TOP

อะเมซิ่ง “โดรน” ทำได้มากกว่าการถ่ายภาพ ถูกพัฒนาส่งของและอาหารฟาสต์ฟู้ดแบบดิลิฟเวอร์ลี่

หลายปีมาแล้วที่บริษัทยักษ์ใหญ่เช่น แอมะซอน แอลฟาเบต และ อูเบอร์ มีแผนจะใช้ โดรนส่งของให้เราถึงบ้านด้วยเวลาไม่กี่นาที หากการจราจรบนฟ้าหนาแน่นพอกับบนท้องถนน ก็ต้องมีการทบทวนกฎระเบียบเกี่ยวการใช้เส้นทางบนน่านฟ้าเสียใหม่ เพื่อป้องกันทั้งอุบัติเหตุ การคุกคามโดยผู้ก่อการร้าย และปัญหาที่ตามมาตอนนี้ คือ มลภาวะทางเสียงที่ดังกวนใจ งานวิจัยโดยนาซาได้ระบุไว้ว่า เสียงจราจรบนท้องถนน ถูกวัดค่าอย่างเป็นระบบว่าน่ารำคาญน้อยกว่าเสียงของโดรน”

ครั้งหนึ่ง แอลฟาเบต ซึ่งเป็น “บริษัทแม่ของกูเกิล” ทดลองส่งอาหารฟาสต์ฟู้ดทางโดรนย่านบอไนธัน กรุงแคนเบอร์ราของออสเตรเลีย ชาวบ้านในพื้นที่คนหนึ่งบอกกับสำนักข่าวเอบีซีนิวส์ว่า เขาสามารถได้ยินเสียงโดรนชัดเจน แม้นหน้าต่างกระจกสองชั้นของบ้านทุกบานจะปิดมิดชิด ด้วยเหตุนี้ การลดมลภาวะทางเสียงจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ออกระเบียบเกี่ยวกับโดรนต้องพิจารณา หลายหน่วยงานสั่งห้ามการส่งของทางโดรนตั้งแต่ช่วงค่ำ แต่นั่นก็ตรงกับเวลาที่หลายครัวเรือนกำลังหิวและอยากให้ส่งอาหารช่วงนั้น

อีฟส์ มอริแอร์ จากสำนักงานความปลอดภัยการบินแห่งยุโรป (EASA) บอกว่า มลภาวะทางเสียงเป็นหนึ่งประเด็นของการหารือ ระหว่างการออกกฎระเบียบชุดใหม่ของยุโรป

 

โดรนเถื่อน

แม้ว่าขณะนี้จะมีโดรนใช้พื้นที่บนท้องฟ้าน้อยอยู่ แต่เหตุอันตรายที่เกิดจากการใช้โดรนก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดรน “เถื่อน” ทำให้ต้องปิดสนามบินเวลลิงตันในนิวซีแลนด์และในอังกฤษ มีผู้ใช้โดรนรายหนึ่งถูกตั้งข้อหาทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายหลังจากบังคับโดรนบินไปใกล้เฮลิคอปเตอร์ของตำรวจเกินไป หรือแม้แต่ ประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร ของเวเนซุเอลา ยังบอกว่าเขาตกเป็นเป้าของ “ความพยายาม” ลอบสังหารด้วยโดรน ฝ่ายหน่วยงานที่ออกระเบียบพยายามจะกลับมาควบคุมความปลอดภัยให้ได้โดยบังคับให้ผู้ใช้โดรนต้องลงทะเบียน

แบนัวท์ เคอร์ดี เลขาธิการองค์กรเพื่อการจัดระบบการจราจรของยานไร้คนขับโลก (Global Unmanned Aircraft Systems Traffic Management Association) บอกว่า เป้าหมายคือการควบคุมการจราจรทางอากาศอย่างมีเอกภาพ ผ่านระบบดิจิทัล ครอบคลุมทุกระดับตั้งแต่ระดับประเทศไปจนถึงนานาชาติ

“การลงทะเบียน จึงเป็นก้าวแรก เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่รู้ได้ว่าโดรนของใครที่กำลังบินอยู่” นายมอริแอร์ บอกว่า แม้จะไม่สามารถลดความเสี่ยงให้เป็นศูนย์ได้ แต่ก็สามารถออกมาตรการที่จะเข้าไปช่วยกำกับดูแลได้ ซึ่งนั่นคือการบังคับให้ผู้ใช้โดรนที่มีน้ำหนักมากกว่า 250 กรัม ต้องลงทะเบียน

 

ความสงสัยว่าจะปลอดภัยจริงหรือ?!

โดรนสำหรับส่งของจะหมดความนิยมอย่างรวดเร็วหากเกิดเหตุโดรนตกบ่อย เมื่อตำรวจในภูมิภาคเวสต์มิดแลนด์สของอังกฤษ รายงานถึงข้อผิดพลาดของโดรนตรวจการณ์ DJI Matrice 200 ของหน่วยที่จู่ๆ ก็หมดแรงแม้จะยังมีแบตเตอรี่เหลืออยู่ นายมอริแอร์ กล่าวว่าความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือการลดความเสี่ยงที่โดรนจะชนกับยานพาหนะทางอากาศอื่น ๆ

 

วิง (Wing) บริษัทผู้ให้บริการส่งของด้วยโดรนของแอลฟาเบต อ้างว่า ได้ทดสอบการบิน “หลายหมื่นครั้ง” ในสหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย “วิง” ได้ส่งอาหาร กาแฟ และยา ไปที่บ้านราว 100 หลังในกรุงแคนเบอร์รา บริษัทเริ่มทดสอบบินส่งของด้วยโดรนมาตั้งแต่ปี 2014 แล้วแต่ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่หลายคนบ่นเรื่องเสียงรบกวน บริษัทระบุว่า เสียงตอบรับที่ได้ระหว่างการทดสอบบินถือเป็นสิ่งมีค่า สำนักงานการบินพลเรือนออสเตรเลียอนุญาตให้วิงเริ่มส่งสินค้าหลังจากตรวจสอบประวัติความปลอดภัยและแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทแล้ว และตัดสินใจว่าการดำเนินงานของบริษัทไม่สร้างความเสี่ยงต่อผู้อยู่อาศัยและเครื่องบินอื่นๆ บนน่านฟ้า

บริษัทบอกว่า โดรนของพวกเขาใช้ระบบการนำทางอันชาญฉลาด และใช้มอเตอร์ที่มีระบบสำรองซึ่งจะช่วยให้โดรนบินไปได้อย่างปลอดภัย ขณะนี้ ยังไม่มีการอนุญาตให้ทำการบินในรัศมีทำการที่เกินระยะสายตา (Beyond Visual Line of Sight) ซึ่งหมายถึงโดรนที่สามารถบังคับตัวเองได้ หรือบังคับจากทางไกล เนื่องจากผู้ที่ออกกฎเกณฑ์ควบคุมยังไม่อนุมัติเทคโนโลยีที่ทำให้โดรนสามารถ “ตรวจจับ” และ “หลบหลีก” เองได้  ที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าโดรนจะไม่พุ่งชนยานพาหนะทางอากาศอื่นๆ ได้ในขณะนี้ และด้วยเหตุผลนี้ จึงห้ามไม่ให้โดรนที่ไม่ได้ใช้เชิงพาณิชย์บินสูงเกิน 120 เมตร

 

กฏเกณฑ์การบินโดรน 

กฎเกณฑ์ที่กำหนดว่าคุณจะบินโดรนได้อย่างไรและที่ไหนแตกต่างอย่างมากในแต่ละประเทศ ในสหรัฐฯ สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) กำหนดว่า โดรนที่ใช้สำหรับการส่งของต้องมีน้ำหนักน้อยกว่า 25 กิโลกรัม และสามารถบินขึ้นสูงได้แค่ 123 เมตร ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียมีกฎห้ามใช้โดรนโดยเด็ดขาด แม้ว่ามากกว่า 50 ประเทศจะเป็นสมาชิกหน่วยงานร่วมเพื่อการวางกฎระเบียบสำหรับระบบไร้คนขับ (Joint Authorities for Rulemaking of Unmanned Systems) แต่ก็ยังไม่มีการตกลงมาตราฐานสำหรับการปฏิบัติที่แน่นอน

 

โดรนกำลังถูกพัฒนาโดยการขนส่งสินค้า 

โดรนถูกพัฒนาครั้งแรกเพื่อการใช้งานทางทหารตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทว่าในอีก 2 ปี อุตสาหกรรมโดรนจะมีมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 3 ล้านล้านบาทในปี 2020 ตามการคาดการณ์ของ ธนาคาร โกลด์แมน แซคส์

แม้ว่าการใช้โดรนจะอยู่ในขั้นทดลอง แต่หลายๆ ที่ในโลก ก็ได้เริ่มใช้ประโยชน์จากโดรนอย่างเต็มที่แล้ว ไปรษณีย์ของสวิตเซอร์แลนด์ ได้เริ่มใช้โดรนในการส่งตัวอย่างในห้องทดลองระหว่างเมืองลูกาโนและกรุงเบิร์น ในจีน JD.com ธุรกิจค้าขายออนไลน์ยักษ์ใหญ่ เริ่มส่งพัสดุไปบางแห่งในชนบทโดยใช้โดรนตั้งแต่ปีที่แล้ว ในปี 2019 ผู้อาศัยอยู่บนเกาะเฟิร์สเนชัน ทางตอนเหนือของรัฐออนแทริโอของแคนาดา ก็กำลังเริ่มต้นรับสินค้าโดยการขนส่งทางโดรน

 

ประเด็นที่น่ากังวล

โดรนที่มีกล้องวิดีโอติด ก็เป็นอีกประเด็นที่น่ากังวลเพราะอาจจะเป็นการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้ รวมถึงเป็นอันตรายต่อนก และผู้ที่ใช้พื้นที่บนท้องฟ้าในระดับต่ำด้วย ไม่ว่าจะเป็นบอลลูนลอยฟ้า หรือร่มร่อน ที่เรียกกันว่า พาราไกลดิ้ง

 

ที่มา: BBC Thai

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด