เอสซีลอร์ เปิดตัว ‘ดู๋ สัญญา คุณากร’ แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของประเทศไทย ชวนคนไทยใส่ใจสุขภาพดวงตา
เพราะสุขภาพสายตาเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ ควรได้รับการแก้ไข #ยิ่งเร็วยิ่งดี เพื่อการ #ใช้ชีวิตไม่มีสะดุด นั่นเป็นที่มาเมื่อ บริษัท เอสซีลอร์ ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำระดับโลกด้านการออกแบบ การผลิต และการจัดจำหน่ายเลนส์แว่นตาจากประเทศฝรั่งเศส ได้ เปิดตัว ดู๋-สัญญา คุณากร พิธีกรรายการโทรทัศน์ชื่อดัง ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์เอสซีลอร์ คนแรกของประเทศไทย ในขณะที่ ดู๋-สัญญา เดินหน้าทำงานร่วมกันผ่านสื่อ ประชาสัมพันธ์บนแพล็ตฟอร์มต่างๆ เพื่อการเข้าถึง และสื่อสารสาระสำคัญอันเป็นประโยชน์ด้านสุขภาพดวงตา ต่อผู้คนวงกว้าง ให้ได้เข้าถึงข้อมูลอย่างรอบด้าน รวมถึงสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านสายตา แต่ยังรู้สึกลังเลกับการสวมใส่แว่น ให้เข้าถึง การดูแลสุขภาพดวงตาแบบ 3 in 1 นั่นคือ การเลือกใช้เลนส์แว่นตาที่มีคุณสมบัติสำคัญ ครบ 3 ประการในเลนส์เดียว ได้แก่ การแก้ไขปัญหาการมองเห็น, การปกป้องดวงตา และ ความเคลียร์ใส ที่เป็นการยกระดับความคมชัดในการมองเห็น
ดร. ศุภชัย อาชีวระงับโรค ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสซีลอร์ ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันแบรนด์แอมบาสเดอร์ มีบทบาทสำคัญมากในการสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ และการเชื่อมโยงกับผู้บริโภค เราจึงรู้สึกยินดีที่ได้ คุณดู๋-สัญญา คุณากร มารับหน้าที่แบรนด์แอมบาสเดอร์ของเอสซีลอร์ประจำประเทศไทย เนื่องจากเรามีแนวคิดตรงกัน ในเรื่องการเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจ เกี่ยวกับความสำคัญของคุณภาพเลนส์แว่นตา ซึ่งช่วยส่งเสริมสุขภาพของดวงตาได้อย่างมาก ตัวคุณดู๋เอง ก็เป็นผู้ใช้เลนส์โปรเกรสซีฟของเอสซีลอร์ในชีวิตจริงอยู่แล้ว โดยเป็นผู้ใหญ่วัย 40 ปีขึ้นไป ที่ยังใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ เป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ และนักแสดงที่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมทั่วประเทศ คุณดู๋จึงเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจที่โดดเด่นของคนในวัยเดียวกัน ให้ทำสิ่งต่างๆ ที่ชื่นชอบได้โดยปราศจากข้อจำกัดด้านการมองเห็น และยังทำให้รู้สึกสบายตาตลอดวันอีกด้วยครับ”
“และด้วยประสบการณ์มากกว่า 170 ปี ของเอสซีลอร์ ในฐานะผู้นำด้านอุตสาหกรรมสายตาระดับโลก เรายังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรม และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจว่า เราจะนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง พร้อมประสบการณ์การใช้งานที่ยอดยี่ยมสู่ผู้บริโภคตลอดไป สำหรับเอสซีลอร์ เราเชื่อว่าทุกคนสมควรได้รับโซลูชั่น เพื่อการมองเห็นที่ดีที่สุดเสมอ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ในทุกวันตลอดทั้งชีวิต ทัศนวิสัยการมองเห็น ไม่ควรเป็นข้อจำกัดในการทำสิ่งต่างๆ ที่รัก ดังนั้นเราจึงถือเป็นพันธกิจ ในการส่งเสริมให้ลูกค้าของเรา สามารถใช้ชีวิตตามที่ปรารถนาอย่างเต็มที่ ในแบบฉบับของตนเอง” ดร. ศุภชัย อาชีวะระงับโรค กล่าวเสริม
ในด้าน คุณศรีสกุล สุทธินราธร ผู้จัดการผ่ายการตลาดบริษัท เอสซีลอร์ ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย)จำกัด ยังกล่าวเสริมอีกว่า “เราอยากเปลี่ยนโลก แต่เป็นโลกที่ทุกคนจะสามารถมองเห็นโลกใบเดียวกันนี้ คมชัดและสวยขึ้น เราจะมอบการมองเห็นที่ดีที่สุด นั่นเป็นวิสัยทัศน์ขององค์กรของเรา เพราะเราเชื่อว่าคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการมองเห็นที่ดีขึ้น จะช่วยให้ชีวิตเราไม่สะดุด คุณภาพชีวิตที่ดีนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน ถ้าเรามีเฟอร์เฟ็กวิชั่นดวงตาที่ดีที่สุด เราก็จะสามารถอ่านเส้นเหนือเส้นแดง และนั่นคือเลข 2020 ที่เราเชื่อว่าปีนี้เป็นปีที่ดีของบริษัท ที่เรากำลังก้าวไปอีกขั้นในการทำอะไรดีๆ เกี่ยวกับสายตาให้ผู้คน และเป็นที่มาของการเชิญ ‘คุณดู๋ -สัญญา’ มาพูดคุยกันในเรื่องสุขภาพดวงตา เรารู้สึกตระหนักและต้องการทำพันธกิจของบริษัทให้สำเร็จ ทำไมปีนี้เราถึงลุกขึ้นมาบอกว่าต้องดูแลดวงตากันเถอะ ที่มาที่ไปเพราะไลฟ์สไตล์ของคนเราทุกวันนี้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก มีการใช้สายตาอย่างเข้มข้น ในระยะของสายตากับจอภาพที่ใกล้รังสี ทำลายดวงตามากขึ้น แม้แต่ดวงตาของเราที่ต้องสู้แสงมากขึ้น อย่างแสง UV ของดวงอาทิตย์ แสงแดดที่จ้า หรือแม้แต่แสงสีฟ้า (Blue light) ที่เป็นภัยเงียบอย่างคาดไม่ถึง หรือปัญหาที่เรียกว่า ‘Digital Disruption’ ที่ชีวิตถูกรบกวนโดยสิ่งต่างๆ บนโลกดิจิทัลมากเกินไป ผ่านอุปกรณ์เพื่อการสื่อสารต่างๆ ที่แฝงไว้ด้วยรังสีอันตราย สามารถทำร้ายสายตาเราโดยตรง ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน การใช้สายตาอย่างหนัก จนเกิดอาการตาล้า และอาจเกิดภาวะกล้ามเนื้อดวงตาหย่อนยาน สายตายาวก่อนวัยอันควร ถ้าไม่เริ่มป้องกันดวงตาให้ดีๆ จะส่งผลให้เกิดโรคทางสายตา ต้อประเภทต่างๆ ตามมา และปัญหาเหล่านี้คนในปัจจุบันเริ่มเป็นกันเร็วขึ้น ตามสถิติของเอสซีลอร์ พบว่าอายุ 30 ปลายๆ เริ่มมีอาการดังกล่าว และเป็นเรื่องที่เห็นชัดเจนว่า ข้อมูลต่างๆ อันเป็นประโยชน์ใกล้ตัวนี้ ยังมีคนไทยอีกจำนวนมากที่ยังคงเข้าไม่ถึง จากจำนวนประชากรของคนในประเทศ ประมาณเกือบ 70 ล้านคน มีประมาณ 60% ที่ต้องการการแก้ไขปัญหาสายตา ไม่ว่าจะเป็นสั้น เอียง ยาว และจาก 60% นี้ ได้มีผู้ที่ถูกแก้ไขปัญหาสายตาไปแล้วเพียง 30% จะเห็นได้ว่ายังมีผู้คนอีกจำนวนมาก ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขสายตา และใน 30% นี้มีผู้ที่ได้รับการแก้ไขด้วยเลนส์โปรเกรสซีฟเพียง 2 ล้านคนเท่านั้น นั่นจึงเป็นที่มาที่เราชวน คุณดู๋-สัญญา มาเป็นแนวร่วมกับเอสซีลอร์ เป็นตัวแทนของผู้ที่เคยประสบปัญหาสายตา และได้รับการแก้ไขแล้ว มาแชร์เรื่องราวอันเป็นประโยชน์ต่อทุกคน ทั้งผู้ที่ประสบกับปัญหาจากการใช้สายตาหนัก อย่างที่ไม่ได้รับการปกป้องดูแลเท่าที่ควร หรือแม้แต่ผู้ที่อยู่ในวัยที่ต้องประสบปัญหาไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกตามธรรมชาติ ด้วยความมุ่งหวังต้องการให้ทุกคนกลายเป็นผู้ที่มีสายตาที่เคลียร์ใส เห็นโลกอันสวยงามไปด้วยกันค่ะ”
ดู๋-สัญญา คุณากร กับบทบาทใหม่
แบรนด์แอมบาสเดอร์เอสซีลอร์คนแรกของไทย
ดู๋-สัญญา คุณากร พิธีกรผู้ดำเนินรายการขวัญใจคนไทย ‘เจาะใจ’ ทางช่อง 9 MCOT มาอย่างยาวนานสู่ปีที่ 28 และยังดำเนินรายการอีก 2 รายการทางช่อง PPTVHD36 นั่นคือ ‘รายการกิ๊กดู๋สงครามเพลงเงินล้าน’ และ ‘รายการตามสัญญา’ ด้วยรางวัลพิธีกรยอดเยี่ยม จากเวทีนาฏราชถึง 5 ครั้ง เป็นเครื่องการันตีในความเป็นพิธีกรมือหนึ่งของไทย ที่มีความสามารถรอบด้าน และมีความเป็นธรรมชาติอย่างที่สุด แม้แต่บทบาทของการเป็นนักแสดงมากฝีมือ ผู้โลดแล่นบนจอแก้วมากว่า 30 ปี และนี่เป็นอีกบทบาทล่าสุด กับภารกิจหน้าที่อันทรงเกียรติ แบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับเอสซีลอร์ประเทศไทย
ชีวิตไม่มีสะดุดของ ดู๋-สัญญา คุณากร
“ผมเป็นคนหนึ่งที่ใส่แว่นตามาเกินครึ่งชีวิต การเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเอสซีลอร์ ทำให้ผมได้เรียนรู้เรื่องแว่นและดวงตามากขึ้น ตลอดจนการดูแลสุขภาพดวงตา และความแตกต่างของเลนส์แต่ละตัว ที่ทำขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาการมองเห็นของแต่ละบุคคล ซึ่งต่างจากการเป็นพรีเซนเตอร์ทั่วไป ที่นำเสนอเพียงแค่ว่าผลิตภัณฑ์นี้ดีอย่างไร เพราะสิ่งที่ผมทำในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ นั่นเป็นสิ่งที่ผมสามารถสื่อสารกับผู้คนด้วยความเป็นธรรมชาติ เป็นตัวตนของผมที่ผ่านการสวมใส่แว่นสายตาใช้งานจริงมาค่อนชีวิต ผมได้เรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพดวงตาและเลนส์สายตา การเสาะแสวงหาข้อมูลจากรอบด้านทุกช่องทาง ได้นำมากลั่นกรองวิเคราะห์จนตกผลึกในสิ่งทีต้องการสื่อสารส่งต่อผ่านสู่ผู้คน การทำงานกับเอสซีลอร์ ยังช่วยให้ผมบอกต่อสาธารณชน ถึงความสำคัญของการไปตรวจสายตาอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการแก้ไขการมองเห็น และการปกป้องดวงตาจากรังสีอันตราย จากกิจกรรมในชีวิตประจำวัน แม้ว่าทุกคนจะสามารถถนอมสายตาได้ด้วยตัวเอง แต่การไปพบแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการประกอบแว่นในทุกปี หรือเร็วกว่านั้น จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจในการถนอมสายตา ช่วยชะลอความเสื่อมถอยของอวัยวะดวงตาให้ช้าลง และเลือกเลนส์ที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคนได้ดีที่สุด และหากเกิดปัญหากับดวงตาขึ้นแล้ว ก็จะได้รับการแก้ไขได้อย่างทันท่วงที นอกจากจะได้รับการแนะนำเกี่ยวกับวิธีดูแลสุขภาพดวงตา แก้ไขสายตาแล้ว ผมยังได้มีส่วนในการนำเสนอนวัตกรรมต่างๆ ของเอสซีลอร์ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์มาอย่างยาวนาน ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับดวงตา ในฐานะผู้นำระดับโลกของอุตสาหกรรมอีกด้วยครับ”
ความรู้สึกของแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของประเทศไทย
“ผมรู้สึกว่ามันเป็นโอกาสดีๆ ที่เข้ามาทำให้ชีวิตผมดีขึ้นครับ อย่างที่รู้กันว่าเอสซีลอร์ เป็นผู้นำระดับโลกด้านเลนส์แว่นตา และมุ่งมั่นด้านการแก้ปัญหาการมองเห็น เพื่อการปกป้องดวงตาให้แก่ผู้คนกว่า 7.4 พันล้านคนทั่วโลกมาแล้ว ด้วยผลิตภัณฑ์ และกระบวนการแก้ปัญหาอันหลากหลายของเอสซีลอร์นั่นเอง จะช่วยปกป้องและแก้ไขทุกปัญหาที่สร้างผลกระทบในการใช้สายตาของทุกคน ตั้งแต่ปัญหาเพียงเล็กน้อยไปจนถึงปัญหาร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับดวงตา หรือการมองเห็นผิดปกติ และถือเป็นปัญหาสำคัญระดับโลก ในส่วนตัวของผมยังคิดว่าทำไมเราถึงไม่เจอกันเร็วกว่านี้ ไม่เช่นนั้นสุขภาพตาของผมคงน่าจะดีกว่านี้แบบสมวัย เพราะผมเป็นคนหนึ่งที่ละเลยการดูแลสายตาอย่างถูกวิธี ทั้งที่เป็นคนสวมใส่แว่นสายตาทุกวัน แต่ก็ไม่ได้มีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องเลนส์สายตามากนักมาก่อน ถ้าผมไม่รู้นี่ คงน่าจะมีคนมากมายที่ไม่เคยรู้เหมือนผมเช่นกัน และในความไม่รู้นี่เอง ที่มันส่งผลให้สุขภาพทางสายตาเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที ชีวิตคนเราน่าจะได้มีความสุขจากการมองเห็นความงามของโลก และได้ทำกิจกรรมในสิ่งที่รักต่างๆ ด้วยการมองชัดเคลียร์ใสกว่านี้ด้วยครับ”
ในฐานะแอมบาสเดอร์ มีวิธีอย่างไร
ให้คนหันมาสนใจเรื่องสุขภาพดวงตากันมากขึ้น
“แน่นอนเรื่องนี้ต้องได้รับความร่วมมือจากพี่น้องสื่อรอบด้านด้วยเช่นกัน และผมเองก็อยู่ในเส้นทางของแวดวงสื่อสารมวลชนอยู่แล้ว มีโอกาสได้พูดคุยกับคนจำนวนมาก มีโอกาสเดินทางเยอะ ผมหวังจะใช้หลายๆ โอกาสสอดแทรกความรู้ ที่จะสามารถทำให้ผู้คนหันมาตื่นตัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม มันเป็นกลไกที่ต้องทำให้เกิดขึ้น แต่มันต้องถูกวาระถูกเวลา และต้องใช้เวลาในการค่อยๆ ซึมซับ เพราะปัญหาหนึ่งที่พบคือ คนส่วนใหญ่มักไม่ชอบอะไรที่สาระหนักๆ ไม่สนุก ทั้งที่พวกเขาไม่รู้เลยว่ามันเป็นภาวะที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ ในการดำเนินชีวิตแต่ละวัน การไม่รู้นั้นไม่ผิด แต่ถ้ารู้แล้ว ต้องรีบหาทางแก้ไข และป้องกันให้เร็ว เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่ถ้าเสื่อมถอย ประสิทธิภาพต่างๆ จะไม่สามารถให้มันกลับคืนมาได้เหมือนเช่นเดิม แม้จะมีเงินมากมายเพียงใด ก็ไม่สามารถยื้อความเสื่อมถอยของกล้ามเนื้อตา หรือโรคเกี่ยวกับดวงตาบางอย่างที่ไม่อาจรักษาได้”
เพราะเหตุใดค่าสายตาเราแย่ลง ทั้งที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ดีขึ้น
“สมัยนี้ความรู้ความเข้าใจการเข้าถึงข้อมูลดีกว่าสมัยก่อนมาก เมื่อย้อนไป 30 ปีที่แล้ว มีบางอาชีพเท่านั้นที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และมีความเสี่ยงต่อสายตาที่เสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว อย่าง นักบัญชี, นักคอมพิวเตอร์, โปรแกรมเมอร์, นักเขียนบทความ และอาชีพเหล่านี้คนส่วนมากจะมีปัญหาสายตา เมื่อวันนี้โลกเปลี่ยนไปสู่ยุคดิจิทัล แต่คนจำนวนมากกลับกลายเป็นยิ่งกว่าคนในอาชีพที่กล่าวมาซะอีก คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็บเล็ต อุปกรณ์นวัตกรรมที่เชื่อมต่อย่อโลกกว้างใหญ่ให้แคบลง มาอยู่ในเครื่องมือสื่อสารเหล่านี้ ที่เราใช้เพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ ในชีวิตประจำวัน โดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แม้มันจะตอบสนองไลฟ์สไตล์อันเป็นประโยชน์ แต่ก็แฝงโทษอันเป็นอันตรายจากรังสีต่างๆ ภัยเงียบที่ทำลายดวงตาให้อ่อนล้าไปทีละน้อยทุกวัน หากพฤติกรรมการใช้งานของแต่ละบุคคลใช้เกินคำว่าพอดี การอยู่กับสิ่งเหล่านี้นานหลายชั่วโมงต่อเนื่องต่อวัน ย่อมส่งผลกระทบต่อสายตาให้โดนทำร้ายอย่างไม่รู้ตัว ทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอ พฤติกรรมสังคมก้มหน้าติดจอ ทำให้กล้ามเนื้อตาต้องปรับระยะโฟกัสไปมาสู้แสง เพิ่อการมองภาพตลอดเวลา ดวงตาเราก็ย่อมมีกลไกปกป้องตัวมันเองอัตโนมัติ ข้อมูลทางวิชาการยืนยันว่าแสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์ต่างๆ สามารถทำลายดวงตาเราได้จริงๆ ดังนั้นเราจึงต้องรู้เท่าทัน เพื่อการถนอมดวงตาคู่เดียวนี้ให้ดีที่สุด เอสซีลอร์มีเคล็ดลับในการช่วยผ่อนคลายดวงตาจากความอ่อนล้า ด้วยสูตร “20 : 20 : 20” คือ เล่น 20 นาที, พัก 20 วินาที และ มองไป 20 ฟุต เป็นวิธีเบรกพักสายตาแบบง่ายๆ ไม่เช่นนั้นจะทำให้กล้ามเนื้อตาล้าเกินไป และควรปกป้องดวงตาคู่สวยด้วยการสวมใส่แว่นเมื่อถึงเวลา ซึ่งการเลือกเลนส์แว่นสายตาก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ควรต้องได้รับคำแนะนำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายตาโดยเฉพาะ เมื่อพบว่าเริ่มมองเบลอหรือมีอาการตาล้าพร่ามัว เพราะถ้าระบบสายตาเราทำงานได้ไม่ดี และเลือกเลนส์ที่แก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด ด้วยคุณภาพเลนส์ที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งาน จะยิ่งทำให้ต้องเกร็งสายตาทำงานหนักเช่นเดิม สายตาอาจมีปัญหาที่ต้องแก้ไขมากขึ้นกว่าเดิมไปอีกได้ครับ”
“ซึ่งตอนที่ผมยังไม่ได้มาเป็นแอมบาสเดอร์ ลูกของผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้คอมพิวเตอร์เตลอดเวลา ด้วยการศึกษาสมัยใหม่นี้การเรียนการสอน การเตรียมงานต่างๆ ใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกไปตามยุคสมัย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโลกเราเปลี่ยนไปมาก และประเทศไทยมีค่าเฉลี่ยการใช้หน้าจอโทรศัพท์สูง Top 5 ของโลก ค่าเฉลี่ยประมาณ 16 ชั่วโมงต่อวัน เพราะผมเป็นอีกคนที่มีลูกในวัยที่ติดหน้าจอแบบนี้ด้วยเช่นกัน มันจึงทำให้ผมต้องไวต่อข้อมูล ต้องเฝ้าระวัง ต้องคอยซัพพอร์ท ต้องค้นคว้าเพื่อให้เท่าทันต่อเด็กสมัยใหม่ในการใช้ชีวิตของเขา และเพื่อเติมช่องว่างของยุคสมัย ผมจึงดีใจที่ผมได้มาเป็นแอมบาสเดอร์ ทำให้ผมอยากส่งผ่านข้อมูลอันเป็นทั้งประสบการณ์ และประโยชน์ ให้ทุกคนหันกลับมาใส่ใจดูแลสุขภาพดวงตาของตัวเองอย่างจริงจัง ตระหนักถึงภัยเงียบ ถ้าเราดูแลสายตาเราไม่ดีพอ อาจต้องประสบปัญหาภาวะสายตาสั้น หรือยาวก่อนวัยอันควร หรือโรคตาต่างๆ ตามมา จากที่เราเคยมีความคิดว่าไม่เป็นไร ผลของมันจะไม่เกิดวันนี้ แต่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน และเมื่อระบบประสาทตามันพังแล้ว มันจะไม่สามารถคืนกลับมาได้อีกเลย ดังนั้นควรต้องปกป้องก่อนที่มันจะสายเกินไปครับ”
See More. Do More
ภายใต้ความร่วมมือกับ ดู๋-สัญญา คุณากร เอสซีลอร์มีแผนเปิดตัวแคมเปญผ่านสื่อ offline และสื่อ online ผ่านช่องทางที่หลากหลาย โดยดู๋-สัญญา จะเป็นตัวแทนนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพต่างๆ ของเอสซีลอร์ อาทิ กลุ่มสินค้าเลนส์โปรเกรสซีฟ เช่น VARILUX รวมถึงเทคโนโลยีเลนส์อื่นๆ เช่น Blue UV Capture™, Transitions, และ Crizal พร้อมเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอสซีลอร์ ในการช่วยให้ผู้บริโภคในประเทศไทย มีคุณภาพการมองเห็นที่ดีขึ้น โดยหน้าที่หลักของ ดู๋-สัญญา ในการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ครั้งนี้ คือการสนับสนุนการดำเนินงานตามแคมเปญการตลาดของเอสซีลอร์ “See More. Do More” ซึ่งบอกเล่าถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการนำเสนอคุณภาพ และนวัตกรรมแก่ผู้บริโภค ตลอดจนร่วมฉลองความสำเร็จตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา แห่งการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาเลนส์สายตาชั้นเยี่ยม เพื่อยกระดับการมองเห็นของผู้คนทั่วโลก
ทั้งนี้ เอสซีลอร์ ร่วมฉลองต้อนรับแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของประเทศไทย ด้วยการมอบโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่ซื้อเลนส์ทุกรุ่น ที่มีคุณสมบัติกรองแสงสีน้ำเงินชนิดอันตราย Blue UV Capture รับฟรี! ผ้าเช็ดทำความสะอาดเลนส์ ดีไซน์ลิมิเต็ดอิดิชั่น และเพื่อสร้างกระแสรักษ์ดวงตา ที่สอดคล้องกับกฏถนอมดวงตาแบบ 20-20-20 มีจำนวนจำกัดเพียง 2,020 ชิ้น เท่านั้น เริ่มตั้งแต่วันนี้ 20 มกราคม – 29 กุมภาพันธ์ 2563 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ http://www.essilor.co.th