‘มารี กีมาร์’ ชวนลิ้มรสชาติอาหารเมืองเพชรบุรีสูตรดั้งเดิม พร้อมเปิดตัวเมนูคลายร้อน 15 ก.พ. – 31 พ.ค. 65
MARIE GUIMAR (มารี กีมาร์) ร้านอาหารไทยสูตรดั้งเดิมที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Marie de Guimar (มารี เดอ กีมาร์) หรือที่รู้จักกันดีในนาม “ท้าวทองกีบม้า” ผู้ที่ถือว่าเป็นต้นตำรับขนมหวาน เครื่องทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
โดยร้าน มารี กีมาร์ นำโดย เชฟโจ้ ธนา ทวีถาวรสวัสดิ์ นำเสน่ห์อาหารไทยเมืองเพชรบุรีที่หารับประทานยากมาจัดเสิร์ฟเป็นพิเศษ ในโอกาสที่จังหวัดเพชรบุรีได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหาร หรือ CITY OF GASTRONOMY เมืองมรดกอาหาร 3 รส จาก UNESCO (ยูเนสโก)
เมืองเพชรบุรี…นับเป็นแหล่งของวัตถุดิบสำคัญทางด้านอาหารไทยมากมาย และที่ขึ้นชื่อ 3 อย่าง คือ เกลือสมุทร จากนาเกลือในพื้นที่ติดทะเลของอำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี, น้ำตาลโตนด จากแหล่งปลูกตาลคุณภาพดีที่สุด ซึ่งอาหารคาวหวานสารพัดสำรับของไทย ล้วนใช้น้ำตาลโตนดเป็นส่วนผสม และ มะนาว จากท่ายาง ที่ให้รสเปรี้ยวและมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ จึงทำให้อาหารของเมืองเพชรมีเอกลักษณ์ทางรสชาติอันกลมกล่อม 3 รส ทั้งเค็ม เปรี้ยว หวาน โดยนอกจากวัตถุดิบทั้ง 3 อย่างนี้ เพชรบุรียังอุดมไปด้วยวัตถุดิบชั้นดีอื่นๆ อีก อาทิ อาหารทะเล, เนื้อวัวทุ่ง, ชมพู่, สับปะรด และกล้วย ฯลฯ
สืบสานตำนานอาหารเมืองเพชรบุรีอันเลื่องชื่อ
มารี กีมาร์ คัดสรรค์เมนูอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเพชร สืบสานวัฒนธรรมอาหารอันเลื่องชื่อทั้งเมนูคาวหวาน จัดเสิร์ฟในช่วงเข้าสู่ฤดูกาลซัมเมอร์ กับหลากเมนูที่ให้รสสัมผัสอันยอดเยี่ยมและหารับประทานยาก ได้เปิดประสบการณ์แห่งสุนทรียรส เริ่มตั้งแต่ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม 2565 มีเมนูชวนชิม ดังนี้ 👇
ข้าวแช่เมืองเพชร
ข้าวแช่เมืองเพชร มีความแตกต่างจากข้าวแช่ชาววัง โดยข้าวแช่เมืองเพชรตั้งแต่ครั้งอดีตได้รับอิทธิพลมาจากข้าวแช่ชาวมอญ เดิมทีชาวมอญจะทำข้าวแช่ในโอกาสสำคัญ เป็นอาหารสำหรับบูชาเทพเจ้าเพื่อขอพรให้ได้ลูก วิธีการรังสรรค์ข้าวแช่จึงละเมียดละไมมากเป็นพิเศษ ตั้งแต่การซาวข้าวกลางแจ้ง ล้างด้วยน้ำสะอาดถึง 7 น้ำ เพื่อให้แป้งฝุ่นที่เคลือบข้าวหลุดร่อนสะอาด แล้วนำไปหุงจนสุกก่อนนำไปล้างน้ำอีกครั้ง เพื่อให้เมล็ดข้าวขาวใสและสะอาดอย่างแท้จริง เมื่อนำเมล็ดข้าวมาลอยน้ำดอกมะลิจึงสวยเรียงเมล็ดขาวใสและไม่ทำให้น้ำขุ่น สัมผัสถึงความหอมกรุ่นของน้ำลอยดอกมะลิในปาก รับประทานพร้อมเครื่องเคียง 3 อย่าง คือ ลูกกะปิทอด, ไชโป๊ผัดหวาน และปลายี่สนผัดหวาน
แกงคั่วหัวตาลกุ้งสด
แกงพื้นถิ่นของเพชรบุรีที่ถือเป็นภูมิปัญญาของชาวเมืองเพชร โดยนำเพียงส่วนหัวหรือส่วนบนของลูกตาลอ่อนมาฝานบางๆ ขยำเข้ากับน้ำเกลือ 3 น้ำ นำไปต้มและนำไปแกงกับเครื่องแกง กะทิ ปลาย่างหรือเนื้อย่าง ปรุงรสด้วยน้ำตาลโตนด น้ำปลา เอกลักษณ์ของแกงคั่วหัวตาล จะให้รสขมบางๆ ของหัวตาลอ่อน และรสหวานกลมกล่อมของน้ำตาลโตนด เข้ากันดีกับกุ้งเนื้อหวานเต็มปากเต็มคำ
ต้มข่าไก่ใส่หัวปลี
หรือที่ชาวพื้นเมืองเพชร เรียกว่า “แกงศรีนวล” ความพิเศษอยู่ที่การปรุงรสเปรี้ยวสดชื่นจากมะนาว มะขามเปียก ชูรสด้วยน้ำตาลโตนด รับกับความมันของหัวกะทิ ให้รสชาติกลมกล่อมเปรี้ยวนิดหวานหน่อยหอมละมุนอร่อย ตัดกับรสฝาดนิดๆ ของหัวปลีที่ต้มจนนุ่ม รับประทานกับเนื้อไก่ชุมฉ่ำ
ขนมจีนทอดมันปลา
ชาวเมืองเพชรนิยมจับคู่ทอดมันเนื้อนุ่มเหนียวหนุบกับขนมจีนกินคู่กัน โดยนิยมใช้ปลาอินทรีเนื้อแน่นมาทำเป็นทอดมัน เพราะมีเนื้อที่หวานอร่อยและเป็นปลาที่หาได้ง่ายในพื้นถิ่น เวลากินจะวางเส้นขนมจีนไว้ด้านล่าง วางชิ้นทอดมันกับใบกะเพรากรอบไว้ด้านบน และราดด้วยน้ำจิ้มหวานอมเปรี้ยวอย่างอาจาด รับประทานเข้ากันอย่างลงตัว
ปลาหมึกต้มหวาน
เป็นเมนูยอดนิยม ตั้งแต่แม่กลองเมืองติดทะเลไปจนถึงทางภาคใต้จะมีเมนูนี้เกือบทุกจังหวัด แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือ ปลาหมึกต้มหวานของเมืองเพชรบุรี ที่ใช้น้ำตาลโตนดเป็นเครื่องปรุงรสหวาน หอมรากผักชี กระเทียม พริกไทย ให้กลิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
ตบท้ายด้วยเมนูขนมหวานขึ้นชื่อของเมืองเพชร อย่าง ขนมหม้อแกง รสชาติหวานมันกลมกล่อม และที่พลาดไม่ได้ คือ วุ้นตาลโตนดลอยแก้ว เมนูของหวานโบราณที่หารับประทานได้ยากในสมัยนี้ และดื่มด่ำความหอมหวานสดชื่นของ น้ำตาลสดเมืองเพชร
ขนมหม้อแกง
หรือ ขนมกุมภมาศ (หม้อทอง) เป็นขนมที่ได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ว่า ท้าวทองกีบม้า เป็นต้นตำรับที่นำส่วนผสมฝรั่งเข้ามาผสมผสานกับขนมไทย ปัจจุบันมีการนำเผือก เม็ดบัว ถั่ว และหอมเจียว เพิ่มรสชาติหวานมันรสสัมผัสละมุนนุ่มกลมกล่อมยิ่งขึ้น และขนมหม้อแกงยังเป็นขนมที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี ที่ยังคงใช้วิธีแบบโบราณอบในเตาถ่านใต้แผ่นสังกะสีที่ปกคลุมบนถาดขนม แล้วใช้ถ่านหรือกาบมะพร้าวจุดไฟเกลี่ยทั่วทั้งแผ่นสังกะสี เพื่อให้ขนมได้รับความร้อนทั่วถึงทั้งด้านบนและด้านล่าง จึงทำให้ขนมหม้อแกงมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลทอง โดยสมัยก่อนจะทำกินกันเฉพาะในงานมงคลสำคัญ อย่างเช่น งานบวช หรืองานแต่งงาน
วุ้นตาลโตนด
เมนูของหวานโบราณพื้นบ้าน ที่ใช้ผลลูกตาลแก่ร่วงจากต้นตามธรรมชาติมาปอกเปลือก แล้วนำเนื้อเยื่อสีเหลืองในผลตาลมายีกับน้ำ แยกเนื้อตาลที่ถูกห่อหุ่มใต้เยื่อละลายออกมา นำปูนกินหมากผสมกับเนื้อตาลในสัดส่วนที่พอเหมาะ 1 ต่อ 1 ช้อนชา แล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบางทิ้งไว้จนจับตัวเป็นก้อนวุ้น จะได้วุ้นที่มีสีเหลืองของสีเนื้อตาลสดตามธรรมชาติ ให้รสขมเฉพาะตัวติดรสเปรี้ยวปลายลิ้น รับประทานในน้ำกะทิสดเจือน้ำตาลโตนดหอมหวาน แช่เย็นหรือใส่น้ำแข็งป่นลอยแก้วสดชื่น เป็นเมนูรับประทานได้เฉพาะที่ มารี กีมาร์
น้ำตาลสดเมืองเพชร
น้ำตาลสดที่ได้จากงวงตาล หรือช่อดอกของต้นตาล หรือจั่นมะพร้าว (ช่อดอกมะพร้าว) หอมหวานรสชาติเข้มข้นตามธรรมชาติ ดื่มเย็นๆ มอบความสดชื่น และยังมีสรรพคุณบำรุงร่างกาย
นอกจากเมนูอาหารเมืองเพชรบุรีอันโดดเด่น จากที่ มารี กีมาร์ ได้ร่วมต่อยอดสืบสานวัฒนธรรมอาหารของไทยแล้ว ซัมเมอร์นี้ยังดับร้อนด้วยซิกเนเจอร์เมนูของทางร้าน อย่าง “ข้าวแช่มารี กีมาร์” ตำรับชาววังที่คัดสรรวัตถุดิบสดใหม่และพิถีพิถันตั้งแต่น้ำลอยดอกไม้ ด้วยหลากหลายดอกไม้มงคลหอมกรุ่น อย่าง ดอกมะลิ กระดังงา ชมนาด กุหลาบมอญ และอบควันเทียน ทำให้น้ำข้าวแช่หอมละมุนจนถึงในปาก รับประทานคู่กับเครื่องเคียงและผักนานาชนิด อาทิ พริกหยวกสอดไส้หมูกุ้งนึ่งปรุงรสห่อด้วยโสร่งไข่, หอมแดงสดสอดไส้ปลาช่อนผัดหอมข่า, พริกแห้งสอดไส้ด้วยปลาป่น, ลูกกะปิ ที่ผัดจนแห้งล่อนจากกระทะ หอมกลิ่นกะปิอ่อนๆ ตามด้วยกลิ่นกระชายเพิ่มมิติของรสชาติ นำมาปั้นกลมแล้วชุบแป้งทอดให้กรอบนอกนุ่มใน พร้อม ดอกลั่นทมสอดไส้, หัวไชโป๊วผัดหวาน, หมูฝอยกรอบ และ ปลายี่สนผัดหวาน ฯลฯ รับประทานกับผักแนมในฤดูกาล อย่าง ใบอ่อนมะม่วงเขียวเสวย ที่ให้ความกรอบมัน รวมทั้ง กระชายอ่อน, แตงกวา และต้นหอม เสิร์ฟตั้งแต่ วันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2565
📍 ร่วมสัมผัสประสบการณ์แห่งสุนทรียรส กับมรดกทางวัฒนธรรมอาหารเมืองเพชร 3 รส ได้ตั้งแต่ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 31 พฤษภาคม 2565
โดย เมนูอาหารเมืองเพชรบุรี เริ่มวันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม 2565 และ “เมนูข้าวแช่มารี กีมาร์” เริ่มวันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2565
📍 พิกัดร้าน: มารี กีมาร์ บนชั้น 28 ของอาคาร Wyndham Bangkok Queen Convention Centre ซอยไผ่สิงห์โต ถนนพระราม 4 กรุงเทพฯ
🕚 วัน เวลา ให้บริการ: ทุกวันจันทร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.00 – 21.00 น.
☎️ สำรองที่นั่งและสอบถามเพิ่มเติม: โทร. 0 2258 5697 หรือ www.marieguimarbkk.com
🛵 บริการจัดส่งเดลิเวอรี่: โทร. 0 2258 5697 หรือ www.marieguimarbkk.com