14 เม.ย. ‘วันครอบครัว’ ส่งความรักแบบรักษาระยะห่าง
14 เมษายน ในช่วงสงกรานต์ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น “วันครอบครัว” เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดความรัก ความอบอุ่น และความสุขในครอบครัวมากที่สุด เพราะสถาบันครอบครัวเป็นจุดเริ่มต้นของคุณภาพชีวิตสู่สังคม แม้สงกรานต์ปีนี้จะแตกต่างจากปีที่ผ่านๆ มา ด้วยสถานการณ์อันเป็นวิกฤตผลพวงจากโรคระบาดโควิด-19 เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ ที่ทำให้คนทั้งโลกต้องตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน การกักตัวอยู่ในบ้านแบบตลอดทั้งวันชั่วคราว เป็นการลดอัตราเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อโรค และการรับเชื้อโรคโดยไม่รู้ตัว ในช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดหนักนี้ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) แนะแนวทางการปฏิบัติสำหรับช่วงสงกรานต์ปีนี้ มาให้พวกเราได้ร่วมด้วยช่วยกัน ต้องรักษาระยะห่าง Social Distancing เพื่อคนที่เรารักและรักเรา จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติ และเราจะได้กลับมากอดคนที่เรารักอีกครั้ง
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้
👉 งดเว้นการจัดงานสงกรานต์ในทุกระดับ
👉 งดเว้นการเดินทางกลับภูมิลำเนา ส่งความสุขจากที่บ้านผ่านแอปพลิเคชัน หรือโทรศัพท์
สำหรับหลายๆ คนที่ต้องใช้ชีวิตทำงานห่างไกลบ้าน และครอบครัว จำเป็นต้องอยู่ที่พักของตนเองไปก่อนเพื่อรักษาระยะห่าง ไม่ควรเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อกลับภูมิลำเนา ในสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังขณะนี้ เราสามารถแสดงความกตัญญู ส่งความรัก ความคิดถึง พร้อมขอพรอันเป็นศิริมงคลจากพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ในโอกาสขึ้นปีใหม่ไทย “สงกรานต์” ได้ ด้วยการโทรศัพท์ขอพร หรือชิทแชทพูดคุยผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก, ไลน์, สไกด์, เฟสไทม์ฟรี! เลือกได้ด้วยว่าจะคุยแบบเห็นหน้าผ่านวิดีโอคอล หรือจะพูดคุยแค่เสียง และช่วงนี้ กสทช.ยังช่วยลดภาระให้ประชาชน ด้วยการเปิดให้กดรับสิทธิ์ใช้เน็ตมือถือฟรีคนละ 10GB อีกด้วย ตั้งแต่วันที่ 10 – 30 เม.ย. 2563
👉 งดเว้นการรดน้ำดำหัวขอพรญาติผู้ใหญ่ทุกกรณี
สำหรับใครที่เป็นครอบครัวใหญ่ พักอาศัยอยู่บ้านเดียวกันหลายคน รวมถึงมีผู้สูงวัย พ่อแม่ปู่ย่าตายาย สงกรานต์นี้งดรดน้ำดำหัวไปก่อน ไม่กอดหอมกัน และเว้นระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย 1-2 เมตร ในการทำกิจกรรมในครอบครัว
👉 สืบสานประเพณี “สงกรานต์” สรงน้ำพระพุทธรูปที่บ้าน
นอกจากจะส่งความสุข รับพรจากพระในบ้าน พ่อแม่ที่เคารพรักและญาติผู้ใหญ่แล้ว พระพุทธรูปในบ้านก็ควรใส่ใจนำมาทำความสะอาดปัดฝุ่น และรดน้ำปรุงหอมเย็นชื่นใจเพื่อเป็นศิริมงคลให้กับบ้านอีกด้วย
👉 แยกของใช้จำเป็นของผู้สูงอายุ อย่าให้ปะปนกับของลูกหลาน
งดพาผู้สูงอายุออกนอกบ้าน รวมไปถึงควรใช้สำรับส่วนตัว แยกข้าวของเครื่องใช้จำเป็นของผู้สูงอายุ อย่าให้ปะปนกับของลูกหลาน และระมัดระวังคอยเตือนผู้สูงอายุในบ้าน ให้เว้นระยะห่างจากลูกหลานเพื่อลดความเสี่ยง อย่างน้อย 1-2 เมตรด้วย เพราะจากสถิติผู้สูงวัยจะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุดในการรับเชื้อได้ง่าย
👉 งดเว้นการรวมตัวกัน และเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค
การไม่เอาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางผู้คน ในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังไม่สามารถควบคุมได้ ควรต้องอยู่บ้าน ดูแลตัวเอง รับผิดชอบต่อสังคมและคนอื่ด้วย ด้วยการไม่ไปรวมตัวกันโดยไม่จำเป็น