต้บรรยากาศไฟสลัวของ Piano Bar

เริ่มกันที่เมนู Intro อย่าง เมนู Kanom Bueang มาจากไอเดียอยากเทิร์นของหวานให้เป็นของคาว โดยนำขนมบ้าบิ่นมาประยุกต์เป็นขนมเบื้องเวอร์ชั่นไทย ทาปาส ใส่ปลาดุกฟู แกงแดง ส้มโอ ลิ้นจี้ ได้เทกเจอร์ขนมบ้าบิ่นในความกรอบของแป้งและรสชาติที่หลายมิติในคำเดียว ต่อด้วย เมนู Mr. Fisherman มีการ Dry-aged เนื้อปลาปรุงรสจัดจ้านแบบยำ ช่วยให้สดชื่นจากอาการ Hang Over ได้ดี 

เมนู Moo Krab ยำหมูกรอบกับผักปัง ที่หมูกรอบนอกนุ่มในกรุ๊บ ๆ เข้ากับน้ำยำรสจัดจ้านอย่างลงตัว, เมนู Seoul Dog Jr. เมนูสุดสร้างสรรค์แบบ East meet West ด้วยคอนเซ็ปต์สนุก ๆ ลูกอีสานไปเติบโตที่อเมริกาชอบดูซีรี่ส์เกาหลี ที่เชฟทำไส้กรอกอีสานเองโดยคงรสชาติดั้งเดิมหลาย elements ในคำเดียวทั้งเครื่องเทศ เผ็ด เปรี้ยว หวาน เสริมด้วยกิมจิกับโคชูจังผสมกับขนมปังบิยอชอร่อยล้ำ

เมนู Sato 2.0 นำ elements ของการบ่มสาโทไทยกับผลไม้ อย่าง แอปเปิ้ล ข้าวหอมมะลิทางใต้ และบรั่นดี ที่ใช้เวลาในการหมักบ่มนานถึง 48 ชั่วโมง นำมาทำเป็นซอร์เบของหวานเย็นเกล็ดหิมะ ให้รสชาติเปรี้ยวนิด ๆ หวานตามรสชาติผลไม้ on top ด้วยข้าวเม่า มอบความสดชื่นอร่อยสุด ๆ, เมนู Bobby’s Ranch สไตล์ข้าวคลุก ข้าวหน้าเนื้อที่อินสไปร์จากญี่ปุ่นแต่ให้รสชาติแบบไทย ๆ ด้วยไข่ดองพริกน้ำปลาที่มีความเฟิร์มหนึบเด้ง ที่เชฟอยากให้อารมณ์เหมือนไข่เค็ม เคล็ดลับไข่ดองแบบออนเซน เชฟใช้น้ำปลาโบราณคุณภาพจากจังหวัดตราดสนับสนุนโลคอล รับประทานกับข้าวและเนื้อพรีเมี่ยมเต็มคำชูรสด้วยน้ำพริกเผา

เมนู Smokey banana ได้แรงบันดาลใจจากข้าวเม่าทอดสอดไส้กล้วยหวานฉ่ำคาราเมล ตัดกับน้ำกระทิเคี่ยวใบเตยให้ความกลมกล่อมอย่างลงตัว on top ด้วยข้าวเม่าพองอบควันเทียน หอมกลิ่นส้มซ่ากับมะกรูด และ เมนู Tom Kha สุดยอดเมนูที่รังสรรค์เมนูของคาวมาทวิตเป็นของหวาน อีกเวอร์ชั่นอินสไปร์จากเมนูต้มข่า ฉีกกฏรสชาติและหน้าตาของต้มข่าแบบเดิม ๆ โดยสิ้นเชิง แต่ยังคงเอกลักษณ์ความหอมกลิ่นสมุนไพรไทย ที่อร่อยได้รสชาติต้มข่าไอสกรีมและมีหลายบาลานซ์มากในคำเดียว อย่าง นำมะกรูดมาทำเป็นครัมเบิ้ล และช็อกโกแลตไทยที่มีความอมเปรี้ยวเล็กน้อยแรปไอศกรีมต้มข่า on top ด้วยเมอแรงก์ดีปลาหมึก

ส่วนเมนูเครื่องดื่ม “คุณเซน” ได้ครีเอทจักรวาลค็อกเทล จากแรงบันดาลใจอันหลากหลาย ทุกเมนูเครื่องดื่มให้มิติของรสชาติไม่ต่างจากอาหาร ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างมีเอกลักษณ์ และเข้ากันได้ดีกับอาหารของเชฟแจ็คกี้อีกด้วย เสริมอรรถรสในการรับประทานท่ามกลางบรรยากาศแสนผ่อนคลาย โดยมีเมนูค็อกเทลสูตรซิกเนเจอร์หลากหลายให้เลือกจิบ ทุกเมนูยังให้มาพร้อมแนวคิด Zero Waste ให้ความสำคัญกับการไม่ก่อให้เกิดขยะที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกและเลือกใช้วัตถุดิบทดแทนที่ไม่ทำให้ให้เกิดมลภาวะจากของเหลือทิ้ง เรียกได้ว่าใส่ใจในทุกรายละเอียดเลยทีเดียว เมนูเครื่องดื่มที่ยกมาเสิร์ฟแพริ่งกับไทย ทาปาส ได้รับการรังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษใน Piano Bar อาทิ เครื่องดื่ม ZENNIAL สำหรับคนเจน Z สปาร์กกลิ้งค็อกเทลทวิตมาจากค็อกเทลเบลลินี ใช้ peach oleo, Gin, elderflower และสปาร์กกลิ้งไวน์ ตกแต่งด้วยดอกไม้สดที่แก้วจากดอกไม้รีไซเคิลที่รับประทานได้

ค็อกเทล Over The Rainbow โดดเด่นด้วยสองเลเยอร์แดงกับน้ำเงินอมม่วง มอบกลิ่นเฮิบหอมของดอกไวโอเล็ต (Violet Flower) ให้รสหวานจากราสเบอรี่สด และเป็นค็อกเทลที่โดดเด่นในคอนเซ็ปต์ LGBT+, ค็อกเทล Mango Sticky Rice แมงโก้ สติกกี้ไรซ์ ซอร์เบ (Sorbet) คลุกกับไนโตรเจนเหลวที่มีอุณหภูมิติดลบ ทำให้เครื่องดื่มแข็งแบบไอศกรีมซอร์เบที่มีแอลกอฮอล์ ontop ด้วยกะทิ สร้างมิติของการดื่มด้วยควันจากไนโตรเจนเหลวทำให้เครื่องดื่มดูพิเศษด้วยเลเยอร์ของโคโคนัทครีมกับแมงโก้ นอกจากนี้ยังมีเมนูค็อกเทลไฮไลท์อื่น ๆ อาทิ YVELTAL, XERNEAS และ DIVIDING 

นอกจากจะมารับบทบาทหัวเรือใหญ่ของห้องอาหาร La VIE Bistronomy, Piano Bar และ The Edge Pool Bar แล้ว เชฟแจ็คกี้ยังเข้ามาช่วยดูแลอาหารในงานพิธีมงคลสมรส งานเลี้ยงสังสรรค์ รวมไปถึงงานอีเว้นต์และงานประชุมอีกด้วย เป็นการยกระดับประสบการณ์อาหารทั้งหมดของโรงแรม ซึ่งอาหารของเชฟแจ็คกี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นอาหารที่สัมผัสได้ถึงกลิ่น รสชาติ และสร้างความโดดเด่นของวัตถุดิบได้ทุกรูปแบบ ร่วมเปิดประสบการณ์แห่งรสชาติ พร้อมลิ้มรสความอร่อยในเมนูสุดสร้างสรรค์ ที่มอบความสนุกสนานในการรับประทาน ณ Piano Bar, La VIE Bistronomy และ The Edge Pool Bar จาก #VIEHotelBangkok

 

📲 เช็กลิสต์โปรโมชัน: https://bit.ly/3auHwpv

📞 สอบถามเพิ่มเติมและสำรองที่นั่ง: โทร. 0 2309 3939, https://lin.ee/cvEPyaX, เว็บไซต์: www.viehotelbangkok.com

📍 พิกัด: Piano Bar โรงแรม วี กรุงเทพฯ 117/39-40 พญาไท กรุงเทพฯ ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ราชเทวี

 

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด