“ไอซ์แลนด์แดนมหัศจรรย์” ธรรมชาติ ไฟ-น้ำแข็ง และแสงออโรร่า
เมื่อพูดถึง “ประเทศไอซ์แลนด์” ประเทศเล็ก ๆ ที่มีประชากรเบาบางที่สุดในยุโรป ต้องยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่หลายคนใฝ่ฝันและจดไว้ใน “Bucket List” ว่าต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะความสวยงามของธรรมชาติอันบริสุทธิ์ บนดินแดนที่ถูกขนานนามว่า “ดินแดนแห่งภูเขาไฟและน้ำแข็ง” (Land of Fire and Ice) อีกทั้งความมหัศจรรย์ของปรากฏการณ์ “แสงเหนือ” หรือ “แสงออโรร่า” ที่รอผู้ออกตามล่า
คุณเฟย์-อรชุมา ดุรงค์เดช หนึ่งในผู้ที่เดินทางไปประเทศไอซ์แลนด์บ่อยที่สุด เนื่องจากเป็นผู้นำเข้าน้ำแร่ธรรมชาติ Iceland Spring จัดทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟชวนคนสนิทผู้ที่ดื่มน้ำแร่ไอซ์แลนด์ สปริงเป็นประจำ นำทีมโดย มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ และ ตุลย์-ภากร ธนศรีวนิชชัย พร้อมด้วย รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น และอรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ของ “ไอซ์แลนด์แดนมหัศจรรย์” พร้อมเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบเต็มอิ่ม
คุณเฟย์กล่าวถึงจุดประสงค์ของการเดินทางในครั้งนี้ว่า “เริ่มจากทุกคนได้คุยกันว่าอยากไปเที่ยว และดูแหล่งกำเนิดน้ำแร่ไอซ์แลนด์ สปริง เพื่อพิสูจน์ถึงความบริสุทธิ์ของน้ำแร่ด่างธรรมชาติ 100% เพราะนอกจากความงดงามแล้ว ไอซ์แลนด์ยังเป็นประเทศที่ปราศจากมลพิษ และมีน้ำดื่มที่มีรสชาติดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แม้กระทั่งน้ำในแม่น้ำและลำธารก็สามารถดื่มได้อย่างปลอดภัย 100% เนื่องจากมีหินลาวาที่อยู่ใต้พื้นดิน เรียกว่า บาซัลติก ลาวา ร็อค (Basaltic Lava Rock) ซึ่งมีเฉพาะประเทศไอซ์แลนด์เท่านั้น อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ไม่มีการทำอุตสาหกรรมหนัก”
เช็กอินที่ “เรคยาวิก” (REYKJAVIK)
“การเดินทางในครั้งนี้ ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิก่อนจะไปเปลี่ยนเครื่องที่ออสโล ประเทศนอร์เวย์ เพื่อเดินทางต่อไปยัง Keflavik International Airport ประเทศไอซ์แลนด์ และเช็กอินที่โรงแรม FOSS HOTEL REYKJAVIK “เรคยาวิก” เป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของโลก เสน่ห์ของเมืองนี้อยู่ที่ความหลากหลาย ทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ซึ่งรวมเรื่องราวของชาวไวกิ้งและเรื่องราวในช่วงยุคกลาง รวมถึงวัฒนธรรม เช่น โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrímskirkja) หรือด้านศิลปะ โดยเฉพาะ โซลฟาร์ (Sólfar หรือ The Sun Voyager) ประติมากรรมทรงคุณค่าที่โดดเด่นจนเป็นแลนมาร์กของเมืองเรคยาวิก นอกจากนี้ เรคยาวิก ยังมีทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่งดงามโดยที่ไม่ต้องออกไปนอกเมือง”
“แสงเหนือ” Warm Welcome จากไอซ์แลนด์
“แม้ไอซ์แลนด์จะขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่เหมาะกับการดูแสงเหนือ แต่จากคำบอกเล่าของนักท่องเที่ยวที่เคยมาบอกไว้ว่า “แสงเหนือไม่ได้มีให้เห็นได้ทุกวัน” ทำให้การวางแผนทริปในครั้งแรก ต้องแพลนออกตามล่าแสงเหนือทุกวันจนกว่าจะเจอ แต่ไอซ์แลนด์ก็สมกับเป็นดินแดนมหัศจรรย์ด้วยการเซอร์ไพรส์ “แสงเหนือ” ตั้งแต่วันแรก ถือเป็นการเริ่มต้นทริปที่ดีเลยทีเดียวค่ะ”
แอดแวนเจอร์รอบเส้นทางวงแหวนทองคำ
“เข้าสู่วันที่ 2 ในประเทศไอซ์แลนด์ แพลนของวันนี้เดินทางด้วย Monster Jeep แบบเอ็กซ์คลูซีฟ เที่ยวตามเส้นทางวงแหวนทองคำ (The Golden Circle) ซึ่งถือเป็นเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดในไอซ์แลนด์ ระหว่างทางแวะชมโรงงานพลังงานความร้อนใต้พิภพ ซึ่งนำมาผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้ทั้งประเทศ โดยเป็นพลังงานสะอาดไร้มลพิษ 100% จากนั้นเดินทางไปขี่ Snowmobile บนธารน้ำแข็ง “ลางโจกุล” (Langjökull) ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ
จากธารน้ำแข็งอันหนาวเย็น เดินทางสู่เส้นทางวงแหวนทองคำ (The Golden Circle) ที่แรกคือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss Waterfall) หนึ่งในน้ำตกที่สวยงามและทรงพลังอลังการสมคำเล่าลือ ซึ่งดิ่งลงมาจากความสูง 32 เมตร จุดแวะแห่งที่สอง คือ “น้ำพุร้อนกีเซอร์” (Geysir) แรงพุ่งของน้ำพุร้อนจากใต้ดินขึ้นมาสู่ผิวโลกจะเกิดขึ้นประมาณทุกๆ 7-10 นาที และพุ่งเฉลี่ยสูงถึง 30 เมตร
สำหรับที่ต่อไปต้องบอกว่ายังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก คือ “Bruarfoss” น้ำตกสีฟ้าสดใสที่ซ่อนตัวอยู่บนเนินเขา ต้องเดินขึ้นเท่านั้น แต่รับรองว่าวินาทีแรกที่เห็นจะหายเหนื่อยทันที และที่สุดท้ายของวันนี้ “อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์” (Thingvellir National Park) ตั้งอยู่ในหุบเขารอยแยกระหว่างแผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือและแผ่นเปลือกโลกยูเรเชียน บริเวณอุทยานนี้จะมีหน้าผา หุบเขาลึก และแม่น้ำ ซึ่งได้รับการรับรองจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก ที่สำคัญเป็นหนึ่งในรัฐสภาที่เก่าแก่ของโลก นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ประกอบพิธีประกาศอิสรภาพของไอซ์แลนด์ในปี 1944 หลายคนอาจคุ้นตาเพราะเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรี่ย์ดัง Game of thrones”
พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของแหล่งกำเนิดน้ำแร่
“มาถึงประเทศไอซ์แลนด์ ก็ต้องแวะไปดูแหล่งน้ำของน้ำแร่ไอซ์แลนด์ สปริง ซึ่งอยู่ชานเมืองเรคยาวิกในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ “เฮลด์เมริก” (Heiðmörk) ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติรายล้อมด้วยทุ่งมอสที่สวยงาม และเป็นแหล่งน้ำที่ได้รับการดูแลโดยรัฐบาล รอบบริเวณถูกปิดกั้นไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าถึงหากไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงมีการล้อมรั้วถึง 3 ชั้นเพื่อป้องกันสัตว์ต่าง ๆ และการปนเปื้อน ต้นกำเนิดของแหล่งน้ำแห่งนี้มาจากฝนหิมะที่ตกลงมาแล้วรวมตัวกันเป็นกลาเซียร์ จากนั้นผ่านระบบการกรองแบบธรรมชาติ คือไหลผ่านชั้นหินลาวาใต้พื้นดิน เรียกว่า “บาซัลติก ลาวา ร็อค” (Basaltic Lava Rock) โดยใช้เวลาเกือบ 40 ปี แล้วผุดขึ้นมาเป็นน้ำพุร้อนที่มีค่าความเป็นด่างธรรมชาติสูงถึง pH 8.88 และมีค่าความบริสุทธิ์มากที่สุด สามารถดื่มได้ทุกวัน เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีสารละลายตกค้างภายในร่างกาย”
ตามล่าหา “วาฬ”
“เนื่องจากทะเลของประเทศไอซ์แลนด์มีแหล่งอาหารอันอุดมสมบูณ์ที่ดึงดูดวาฬ 24 สายพันธุ์ กิจกรรมที่ทุกคนพร้อมใจลงความเห็นว่าพลาดไม่ได้ แม้ว่าบางคนจะเมาเรือ คือการล่องเรือตามล่าหาวาฬ เราขึ้นเรือกันตั้งแต่เช้า ถึงแม้จะยืนรอกันอย่างหนาวเหน็บนานเกือบชั่วโมง แต่น้องก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ว่ายมาให้ชื่นชมถึง 3 รอบ”
“Blue Lagoon” สปาขึ้นชื่อของไอซ์แลนด์
“วันสุดท้ายปิดท้ายทริปด้วยการไปคลายความอ่อนล้าจากกิจกรรมแอดแวนเจอร์ตลอดหลายวันที่ผ่านมา “บลูลากูน” (Blue Lagoon) สปาธรรมชาติระดับพรีเมียม ที่มีอุณหภูมิ 37-39 องศาเซลเซียส อุ่นสบายตัวไม่ร้อนจนเกินไป ในบ่อน้ำสีฟ้าอ่อนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ ซึ่งเชื่อว่าช่วยดูแลผิว พร้อมบริการมาส์คหน้าฟรี ในบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยทุ่งหินลาวา และภูเขาไฟ”
ใครที่ชื่นชอบท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ รับรองว่าคุณจะต้องหลงมนต์เสน่ห์ของ ‘ประเทศไอซ์แลนด์’
สิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตยูโอบี
ซื้อน้ำแร่ไอซ์แลนด์ สปริง ขนาด 0.5 ลิตร จำนวน 2 ลัง ผ่านช่องทาง LINE OA : @icelandspring
รับฟรี! ขนาด 0.5 ลิตร จำนวน 1 ลัง
จัดส่งฟรี! ในเขตกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568