ออกเดินทางไปมัลดีฟส์กับ ‘นท พนายางกูร’ ศิลปินสาวผู้เต็มไปด้วยแพชชั่น พร้อมชมแฟชั่นเซตสุดยูนีค ยังจุดหมายที่น่าหลงใหลที่ SO/ Maldives
บ่อยครั้งที่การใช้ชีวิตก็เหมือนกับการผจญภัย ที่เราไม่อาจรู้เลยว่าการตัดสินใจทำสิ่งใดลงไปในแต่ละครั้ง จะนำพาไปสู่ทิศทางไหน ผิดหรือถูก ใกล้หรือยิ่งห่างไกลจากเป้าหมายออกไปกว่าเดิม แต่ไม่ว่าอย่างไรหากเป็นสิ่งที่เลือกแล้วสิ่งที่ทำได้คือ การลงมือทำอย่างเต็มที่กับสิ่งที่เลือก เพราะหากว่าไม่ใช่ อย่างน้อยเราก็ยังนำมาเป็นบทเรียนสำหรับการตัดสินใจครั้งต่อไป ก็เหมือนกับที่ศิลปินสาว นท พนายางกูร ผู้ซึ่งเริ่มต้นออกเดินทางตามหาความฝัน จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินได้อย่างที่ตั้งใจ และหากมองจากมุมของคนภายนอกอาจคิดว่านั่นคือสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นความสำเร็จแล้ว แต่สำหรับเจ้าตัวกลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะเธอเลือกที่จะหยุดพักและใช้เวลาค้นหา เพื่อทำในสิ่งที่เป็นตัวเองจริง ๆ จนวันนี้ที่เธอกลับมาอีกครั้งพร้อมกับคำตอบว่า…ค้นพบแล้ว
โดยสิ่งหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้เธอให้ค้นพบตัวตนของตัวเองจริง ๆ คือ การออกเดินทาง ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงความยินดีกับการกลับมาอีกครั้งของนักร้องสาวเสียงดีคนนี้ เราจึงชักชวนเธอออกเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวกันที่ SO/ Maldives ซึ่งอาจจะเปลี่ยนมุมมองของ มัลดีฟส์…จุดหมายปลายทางในฝัน ให้แตกต่างออกไปจากเดิม
“นทชอบมัลดีฟส์มากเลยนะ ดีใจมากทุกครั้งที่ได้กลับมามัลดีฟส์ นทรู้สึกว่าเป็นที่ที่พิเศษ และจริง ๆ แล้วที่นี่เป็นที่ที่คุณพ่อคุณแม่ไปฮันนีมูน ก็เลยเหมือนปลูกฝังอยู่ในหัวเรามาตลอดว่ามัลดีฟส์เป็นสถานที่พิเศษ” นักร้องสาวเริ่มต้นด้วยการบอกกล่าวความรู้สึกที่มีต่อสถานที่ที่ใช้เป็นโลเคชั่นสำหรับการถ่ายแฟชั่นเซ็ตในครั้งนี้ และไม่ใช่แค่ความรู้สึกประทับใจเท่านั้น แต่มัลดีฟส์ยังเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้ศิลปินสาวผู้นี้ หันกลับมาทำเรื่องสิ่งแวดล้อม
“ตอนนั้นนทมามัลดีฟส์ แล้วรู้สึกว้าว ทุกอย่างสวยมาก แต่พอได้ไปเกาะ ๆ หนึ่งที่เป็นเกาะของคนท้องถิ่น เราก็เห็นถึงความแตกต่าง ว่าพอเขาไม่มีทุนที่มาจัดการขยะมันเป็นอย่างไร ซึ่งตอนนั้นเราเห็นภูเขาขยะสุดลูกหูลูกตา มีทุกอย่างที่เรานึกได้ ตู้เสื้อผ้า เตียงนอน ฟูก โซฟา กระทั่งขยะพลาสติกต่าง ๆ เรียกว่าทุกที่ที่เราหันไปมีแต่ขยะหมดเลย เป็นภาพที่แตกต่างมากจากทะเลที่ใสและสวยงาม ก็เลยทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเองขึ้นมาว่าแล้วถ้ามันเป็นอย่างนี้ต่อไป วันหนึ่งขยะก็จะลงทะเลทั้งหมด หลังจากนั้นก็ได้ไปเยี่ยมชม facilities ของสิงห์ ที่พาไปดูเบื้องหลังเลยว่าเขามีระบบจัดการขยะอย่างไร เก็บขยะแบบไหน เอาอะไรมาใช้ซ้ำบ้าง เราก็รู้สึกเกิดแรงบันดาลใจ ว่าจริง ๆ แล้วขยะที่เราทิ้งไปมันไม่ได้หายไปไหนเลย มันยังอยู่และมันเยอะมาก แต่การที่เราสามารถจัดการมันได้อย่างถูกต้อง มันช่วยได้”
เมื่อเกิดแรงบันดาลใจขึ้นแล้ว เธอก็ไม่หยุดอยู่แค่นั้น เพราะยังคงเดินหน้าและสานต่อความตั้งใจจนกลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา “หลังจากนั้นเราก็เริ่มไปเรียน พอเรียนเสร็จเราก็มีความรู้ เราก็เริ่มใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการสื่อสาร ก็เริ่มสร้างความรับรู้ให้กับผู้ติดตาม เสร็จแล้วก็ตั้งองค์กร ชื่อว่า High on you own supply ซึ่งแปลว่า self sufficient ให้คนพอเพียงด้วยตัวเอง แล้วก็เริ่มทำงานกับเด็ก ๆ ที่เกาะเต่า มีค่ายที่ใช้ศิลปะ Art & Craft มาสอนให้เด็ก ๆ เข้าใจเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องการ upcycling เพราะนทมองว่าเขาอยู่ตรงนั้น เขาสามารถเป็นฮีโร่ได้ในการดูแลบ้านเกิดเขา เราอยากปลูกฝังให้เขารักในที่ที่เขามา ไม่ได้อยากให้เขารู้สึกว่าเขาจะต้องไปอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ เท่านั้น อยากให้เขาภูมิใจกับบ้านเกิด และกลับมาดูแลบ้านเกิด”
“ซึ่งปีนี้เองก็จะจดเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอย่างเต็มตัว กำลังอยู่ในช่วงขั้นตอนการเตรียมเอกสาร ถ้าเรียบร้อยแล้วก็จะขยายมากขึ้นให้เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถให้ทุนกับเด็ก ๆ ที่มีแพสชั่นเรื่องสิ่งแวดล้อม หรือเรื่องการเจริญสติ ให้เขาสามารถประยุกต์ให้เข้ากับตัวเอง แล้วเราก็สามารถให้ทั้งทุน ทั้งการเป็นสมาชิก และเป็นที่ปรึกษาได้ด้วย ซึ่งองค์กรนี้จะค่อนข้างมาจากนทเอง นทไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ แต่นทเป็นศิลปิน เพราะฉะนั้นเราจะมาช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในแง่ศิลปิน คือใช้ความคิดสร้างสรรค์ ใช้สื่อศิลปะ สื่อสร้างสรรค์ในการดึงดูดให้คนเข้าถึง เพื่อหันมาสนใจปัญหาเหล่านี้มากขึ้น เราทำให้มันกลายเป็นเรื่องสนุก เพราะเราอยากเอาความสนุกเข้ามาทำให้เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องน่าสนใจขึ้น ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกอยากเข้ามาเรียนรู้ อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง แล้วพอเขาได้เห็นสิ่งแวดล้อม เขารู้สึกรักมัน เขาก็จะเกิดความผูกพัน แทนที่จะเป็นหนังสือเล่มใหญ่ ๆ บังคับให้จำ นทว่าใช้วิธีสนุก ๆ เด็ก ๆ น่าจะเปิดใจมากกว่า
“นอกจากนี้ปีนี้ก็มีโปรเจ็กต์ที่กำลังทำอยู่แล้ว คือจะใช้ดนตรีในการสร้างความตระหนักรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม อาจจะเอาเพลงเก่า ๆ ที่เคยดังในสมัยก่อนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมารีเมคใหม่ โดยใช้ศิลปินรุ่นใหม่ แล้วก็จะเปิดการประกวดให้เด็ก ๆ นักดนตรี หรือใครก็ตามที่มีแพสชั่นเรื่องดนตรีส่งผลงานตัวเองเข้ามา แต่มีข้อแม้คือต้องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา ซาวนด์ หรือกระทั่งวิธีการผลิต ให้ดีต่อสิ่งแวดล้อม แล้วเราก็จะเอาเพลงเหล่านั้นมาทำให้เป็นเพลงจริง ๆ และทำเอ็มวีให้ด้วย”
แม้ว่าจะดูเป็นบีชเลิฟเวอร์ที่อุทิศตัวเพื่อท้องทะเล แต่จริง ๆ แล้วสาวคนนี้เธอเกิดและเติบโตจากภูเขา โดยก่อนหน้าที่จะมาเลือกทำประโยชน์เพื่อท้องทะเล เธอก็เคยเริ่มต้นจากการดูแลภูเขามาก่อน “คือเราไม่สามารถเลือกที่จะช่วยทุกอย่างได้นึกออกไหมคะ เหมือนเราก็ต้อง pick a flight แล้วก็ทำให้ตรงนั้นมันดีที่สุด ช่วงแรกก็ลองเข้าป่า ลองขึ้นภูเขาดู แต่ก็ยังรู้สึกไม่ใช่เท่ากับเราอยู่ในน้ำ เวลาเราว่ายอยู่ในน้ำ เราหลับตา แล้วเราลอยอยู่ในน้ำแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกเหมือนเราได้กลับบ้านค่ะ” (ยิ้ม) ไม่ใช่แค่การทำประโยชน์เพื่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้นที่ได้ท้องทะเลเป็นตัวริเริ่ม แต่การกลับมาทำงานเพลงอีกครั้งก็เป็นผลจากทะเลด้วยเช่นกัน
“ที่จริงไม่ได้หายหน้าไปไหน เพียงแต่อาจจะไม่ได้มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่า แต่ก็ยังอยู่ยังทำงานอีเวนต์ เป็นดีเจ ทำงานอินฟลู แต่ว่าอาจจะไม่ได้ออกเพลงหรือผลงานในแง่การแสดงละคร หนัง ซีรี่ย์ คนก็เลยอาจจะมองว่าหายไป แต่เบื้องหลังของหน้าจอทีวีเรายังทำอยู่ แล้วเราก็ไปค้นหาตัวเองเพิ่มด้วย มันเริ่มตอนที่เรารู้สึก burn out จากวงการเพลง แล้วก็เลยกลับมาทำงานศิลปะ พอทำงานศิลปะก็รู้สึกว่าต้องเลือก topic หนึ่งที่เราจะพัฒนาไปเรื่อย ๆ ก็เลยเลือก topic เรื่อง healing เรื่องพลังงาน ก็ทำให้เจอทางด้าน sound healing เป็นศาสตร์ที่ใช้คลื่นเสียงในการบำบัด ซึ่งก็ยังคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับดนตรีอยู่ดี แต่มีการทำสมาธิด้วย ให้ความสำคัญกับการหายใจต่าง ๆ หลังจากที่เราเริ่มทำตรงนี้ไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกเต็ม เราก็เลยเริ่มมาทำเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะต้องการทำอะไรที่มันใหญ่กว่าเรา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องจิตวิญญาณ สมาธิ หายใจ sound healing ต่าง ๆ และได้ไปดำน้ำหลายที่ ได้ไปเจอตัวเองว่าฉันเป็นคนทะเล เหมือนเจอตัวเองมาก ๆ มันทำให้เรารู้เลยว่าเราคือใคร เราต้องการพูดว่าอะไร เสียงที่เราจะร้องออกมาจะเป็นเสียงไหน และเสียงถ้าเราจะทำเพลงมันจะเป็นเสียงแนวไหนบ้าง ก็เลยรู้สึกว่ามีแรงเยอะมากที่อยากจะกลับมาทำเพลง”
“ยิ่งวันนี้เราเป็นศิลปินอิสระ อัลบั้มนี้จึงเป็น art project ที่ทำขึ้นมาเพื่อฮีลตัวเอง และเพื่อให้ตัวเองได้กลับมาเป็นนักดนตรีทำเพลงอีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นพูดได้เต็มปากเลยว่าอัลบั้มนี้ทำเพื่อตัวเองล้วน ๆ แอบเห็นแก่ตัวนิดหนึ่ง เพราะเราอยากทำอะไรก็ทำหมดเลย เพลงทุกเพลงไม่มีกรอบ ไม่มีโครง ไม่ได้มีเสียงร้องทุกเพลง แค่ให้เรามีความสุข แค่นั้น จบ (หัวเราะ) และนทมองว่าโปรเจ็กต์นี้สำเร็จด้วยตัวเองแล้ว คือทำให้นทกลับมาทำเพลงอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นทุกอย่างหลังจากนี้คือโบนัส นทรู้สึกว่าเพลงนทไม่ได้ฟังยาก ถ้าลองเปิดใจฟังดู ในอัลบั้มมี 15 เพลง อย่างน้อยต้องมีเพลงใดเพลงหนึ่งที่สามารถทำเข้าไปถึงใจคนได้”
“และนทเชื่อว่าเวลาที่เรามีความสุขกับอะไร เราซื่อสัตย์กับตัวเองมันจะออกมา แล้วคนจะรับรู้ถึงสิ่งนั้นได้ อัลบั้มนี้จึงเป็นเหมือน spark conversation และที่เราได้มาคุยกันในวันนี้ มันก็เป็นบทสนทนาที่นทหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่น ๆ ที่เขาได้ฟัง คนที่เขาอาจจะเคยหลงทางหรือกำลังหลงทางอยู่ เมื่อเขาได้มาฟังเรื่องราวของนท อาจจะทำให้เขามีกำลังใจว่าเขาไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียวนะ และมันมีทางออกได้”
หากจะพูดว่าท้องทะเลคือตัวแปรสำคัญที่นำมาซึ่งทุกสิ่งที่มี และเป็นอยู่ในชีวิตของเธอตอนนี้ก็คงจะไม่ผิด เพราะแม้แต่เรื่องของหัวใจก็ได้ท้องทะเลเป็นตัวชักนำด้วยเช่นกัน “นทเชื่อว่าความรักต้องทำให้เราหายเหนื่อย ไม่ใช่ทำให้เราเหนื่อย เพราะฉะนั้นความรักที่นทต้องพยายามเยอะ ๆ ความรักที่จะต้องทำงานเยอะ ๆ นทว่ามันไม่ใช่ นทก็จะถอยออก สำหรับความรักตอนนี้ค่อนข้างนิ่งและมั่นคงค่ะ โชคดีมาก ๆ ที่เจอคนนี้ นทเจอเขาที่เกาะเต่า (ยิ้ม) แต่สิ่งที่ทำให้เราต่างสนใจกันและกัน นทว่าเป็นเพราะว่าเขาทำงานด้าน visual แล้วเราทำ sound visual ทั้งอัลบั้มนทเขาช่วยหมดเลย คือจ้างด้วยราคาน่ารัก พอเราทำงานด้วยกันมันราบรื่นมาก เขาเป็นคนเก่ง ฉลาดมาก เซลล์สมองเขาน่าจะเยอะมาก” (หัวเราะ)
ทั้งหมดนี้จึงอาจจะเรียกได้ว่าเป็นโชคชะตาที่มักนำเธอให้มาเกี่ยวพันกับท้องทะเล และการทำงานร่วมกับ AROUND ครั้งนี้ก็เช่นกัน “พอ Around ติดต่อมาก็รู้สึกดีใจมากค่ะ เพราะเหมือนโดนมัลดีฟส์เรียกกลับมาอีกแล้ว พอมาถึงที่จริง ๆ ก็รู้สึกว่าสวย แฮปปี้มาก เมื่อวานนทมีความตื้นตันอยู่ช่วงเวลาหนึ่งตอนอยู่ในทะเล คือเหมือนจะร้องไห้ ดีใจจังเลย หัวใจพองโตทุกครั้งที่ได้กลับมาทะเลค่ะ” และก่อนจะแยกย้ายกันไปดื่มด่ำกับบรรยากาศความสวยงามของท้องทะเล ศิลปินสาวคนเก่งก็ไม่ลืมทิ้งท้ายฝากผลงานที่เธอทำอย่างตั้งใจ
“ฝาก Metamorphogenesis ผลงานชุดใหม่ที่เรียกว่าเป็นงานศิลปะ เพราะไม่ได้มีแค่ซาวด์ มันมี visual ด้วย อยากให้มาดูโชว์สด เพราะจะเป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ มีทั้ง lighting เข้ามาช่วย มีทั้ง movement ที่นทครีเอทขึ้นมาจากการไปเรียนกังฟู เพื่อมาทำให้การเคลื่อนไหวมันมีไดนามิกอะไรแบบนี้ อยากให้ลองเปิดใจค่ะ อาจจะเปิดเอาไว้แล้วไปทำอะไรอย่างอื่น เป็น background music คุณอาจจะเจออะไรในตัวเองที่คุณไม่เคยเจอมาก่อนก็ได้ค่ะ” (ยิ้ม)
MODEL: Note Panayanggool
PHOTOGRAPHER: Ploypat
STYLIST: Organic Boy
HAIR STYLIST: Phkhomr
MAKEUP ARTIST: homeless_makeupb
CLOTHES: Sorapol Accessories: Matara
LOCATION: SO/ Maldives