สุดอลังการ! หลุยส์ วิตตอง เปิดตัว ‘LV THE PLACE BANGKOK’ ใจกลางกรุง จุดหมายแฟชั่นและแฮงก์เอาต์แห่งใหม่
เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ยิ่งใหญ่สมกับเป็นแบรนด์หรูยืนหนึ่ง หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) พาทุกคนเปิดประสบการณ์อันน่าตื่นใจ ณ LV THE PLACE BANGKOK จุดหมายแห่งรสชาติ ไลฟ์สไตล์ ศิลปะ และแฟชั่น แห่งใหม่ล่าสุดที่ผสมผสานนวัตกรรมและประวัติศาสตร์เข้าไว้ด้วยกัน รวมคอนเซปต์ 360 ครบทุกประสบการณ์ภายในที่เดียวกัน ตั้งแต่ รีเทลสโตร์, คาเฟ่, ร้านอาหารโดยเชฟชื่อดัง Gaggan Anand และนิทรรศการที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าหลงใหล ตลอดการเดินทางของแบรนด์ พร้อมทั้งดีไซน์สถาปัตยกรรมอันเป็นแรงบันดาลใจ และการตกแต่งภายในราวกับผลงานศิลป์ ตลอดจนเมนูต่าง ๆ ที่รังสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะ คอนเซ็ปต์สโตร์ใหม่แห่งนี้ ที่จะพาทุกคนออกเดินทางด้วยจินตนาการอันไร้ขีดจำกัด เพื่อค้นพบความคิดสร้างสรรค์ในโลกของหลุยส์ วิตตอง ณ ศูนย์การค้าเกษรอัมรินทร์ ที่ปรับโฉมใหม่บนทำเลทองใจกลางกรุงเทพฯ
LV The Place ครอบคลุมพื้นที่สองชั้นภายในอาคารสุดคลาสสิก โฉมใหม่ของศูนย์การค้าเกษรอัมรินทร์ สุดคลาสสิก บนทำเลอันล้ำค่าใจกลางกรุงเทพฯ โดยด้านนอกตกแต่งด้วยประติมากรรมรูปทรงแบบเพชรขนาดใหญ่ ที่ส่องประกายราวกับงานศิลป์ งดงามทั้งกลางวันและยามค่ำคืน ภายในมอบหลากหลายประสบการณ์ที่รอให้ทุกคนมาสัมผัสด้วยตัวเอง แลนด์มาร์กของศูนย์กลางแฟชั่นเหนือระดับ เพลิดเพลินไปกับสุนทรียภาพทางศิลปะ และจุดหมายแห่งรสชาติ
LOUIS VUITTON
VISIONARY JOURNEYS EXHIBITION
บริเวณชั้น 1 ตื่นตาตื่นใจไปกับเรื่องราวการเดินทาง ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสมรดกอันล้ำค่า อันเป็นที่มาของเมซง Visionary Journeys นิทรรศการรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยแสดงที่ใดมาก่อน ด้วยผลงานการออกแบบของบริษัทสถาปนิกที่มีชื่อเสียงระดับโลก อย่าง OMA และ Partner Shohei Shigematsu นับเป็นการทำงานร่วมมือในฐานะพันธมิตรครั้งแรกระหว่าง OMA และหลุยส์ วิตตอง โดยนำจินตนาการของเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมมาถ่ายทอดในคอนเซปต์ใหม่ให้กับงานนิทรรศการนี้ โดยห้องต่าง ๆ ถูกแบ่งเป็นธีมในรูปแบบแตกต่างกัน โดยผสมผสานเรื่องราวบริบทใหม่ทั้งประวัติศาสตร์และชิ้นงานร่วมสมัย เพื่อเชิญชวนให้ผู้มาเยือนดื่มด่ำไปกับหัวใจหลักในเรื่องความเชี่ยวชาญงานฝีมือ นวัตกรรม การเดินทาง และความคิดสร้างสรรค์
จุดเริ่มต้นแรกแห่งการเดินทางภายใน TRUNKSCAPE ที่นำทรังก์ 96 ใบ จัดวางเรียงต่อกันเป็นรูปทรงอุโมงค์ทางเดินที่ทอดยาว สู่เรื่องราวงานฝีมือและนวัตกรรมอย่างมีมิติ ผสมผสานเทคโนโลยี แสง สี เสียง ด้วยภาพบรรยากาศของสถานที่ต่าง ๆ สื่อการเดินทางตลอดระยะเวลาอันยาวนาน
นำสู่ ห้องแรก ภายใต้ธีม Origins ซึ่งมีไฮไลท์ที่การอุทิศให้กับเรื่องราวของตระกูลวิตตอง โดยจัดแสดงในรูปแบบของทรังก์ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ชิ้นงานสะสมที่เป็นแรงบันดาลใจ รวมทั้งงานดีไซน์ในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ยุคแรกของแบรนด์ บอกเล่าถึงความเชี่ยวชาญในการรังสรรค์ทรังก์ที่ผ่านกาลเวลา และไอเทมต่าง ๆ ผ่านลวดลายโมโนแกรมแคนวาสหลากหลายรูปแบบที่พัฒนามาหลายทศวรรษ บ่งบอกถึงนวัตกรรมของแบรนด์อันไม่หยุดนิ่ง
จากนั้นเดินเข้าสู่ ห้อง ICONIC BAGS สัมผัสบรรยากาศอันผสมผสานความทันสมัยของการออกแบบลูกบอลอะคริลิกใสทรงกลม ห่อหุ้มไอเทมสุดไอคอนิก จัดแสดงเพื่อเฉลิมฉลอง 25 ปี ในประวัติศาสตร์แฟชั่นของหลุยส์ วิตตอง ถ่ายทอดเรื่องราวของดีไซน์กระเป๋า 5 รุ่น (Alma, Keepall, Speedy, Noé และ Petite Malle) ซึ่งนำกลับมาตีความใหม่โดยผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ ตั้งแต่ มาร์ค จาคอบส์, คิม โจนส์, นิโกลาส์ เฌสกิเยร์, เวอร์จิล อาโบลห์ และฟาเรลล์ วิลเลียมส์ ที่แสดงวิสัยทัศน์ความก้าวล้ำของสไตล์ และความเชี่ยวชาญด้านงานฝีมือ รูปทรงและเอกลักษณ์ของกระเป๋าที่มีความสำคัญต่อเมซง ได้ถูกนำเสนอผ่านกระเป๋า 21 ใบ พร้อมเสื้อผ้า 2 ลุค จัดแสดงภายในลูกบอลอะคริลิกใสทรงกลม 19 ลูก เผยให้เห็นวิสัยทัศน์บนผลงานของดีไซเนอร์คนสำคัญ
ส่วน ห้อง COLLABORATIONS จะพาทุกคนไปค้นพบความสัมพันธ์กับเหล่าศิลปิน ที่ร่วมคอลลาบอเรชันรังสรรค์ให้เกิดผลงานกระเป๋าชิ้นเด่น ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่จดจำสูงสุด จากการตีความของ สตีเฟน สเปราส์, ริชาร์ด ปรินซ์, ทากาชิ มุราคามิ หรือยาโยอิ คุซามะ โดยนำผลงานดั้งเดิม 7 ชิ้น มาเป็นตัวแทนสะท้อนความคิดสร้างสรรค์ ความร่วมมือ และศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของวงการแฟชั่น ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นจอสกรีนแอนิเมชันครึ่งวงกลม ฉายแพทเทิร์นงานของศิลปินแต่ละคนอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บนฉากหลังที่เป็นดั่งกำแพงกระเป๋าชุบโครมจำนวน 184 ใบ สุดตระการตา เป็นอีกห้องที่แฟนตัวยงของหลุยส์ วิตตอง จะได้รีมายด์คอลเลกชันสุดเอกซ์คลูซีฟไปพร้อมกัน
ก่อนปิดท้ายนิทรรศการอันน่าจดจำด้วย ห้อง GIVEAWAY ROOM ที่ชวนทำกิจกรรมเพื่อรับของที่ระลึกเพื่อเป็นการขอบคุณ
LE CAFÉ LOUIS VUITTON
สำหรับ LE CAFÉ LOUIS VUITTON ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ตกแต่งในบรรยากาศอันรื่นรมย์ ผสมผสานดีไซน์องค์ประกอบของพืชพรรณธรรมชาติ สะท้อนเอกลักษณ์ของแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้ หวาย และดีเทลทันสมัยของเมซง ตั้งแต่พื้นปาร์เก้ไม้ที่ปูเป็นลวดลายโมโนแกรม ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ที่ตีความจาก Objets Nomades
โดยมีจุดเด่นตรงกลางคือ pièce de resistance เคาน์เตอร์โค้งมนที่ตั้งโชว์ซีเลกชันขนมอันสวยงามน่ารับประทานหลกหลายเมนู และเป็นคาเฟ่แห่งแรกที่หลุยส์ วิตตอง ได้พัฒนาสูตรขนมเอง นำเสนอซีเลกชันเมนูขนมที่พิถีพิถัน รังสรรค์ตั้งแต่ เค้ก ทาร์ต พาร์เฟต์ และแซนด์วิชหลากหลายรสชาติ รวมถึงไอศกรีมเพิ่มความสดชื่น เพิ่มดีเทลสวยงามน่ารับประทาน อันเป็นเอกลักษณ์ของหลุยส์ วิตตอง
ขนมที่รังสรรค์ขึ้นพิเศษ อย่างเช่น Star Blossom Cake เป็นเค้กช็อคโกแลตรสละมุนผสมผสานคาราเมลเข้มข้น Monogram Cake เค้กพิสตาชิโอที่หอมกรุ่นกลิ่นส้ม นอกจากนี้ยังมี Mango Sticky Rice Fizz เครื่องดื่มเย็นสดชื่นที่ได้แรงบันดาลใจจากข้าวเหนียวมะม่วงของไทย โดยใช้น้ำเชื่อมสกัดรสชาติจากข้าวเหนียวมะม่วง มาผสมกับน้ำโทนิคโซดา
GAGGAN AT LOUIS VUITTON
นับเป็นร้านอาหารร้านแรกของเมซงในภูมิภาคเอเชียใต้ GAGGAN AT LOUIS VUITTON ตั้งอยู่บนชั้นสองของคอนเซปต์สโตร์แห่งนี้ นับเป็นร้านอาหารร้านแรกของเมซงในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยมีเชฟอินเดียผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง Gaggan Anand มาสร้างสรรค์ประสบการณ์ในการรับประทานอาหารทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น
การเดินทางแห่งประสบการณ์อาหาร เริ่มต้นจากทางเข้าซึ่งต้อนรับด้วยทรังก์เรียงต่อกันเป็นรูปทรงปิระมิด ก่อนจะนำไปสู่ห้องโถงตกแต่งผนังด้วยแท่งเรซินดีไซน์โดย Draga & Aurel โคมไฟดอกไม้โมโนแกรม และเชือกขึงตกแต่งร้านอาหารแบบไฟน์ไดนิ่ง มอบบรรยากาศสบาย ๆ นั่งรับประทานอาหารอย่างมีสไตล์ ท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ มีดีเทลในทุกรายละเอียด ตั้งแต่จานชามลวดลายโลโก้อันเป็นเอกลักษณ์ โต๊ะกลมหินอ่อนจากอิตาลี สามารถรองรับได้ 10 โต๊ะ พร้อมทั้งนำเสนอเมนูประจำซีซั่น ที่รังสรรค์พิเศษให้กับหลุยส์ วิตตอง ภายใต้คอนเซ็ปต์ 5 S ได้แก่ Sweet, Sour, Salty, Spicy และ Surprise
ตั้งแต่ เมนูล็อบสเตอร์กับซอส ที่ได้แรงบันดาลใจรสชาติแบบไทย ไปจนถึงสูตรเมนูเห็ดในแผ่นแป้งที่มีแรงบันดาลใจจากแพทเทิร์น Damier โดยส่วนผสมแต่ละชนิดจะเป็นดาวเด่นที่นำเสนอผ่านเมนูในแต่ละจาน นอกจากนี้ท่านที่ต้องการประสบการณ์อาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ยังสามารถจองห้องส่วนตัว พร้อมทั้งชื่นชมศิลปะแห่งการทำอาหารได้อย่างใกล้ชิด
การสร้างสรรค์ผลงานจากศิลปินทั้งภายในประเทศและระดับนานาชาติ เพื่อจัดแสดงภายในพื้นที่ร้านทั้งหมด ถือเป็นการรวบรวมคอนเซปต์จากสีสันความมีชีวิตชีวาของกรุงเทพฯ ผสานกลิ่นอายวัฒนธรรมต่าง ๆ เพื่อให้ LV The Place Bangkok เป็นพื้นที่ไลฟ์สไตล์ระดับโลก ซึ่งหลุยส์ วิตตอง มีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ โดยนำเรื่องราวของวัฒนธรรมในมุมกว้าง รวมอยู่ภายในร้านนี้เพียงแห่งเดียว จึงกล่าวได้ว่าคอนเซปต์สโตร์ที่ศูนย์การค้าเกษรอัมรินทร์แห่งนี้ ได้สร้างแม่พิมพ์บทใหม่ให้กับร้านหลุยส์ วิตตองแห่งต่อ ๆ ไปในอนาคต
THE STORE
รีเทลสโตร์ภายใน LV The Place Bangkok เป็นการผสมผสานดีไซน์โก้หรูเข้ากับการตกแต่งอย่างมีชีวิตชีวาบนพื้นที่ชั้นสอง เชื่อมต่อกับห้องอาหาร เพื่อมอบประสบการณ์ชอปปิงอันแสนพิเศษ ท่ามกลางการจัดวางเฟอร์นิเจอร์แนววินเทจ และผลงานศิลป์สีสันสะดุดตา คือความตั้งใจในการจัดแบ่งพื้นที่ ระหว่างคอลเลกชันสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษให้กลมกลืนไปด้วยกัน
นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ต้องการสรรหาความเอ็กซ์คลูซีฟ ร้านแห่งนี้ยังนำเสนอ กระเป๋ารุ่น Alma Nano Rainbow ใน 5 โทนสี เช่นเดียวกับ เสื้อทีเชิ้ตในคอลเลกชันสุภาพสตรี Cruise 2024 ใน 4 โทนสี และ รองเท้าสนีคเกอร์สุภาพบุรุษ LV Trainer Upcycling ที่มีดีไซน์เอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยจะวางจำหน่ายเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่นี่เพียงแห่งเดียวในโลก
ส่วนการรังสรรค์รูปแบบเฉพาะตัวบนผลิตภัณฑ์ มีบริการประทับลวดลายมาสคอตของเมซง โดยตั้งชื่อพิเศษว่า “Nong Vivienne” ดีไซน์ขึ้นใหม่เพื่อต้อนรับการเปิดตัวร้านแห่งนี้
ปักหมุด: LV The Place Bangkok ศูนย์การค้าเกษรอัมรินทร์ ชั้น G – ชั้น 2 เลขที่ 496-502 ถนนเพลินจิต ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ
โทร. 1800-01-1112
เวลาเปิดทำการ :
Le Café: 10:00 น. – 20:00 น.
Exhibition: 10:00 น. – 20:00 น.
Retail: 10:00 น. – 20:00 น.
Restaurant: 12:00 น. – 23:00 น. (ปิดวันอังคารและวันพุธ)
เว็บไซต์: LV The Place Bangkok | LOUIS VUITTON