TOP

เช็คลิสต์! สิทธิประโยชน์ลูกจ้าง ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ล่าสุด

พระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ 4 เมษายน 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน

มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการ เกี่ยวกับการจำกัดสิทธิ และเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 40 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้ โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เหตุผลและความจำเป็น ในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อยกระดับการคุ้มครองลูกจ้างให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และมีประสิทธิภาพมากขึ้น อันจะทำให้ลูกจ้างซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ มีความมั่นคงในการทำงาน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และจะเป็นประโยชน์แก่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการตราพระราชบัญญัตินี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำ และยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา

 

AROUND Online นำมาฝากเพื่อนๆ ได้เป็นข้อมูลเพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของตัวเอง โดยสรุป 7 สิทธิประโยชน์จาก พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ดังนี้

 

1. หากมีการเปลี่ยนแปลงนายจ้างทำให้ต้องไปเป็นลูกจ้างของนายจ้างใหม่ ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง 

เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงนายจ้าง หรือกรณีนายจ้างเป็นนิติบุคคลแล้วมีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลง โอน หรือควบรวมกับนิติบุคคลใด มีผลให้ต้องไปเป็นลูกจ้างของนายจ้างใหม่ ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง สำหรับสิทธิต่าง ๆ ของลูกจ้างที่มีอยู่ต่อนายจ้างยังคงสิทธิต่อไปโดยนายจ้างใหม่ต้องรับไป

 

2. มีสิทธิลาเพื่อกิจธุระจำเป็น โดยนายจ้างจ่ายค่าจ้างตามปกติ ปีละไม่เกิน 3 วันทำงาน

จากเดิมมาตรา 34 ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อกิจธุระอันจําเป็นได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทํางาน  แต่ไม่มีการกำหนดจำนวนวันและการจ่ายค่าจ้างไว้

 

3. ลูกจ้างหญิงลาคลอดบุตรและลาตรวจครรภ์ก่อนคลอดได้ 98 วัน

ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ สามารถลาเพื่อตรวจครรภ์ก่อนคลอดบุตรได้ ให้ถือเป็นวันลาเพื่อคลอดบุตรได้ไม่เกิน 98 วัน โดยให้นับรวมวันหยุดช่วงลาที่ลาด้วย สำหรับค่าจ้างจะได้รับจากนายจ้างไม่เกิน 45 วัน

 

4. เพิ่มอัตราค่าชดเชยให้ลูกจ้างที่ทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป โดยได้รับค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 400 วัน

อัตราชดเชยการเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิด มีดังนี้

  • ทำงานครบ 120 วัน แต่ไม่ถึง 1 ปี ได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 30 วัน
  • ทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่ถึง 3 ปี ได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 90 วัน
  • ทำงานครบ 3 ปี แต่ไม่ถึง 6 ปี ได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 180 วัน
  • ทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่ถึง 10 ปี ได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 240 วัน
  • ทำงานครบ 10 ปี แต่ไม่ถึง 20 ปี ได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 300 วัน
  • ทำงานครบ 20 ปี ขึ้นไป ได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 400 วัน

 

5. การย้ายสถานประกอบกิจการใหม่ หากลูกจ้างไม่ต้องการไปทำงานที่ใหม่ตามนายจ้าง สามารถยกเลิกสัญญาจ้างได้ โดยได้รับค่าชดเชยตามสิทธิ

  • นายจ้างต้องปิดประกาศให้ทราบอย่างชัดเจนติดต่อกัน ไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนย้ายสถานประกอบการ หากไม่มีการปิดประกาศต้องจ่ายชดเชยให้กับพนักงาน ที่ไม่ไปทำงานที่ใหม่เท่ากับค่าจ้าง 30 วัน หรือค่าจ้างของการทำงาน 30 วันสุดท้าย
  • ลูกจ้างที่ไม่ต้องการไปทำงานที่ใหม่ตามนายจ้าง ต้องแจ้งเป็นหนังสือกับนายจ้างภายใน 30 วันหลังมีประกาศ จึงจะสามารถยกเลิกสัญญาจ้างได้โดยได้รับค่าชดเชยตามสิทธิ

 

6.กรณีจ่ายค่าตอบแทนเกินเวลาปกติ  นายจ้างต้องเสียดอกเบี้ย 15% ต่อปี

หากนายจ้างคืนเงินหลักประกัน จ่ายเงินบอกเลิกสัญญาจ้าง เงินค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าชดเชย และตอบแทนต่าง ๆ เกินเวลาปกติ นายจ้างต้องเสียดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดให้กับลูกจ้าง 15% ต่อปี

 

7.ค่าตอบแทนลูกจ้างชาย-หญิงเท่าเทียมกัน

ให้นายจ้างกำหนดค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด ในอัตราเท่ากันทั้งลูกจ้างชายและหญิงสำหรับงานที่มีค่าเท่าเทียมกัน

 

 

 

 

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด