TOP

“เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ในระบบบริการสุขภาพ ยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เทคโนโลยีก็ไม่อาจแทนที่ได้

EMPATHY, THE SKILL FOR SUCCESSFUL TREATMENT

‘เทคโนโลยี’ อาจฟังดูเป็นคำที่แข็งกร้าวและเย็นชาสำหรับใครหลายคน เพราะนั่นทำให้เรานึกถึงหุ่นยนต์หรือคอมพิวเตอร์ที่มีระบบคิดอันสลับซับซ้อน แต่ตอนนี้ บรรดานักประสาทวิทยาและนักพัฒนาเทคโนโลยี กำลังพยายามใส่ ‘ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ’(Empathy) ให้กับเทคโนโลยี เพื่อให้มีความเข้าใจและช่วยเหลือมนุษย์ได้มากขึ้น ซึ่งเราเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า ‘Empathetic Technology’ ได้เริ่มมีการทดลองใช้งานในทางการแพทย์แล้ว ตัวอย่างเช่น เครื่องช่วยฟังที่ปรับระดับตามความสามารถในการได้ยินของผู้สวมใส่ได้ หรือเครื่องมือเก็บข้อมูลของผู้ป่วยทางจิต เพื่อให้หมอหรือพยาบาลทำการรักษาได้ถูกต้อง ซึ่ง ‘ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ’ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับวงการแพทย์ ทำให้ไม่ว่าเทคโนโลยีจะทันสมัยแค่ไหน นักพัฒนาก็ยังคงต้องหาทางใส่สิ่งนี้เข้าไป

 

รับรู้ เข้าใจ และใส่ใจ ในระบบบริการสุขภาพ ยังเป็นสิ่งสำคัญที่เทคโนโลยีก็ไม่อาจแทนที่
ยามเจ็บป่วย มิใช่เพียงกายเท่านั้นที่อ่อนแอลงแต่จิตใจอาจได้รับผลกระทบและสั่นคลอนให้ความเข้มแข็งทางใจลดลงได้ จากการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ยืนยันว่าการรักษาจะได้ผลดี หากใจของผู้ป่วยได้รับการประคับประคองไปพร้อมๆ กันกับการดูแลจิตใจร่วมกับการรักษาโรคทางกาย เกิดได้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า “empathy” ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยใกล้เคียงที่สุดกับคำว่า “การเอาใจเขามาใส่ใจเรา” ในปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทุกขั้นตอนในการตรวจวินิจฉัยและรักษา สามารถทำได้รวดเร็วมากขึ้น แม่นยำมากขึ้น แต่กระนั้นการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นมนุษย์ก็ยังมีความสำคัญ นอกจากนั้นยังได้เปรียบและเหนือชั้นกว่าเทคโนโลยี โดยเทคโนโลยีไม่อาจทดแทนได้เพราะบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นมนุษย์มี “จิตใจ” มี “ความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ”ในทุกข์ของผู้ป่วยและญาติของผู้ป่วย ซึ่งส่งผลดีทั้งต่อผลการรักษา

 

ขอบคุณที่มา และ ภาพ : Health Brings Wealth by BDMS

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด