#WHATMAKESAMAN แคมเปญที่สะท้อนมุมมองใหม่ของผู้ชาย ผ่านคอลเลกชันฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน 2021 ของ Ermenegildo Zegna
ปัจจุบันการเป็นผู้ชายมีหมายความว่าอย่างไร? คำถามนี้กลายมาเป็นแนวทางที่สอดประสานอยู่ในทุกอณูของการทำงานทุกอย่างที่ Zegna และนับเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างบทสนทนาอันเกี่ยวกับอัตลักษณ์ บุคลิกภาพส่วนบุคคล เอกลักษณ์เฉพาะตัว ความรับผิดชอบ และสิ่งที่จะส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง ซึ่งคำถามนี้ได้แผ่ขยายไปทั่วโลก เพื่อร่วมกันหาคำตอบให้แก่ความซับซ้อนของความเป็นชายในสมัยใหม่ และนำพาความคิดไปสู่ความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
สำหรับซีซั่นนี้ แนวคิดเรื่อง #WHATMAKESAMAN ถูกพัฒนาขึ้นด้วยการรวบรวมมุมมองใหม่ๆ โดยใน แคมเปญคอลเลกชันฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน 2021 นี้ เป็นการมอบโอกาสแก่คนที่คุณรัก ให้ได้หันมาคำนึงถึงอุดมคติร่วมสมัย ที่มีความสำคัญต่อผู้ชายในชีวิตของพวกเขาและเธอ ผ่านคำถามที่ว่า “อะไรที่สร้างผู้ชายของฉันขึ้นมา?” นำเสนอผ่านภาพพอร์เทรตที่เต็มไปด้วยความลึกซึ้งของทั้งบุคคล หรือคู่ความสัมพันธ์ สายใยที่เกิดขึ้นระหว่าง Gabriel-Kane Day-Lewis นายแบบ/นักร้องและนักแต่งเพลง และแม่ของเขา Isabelle Adjani นักแสดงเจ้าของ 5 รางวัลซีซาร์อวอร์ด ด้วยภาพถ่ายที่สะท้อนมุมมองส่วนตัวของอิซาเบลที่มีต่อลูกชาย ผ่านเลนส์และสายตาอันตรงไปตรงมาต่อ กาเบรียล เคน เดย์ ลูวิส “บางครั้งลูกชายของฉันก็ดูราวกับมีจิตวิญญาณเก่าแก่ซ่อนอยู่ในตัวเขา” อิซาเบลกล่าว “แม้ว่าบางครั้งเขาจะดื้อรั้นมากไปหน่อย แต่ภายในจิตใจของเขานั้นเต็มไปด้วยภูมิปัญญา และปรัชญาที่สวยงามเกี่ยวกับความรัก ความเมตตาและความเอื้ออาทร” ไม่เพียงแค่นั้น ทั้งคู่ยังได้ร่วมกันสะท้อนเรื่องราวให้เห็นถึงบทเรียนและคุณค่าในชีวิต ที่ทำให้กาเบรียลเติบโตขึ้นมาเป็นชายอย่างที่เขาเป็นในปัจจุบัน พร้อมแสดงให้เห็นว่าการเติบโตที่มาพร้อมกับหลักการเชิงบวก ที่ส่งผ่านโดยคนที่ใกล้ชิดกับเรานั้นสำคัญเพียงใด
ขยับเข้าสู่เรื่องราวที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ด้วย เรื่องราวที่มีความพิเศษและประสบการณ์ของคนยุคใหม่ ผ่านภาพถ่ายพอร์เทรตของนักแสดงหนุ่มชาวจีน Li Xian ควบคู่ไปกับ Noonoouri ซึ่งเป็นตัวละครดิจิทัลหญิงที่เขาสร้างขึ้นในโลกเสมือนจริง การจับคู่ที่ไม่คาดคิดนี้สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมร่วมสมัยที่พวกเขายึดถือ โดยทำให้เราเห็นว่าความเป็นชายไม่ใช่ความคิดตายตัว หรือกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดที่ถูกกำหนดไว้โดยผู้อื่น แต่ความเป็นชายเป็นแนวคิดที่ลื่นไหล และเป็นสภาวะของจิตใจที่มีความลึกซึ้งเสียมากกว่า
สำหรับรูปถ่ายในแคมเปญนี้ มีฉากหลังซึ่งได้แรงบันดาลใจจากอุทยาน Oasi Zegna สถานที่ที่ถือเป็นจุดกำเนิดของแบรนด์ ซึ่งในการนำเสนอคอลเลกชันเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน 2021 ทั้งรูปทรงเสื้อผ้าที่มีความพลิ้วไหวในสีเอิร์ธโทน เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิทัศน์อันเขียวชอุ่มของ Oasi Zegna ได้อย่างสร้างสรรค์ ซึ่ง ณ ที่แห่งนี้ Ermenegildo Zegna ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ได้จุดประกายแนวทางในการปกป้องสิ่งแวดล้อมด้วยตัวของเขาเองมาโดยตลอด ด้วยการเริ่มปลูกต้นไม้มากกว่า 500,000 ต้นเพื่อสร้างสวนธรรมชาติ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในพื้นที่กว่า 100 ตารางกิโลเมตร จากเมืองทริเวโรไปจนถึงยอดเขาบิเอลล่า (Biella Alps) ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี และแคมเปญที่ได้สร้างสรรค์พัฒนาขึ้นมานี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับความหมายพิเศษของ Oasi Zegna เนื่องจากเวลาที่ใช้ไปในธรรมชาติ ทำให้เรามีโอกาสที่จะพิจารณาลำดับความสำคัญของเราใหม่ และสะท้อนถึงคุณค่าของเราอีกด้วย
เพื่อเป็นการเชิดชูและสานต่อปรัชญาความยั่งยืนอันเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ ในการสร้างสรรค์คอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน 2021 นี้ ยังได้มีการนำเอาเสื้อผ้าชิ้นคลาสสิกกลับมาสร้างสรรค์ใหม่ในแนวทาง #UseTheExisting “ใช้ในสิ่งที่มีอยู่” โดยการนำเอาผ้าที่มีอยู่แล้วมาสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นสิ่งใหม่ การนำเอาเศษผ้าที่มีอยู่ มาใช้ในการสร้างสรรค์คอลเลกชันเพื่อไม่ให้เกิดเป็นขยะ (Zero Waste) คืออีกหนึ่งความฝันที่ทางแบรนด์จะพยายามทำให้ได้ เช่นเดียวกับความคิดในการพัฒนาไอเดียความเป็นชาย ด้วยแนวคิด #UseTheExisting นี้ วัสดุเหลือใช้ทุกอย่างถูกนำกลับมาใช้ในการสร้างสรรค์เสื้อผ้า เพื่อสร้างรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของงานการตัดเย็บสไตล์เทเลอร์ที่มีความทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น บอมเบอร์แจ็กเก็ต และ เชิ้ตแจ็กเก็ต ซึ่งถูกนำมาตีความใหม่ในรูปแบบสูทโทนสีโมโนโครม และเพื่อเป็นการประกาศศักราชใหม่อย่างมีสไตล์ คอลเลกชันนี้ ยังได้นำเสนอ เสื้อผ้าแบบเลเชอร์แวร์ (Leisurewear) ที่ยังคงความหรูหรา โดยใช้เนื้อผ้าแบบไฮบริด ในรูปทรงลำลองที่สวมใส่สบายและปรับเปลี่ยนได้
และในโอกาสต่อไป เรายังอยากจะตั้งคำถามไปถึงทุกคนทั่วโลก ผู้เป็นดั่งตัวแทนแนวความคิดของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้ช่วยกันสะท้อนความคิดออกมา จากคำถามที่ว่า “อะไรที่ทำให้ฉันเป็นฉันทุกวันนี้” แม้จะเป็นคำถามที่ละเอียดอ่อน แต่ Zegna ยังคงตั้งมั่นในความเชื่อ ว่าคำถามนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้ไตร่ตรอง และค้นหาตัวตนที่แท้จริง ในเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยท้ายสุดนี้เราหวังว่าจะได้มารวมตัวกันและเริ่มค้นหาพร้อมกับการค้นพบว่า อะไรทำให้เราเป็น “เรา”