1 พฤษภา’62 ญี่ปุ่นเปลี่ยนรัชสมัย ‘นารุฮิโตะ’ จักรพรรดิองค์ใหม่ ลำดับที่ 126 สืบราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ
ไม่เพียงประเทศไทย ที่กำลังอยู่ในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก กษัตริย์พระองค์ใหม่แห่งราชวงศ์จักรี ภายในเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2562 และเช่นกัน วันนี้ 30 เมษายน 2562 กลายเป็นอีกวันสำคัญที่ต้องถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเลยทีเดียว เมื่อ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ซึ่งมีพระชนมพรรษาถึง 85 พรรษาแล้ว ทรงตัดสินพระราชหฤทัยสละราชบัลลังก์ ให้กับองค์มกุฏราชกุมาร ตลอดในช่วงระยะเวลากว่า 200 ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้น นับเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ อันสำคัญของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ที่สมเด็จพระจักรพรรดิสละราชบัลลังก์ ในขณะที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ด้วยเหตุผลพระพลานามัยที่อยู่ในวัยชราภาพ ทำให้การปฏิบัติพระราชกรณียกิจยากลำบากมากขึ้น ‘เจ้าฟ้าชายนารุโตะ’ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น ซึ่งมีพระชนมายุ 59 พรรษา จึงทรงเสด็จขึ้นครองราชย์แทนพระราชบิดา เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิองค์ใหม่ ลำดับที่ 126 แห่งราชวงศ์ดอกเบญจมาศ โดยกำหนดการพระราชพิธีราชาภิเษก ภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 นี้ นับเป็นการผลัดแผ่นดินเปลี่ยนรัชสมัยจาก “เฮเซ” สู่ “เรวะ”
การสละราชสมบัติครั้งในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเคยเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1817 ของสมเด็จพระจักรพรรดิโคกะกุ เวลาที่ผ่านมากว่า 2 ศตวรรษ การสละราชสมบัติของพระจักรพรรดิอากิฮิโตะในครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา รัฐบาลต้องเตรียมงานทั้งทางด้านกฎหมาย และงานราชพิธีขึ้นครองราชย์ต่อไปขึ้นในคราวเดียวกัน รัชสมัยของพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เรียกว่า “ยุคเฮเซ” (HeiSei) ซึ่งมีความหมายว่า “ความสงบสุขทั่วแผ่นดิน” และสิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของพระองค์คือ ไม่ได้มีสงครามเกิดขึ้นในญี่ปุ่นเลย การสละราชสมบัติครั้งนี้จึงถือเป็นการสิ้นสุดยุคเฮเซ และญี่ปุ่นจะเข้าสู่รัชสมัยใหม่ทันที ภายหลังการครองราชย์ของ พระจักรพรรดิองค์ใหม่ ซึ่งก็คือ “เจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมาร” มีชื่อว่า “รัชสมัยเรวะ” ซึ่งมีความหมายถึง “ความสันติปรองดองอันรุ่งเรือง”
ภายหลังรับทราบการตัดสินพระราชหฤทัยของพระราชบิดา เจ้าฟ้าชายนารุฮิโตะ ได้ทรงแสดงพระราชปณิธานอย่างแน่วแน่ ว่าจะทรงอุทิศพระวรกายและตั้งพระราชหฤทัยเพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะสมเด็จพระจักรพรรดิ โดยดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทพระราชบิดา
พระราชพิธีขึ้นครองราชย์ราชาภิเษกของพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่
พระราชพิธีมีลักษณะเคร่งขรึม สืบสานขนบประเพณีอันเก่าแก่ และมีค่าใช้จ่ายที่สูง โดยใช้งบประมาณถึง 16,800 ล้านเยน หรือประมาณ 5,500 ล้านบาท สำหรับพระราชพิธีขึ้นครองราชย์นี้ จุดสำคัญอยู่ที่การถวายเครื่องราชย์ไตรราชกกุธภัณฑ์ 3 สิ่ง อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นจักรพรรดิ ได้แก่ กระจก, พระขรรค์, และอัญมณีนางาตามะ ซึ่งมีรูปทรงคล้ายหยดน้ำ ตามประเพณีญี่ปุ่น ตามพระราชพิธีนี้ ถือตามคติทางชินโต หรือวิถีแห่งเทพ ตัวพระราชพิธีจึงมีความเกี่ยวเนื่องกับสุริยะเทวี และการสร้างชาติของญี่ปุ่นเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นหลัก
พระจักรพรรดิพระองค์ใหม่ จะเสด็จไปสักการะศาลเจ้าสำคัญ และร่วมเสวยกับเทพเจ้า เรียกว่า “พระราชพิธีไดโจไซ” ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัชสมัยนี้ พระราชพิธีจะจัดขึ้นนั้น ไม่ได้มีเพียงพระราชพิธีสละราชสมบัติ และพระราชพิธีขึ้นครองราชย์เท่านั้น ยังมีพระราชพิธีอื่นๆ อีก รวมถึงพระราชพิธีสถาปนารัชทายาท
ที่มา: BBC Thai | Global News