“ธรรมชาติ” แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีความสวยงามในรูปแบบของตัวเอง ไม่ต่างอะไรกับเธอคนนี้ ที่นอกเหนือจากความสวยงามภายนอกซึ่งเป็นที่ยอมรับแล้ว ยิ่งเมื่อบวกกับความสามารถที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบทบาทการแสดง เดินแบบ ไปจนถึงการร้องเพลง เธอคนนี้ยังมีความเป็นธรรมชาติ ซึ่งเรามองว่าเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ใครก็ตามหากได้อยู่ใกล้ ก็คงจะตกหลุมรักผู้หญิงที่ชื่อ “โบว์ – เมลดา สุศรี” ได้ไม่ยาก

“วงการบันเทิงมันก็ต้องการความจริงอยู่แล้ว ทุกคนต้องการความจริง แรก ๆ เราเป็นคนดู ก็รู้สึกว่าคนนี้ตอบจริง ซึ่งเราว่าดีจังเลย และการที่เขาเป็นแบบนี้แต่แรกก็ไม่ได้เสียหายอะไร แค่ต้องดูว่าคำตอบแบบไหน ตรงแล้วดี แรก ๆ โบว์อาจจะตรงเกินไปจนอาจจะไปทำร้ายคนที่เชื่อมโยงกับข่าวนั้นด้วย แต่เราก็รู้สึกว่านั่นก็คือความจริงหรือเปล่า” นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอเป็น “โบว์ เมลดา” ในแบบที่ทุกคนเห็น โดยเธอยังเล่าให้ฟังต่ออย่างอารมณ์ดีว่า “เคยลองพยายามสร้างภาพแล้ว พยายามตอบเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ค่ะ มันขัด ๆ แล้วนักข่าวก็รู้ ก็จะถามว่าวันนี้เป็นอะไร ทำไมตอบปลอม ๆ ทำไมดูหัวเราะปลอม โบว์ก็เลยโอเค เดี๋ยวลืมด้วย เดี๋ยวลืมว่าพูดอะไรไปบ้าง” (หัวเราะ) 

เมื่อพูดมาแบบนี้เราจึงไม่รอช้าที่จะซักถามถึงเรื่องความรัก ที่ตอนนี้น่าจะเป็นหนึ่งในเรื่องฮอตที่ใครหลายคนอยากรู้ในทันที ซึ่งเธอก็เล่าให้ฟังตั้งแต่เริ่มแบบไม่มีกั๊กว่า “ความรักครั้งนี้จริง ๆ คือไม่ได้อยากจะเริ่มด้วยซ้ำนะคะ ในตอนแรก ด้วยว่าความรักก่อนหน้านี้ เราเองก็ยังรู้สึกช้ำ ๆ อยู่ เลยคิดยังไม่มีใครดีกว่า ขออยู่นิ่ง ๆ ไปก่อน แต่พอได้รู้จัก ได้ทำงานกับพี่อาเล็ก ธีรเดช ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยทำงานด้วยกันมาแล้ว แต่ว่า ณ ตอนนั้นจังหวะเวลายังไม่ใช่ ก็รู้สึกว่าพี่เขาเป็นคนหนึ่งที่ทำงานด้วยแล้วสบายใจ พอเวิร์กช็อปแล้วรู้สึกว่าเป็นคนที่จูนกันง่ายดี แทบจะไม่ต้องปรับอะไรเลย เหมือนเป็นคนที่รู้จักกันมานานแล้วได้มาทำงานด้วยกัน ตอนนั้นต่างคนต่างเฉย ๆ เลยค่ะ คุยกันนี่แทบจะด่ากัน (หัวเราะ) พอหลังจากนั้นก็มีโอกาสได้ไปถ่ายรายการด้วยกันที่บางกระเจ้า ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนูโสดแล้ว ก็เลยคิดว่าเราก็ลองเปิดใจดูดีกว่าไหม จะมัวทุกข์ไปทำไมในเมื่อเราก็หาความสุขได้ มีคนทำให้เรามีความสุขได้ (ยิ้ม) เพราะฉะนั้นตอนนี้มีความสุขดีค่ะ (หัวเราะสดใส) ก็อย่างที่เห็นในไอจีเลยค่ะ เพราะเราก็ไม่ได้ปิดบังอยู่แล้วด้วย”

แน่นอนล่ะว่าไม่ได้ปิดบัง เพราะจากข่าวที่ออกมาว่าเธอถึงขั้นเรียกให้แฟนคลับที่กำลังแอบถ่ายรูป เข้ามาถ่ายรูปด้วยกันเลย ซึ่งเรื่องนี้เธอเองก็ยอมรับ พร้อมให้เหตุผลว่า “จริง ๆ ต่อให้แอบถ่ายหนูคนเดียวหนูก็ทำอย่างนั้นค่ะ เพราะคิดว่าจะเอารูปที่เราปากบิดเบี้ยวไปทำไม เอารูปสวย ๆ ไปก็ได้ เรียกก็ได้ หรือไม่ก็มองหน้าแล้วก็ถามก็ได้ว่าขอถ่ายรูปได้ไหม แอบทำไม สุดท้ายแล้วก็ได้เป็นรูปอะไรก็ไม่รู้อยู่ดี โบว์ว่าไม่มีใครชอบให้ใครแอบถ่ายนะคะ ยิ่งถ้าเรารู้ตัวแล้ว ก็จะบอกว่ามาถ่ายรูปด้วยกันก็ได้ เราไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว เพราะสำหรับโบว์ยิ่งแอบถ่าย ยิ่งรู้สึกว่าไม่โอเคค่ะ แต่ถ้ามาขอถ่ายหนูยังรู้สึกว่าไม่รุกล้ำมากเท่ากับแอบถ่าย เพราะฉะนั้นเวลาเห็นว่าโดนแอบถ่ายก็จะเรียกให้เข้ามาถ่ายเลยดีกว่าค่ะ มาเลย” ส่งยิ้มหวานก่อนจะพูดถึงหนุ่มในสเปคว่าชอบตี๋ ขาว สูง ซึ่งก็บังเอิญว่าตรงกับในชีวิตจริงในตอนนี้พอดี “พอเจอพี่อาเล็กก็คือแฮปปี้เลยค่ะ แต่จริง ๆ แล้วโบว์ก็ประทับใจทุกอย่างละค่ะ ตั้งแต่ที่เขาเริ่มเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ พี่อาเล็กเป็นคนหาร้านอาหารเก่งมาก  เพราะโบว์จะเป็นคนคิดไม่ค่อยออกเลย (หัวเราะ) แต่ที่สำคัญเลยคือเขาเป็นคนวางแผนดี มีความคิดดี พูดอะไรแล้วก็เข้าใจดี แต่ว่าหลัง ๆ ก็เริ่มแบบไม่ค่อยเข้าใจแล้วค่ะ”

พูดจบพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะอีกครั้งอย่างอารมณ์ดี จนทำให้เราเชื่อแน่ว่าการเริ่มต้นความสัมพันธ์ในครั้งนี้ ได้ทำให้เธอกลับมามีความสุขอีกครั้ง ซึ่งตัวเธอเองก็ได้ยอมรับพร้อมกับบอกว่าไม่ใช่แค่ความสุขเท่านั้น แต่ยังทำให้ความมั่นใจกลับคืนมาด้วย “พอได้มารู้จักกับพี่อาเล็กก็ทำให้เรามั่นใจกับตัวเองมากขึ้น เหมือนว่าก็ยังมีคนมองเห็นความเป็นเรา ชอบที่เราเป็นเราจริง ๆ ไม่ได้ต้องการให้เราเปลี่ยนแปลงอะไร แต่บางครั้งหนูก็กลัวว่าพี่เขาจะคิดว่าหนูใช้เขาเป็นคนช่วยให้มูฟออนได้หรือเปล่า ซึ่งพี่เขาก็บอกว่าก็ไม่นะ พี่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น แล้วพอพี่เขาว่ามาแบบนี้หนูก็โอเคค่ะ เพราะหนูก็ไม่ได้รู้สึกว่าหนูใช้พี่เป็นเครื่องมือในการเดินหน้าต่อ แค่มองว่าเขาคือความสุขของเราแค่นั้นเลยค่ะ เพราะฉะนั้นกับความสัมพันธ์ตอนนี้ก็ถือว่ามีความสุขดี คืออาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นแฟน แต่เป็นอะไรก็ได้ที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข โดย ณ ตอนนี้เรายังมีความสุขอยู่ ถ้าเริ่มไม่ค่อยมีความสุขค่อยว่ากันอีกที ว่าจะเป็นสถานะไหน” พูดจบพร้อมส่งเสียงหัวเราะสดใส

และหลังจากที่ฟังคำตอบเรื่องหัวใจครบทุกซอกมุมแล้ว เราจึงเปลี่ยนเรื่องไปพูดคุยถึงแพลนในหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึง ซึ่งสำหรับตัวเธอแล้ว หากเป็นหน้าร้อนที่มีลมพัดแล้ว ต่อให้แดดจะร้อนแค่ไหนก็ไม่กลัว เพราะหน้าร้อนยิ่งแดดแรงเท่าไหร่ฟ้ากลับยิ่งสวยเท่านั้น และนั่นคือสิ่งที่เธอมองว่าเป็นเสน่ห์ของหน้าร้อน 

“โบว์จะชอบหน้าร้อนที่มีลมค่ะ เหมือนเวลาเราไปทะเลหน้าร้อน แต่ถ้าร้อนเหมือนกรุงเทพฯ ที่ลมไม่ผ่านเลย เพราะตึกบังไปหมด ก็รู้สึกว่า ‘จิเป็นลม’ คือเคยไปถ่ายงานที่อากาศร้อนมาก แล้วไม่มีลมเลย วันนั้นทำงานแทบจะหมดพลัง ซึ่งในหน้าร้อนโบว์ว่าท้องฟ้าสวยดีนะคะ แล้วเวลาถึงหน้าร้อนโบว์ก็จะชอบไปภูเก็ต ไปดำน้ำ ดำแค่ snorkeling ดูปลา ดูปะการัง แค่ผิวน้ำ หรือพายเรือ คืออยู่ได้ทั้งวันเลย ก็เคยคิดจะไปดำแบบ scuba เหมือนกันนะคะ แต่ว่าเป็นคนหลอน พออยู่ที่กว้างมาก ๆ จะรู้สึกว่าฉลามจะมาแล้ว (หัวเราะ) ยิ่งถ้ามืด ๆ ด้วย ก็จะคิดว่าเดี๋ยวจะมีอะไรมาหรือเปล่านะ หรือถ้าปลาเยอะๆ ก็จะคิดว่าทำไมปลาตัวเล็ก ๆ เยอะจัง ฉลามจะมาไหม ดูหนังเยอะไปนิดหนึ่ง คือเป็นคนที่หยุดจินตนาการไม่ได้เลยค่ะ” พร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

ก่อนจะแอบกระซิบบอกถึงตัวช่วยแก้ร้อนของเธอ “ตัวช่วยหน้าร้อนของหนูคือสเปรย์เย็นค่ะ แต่ไม่ได้เอามาฉีดตัวนะ จะฉีดเท้ามากกว่า เพราะเป็นคนที่รู้สึกว่าถ้าเท้าเย็น ก็จะเย็นทั้งตัว เย็นจริง ๆ นะหนาวเลยล่ะ คือเป็นคนที่แค่ฉีดเท้าก็อยู่ได้ แฮปปี้แล้ว หรือไม่อย่างนั้นก็ล้างมือค่ะ แค่ล้างมือก็ชื่นใจแล้ว แต่ถ้าเปิดมาน้ำร้อนนะ ก็จะเป็นอีกฟีล คือซึมเลยค่ะ”

ส่วนเรื่องการทำงานแม้ว่าจะสะสมประสบการณ์มาพอสมควร แต่การย้ายมาทำงานกับบ้านหลังใหม่ก็ทำให้เธอยังคงต้องปรับตัวและเรียนรู้ “ก็ค่อย ๆ ทำความเข้าใจ และทำความรู้จักไปเรื่อย ๆ เพราะตอนนี้ที่กำลังถ่ายทำเรื่องใต้เงาตะวัน ก็เพิ่งเป็นเรื่องที่ 2 เอง แต่น่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ ซึ่งเรื่องที่ 2 นี้ก็รู้สึกว่ายากจริง แตกต่างกับเรื่องแรก ฟีลเรื่องแรกจะยากตรงภาษา แต่เรื่องที่ 2 นี่ยากตรงเรื่องบท มันต้องเล่นให้แตกต่างกัน แล้วก็ด้วยความที่หนูเองห้าวมาก ๆ ด้วย พอต้องมาเล่นบทที่ผู้หญิ้ง ผู้หญิง ก็จะรู้สึกว่าที่เล่นไปมันผู้หญิงพอหรือยังนะ มันจะดูเหมือนว่าบางทีผู้ชายยังดูเขินกว่าเราอีกแบบนี้ไหมนะ จะคอยถามผู้กำกับ ถามทีมงานตลอดว่าหนูดูเขินพอหรือยัง ยิ่งในช่วงแรก ๆ เรายังหาตัวละครไม่เจอด้วย แล้วเรื่องนี้เป็นละครที่บทค่อนข้างยาวมาก ๆ ก็เครียดพอสมควรเลย เพราะว่าบทไม่เข้าปาก ก็เลยต้องทำการบ้านหนักมากค่ะ (เน้นเสียง) แรก ๆ เราชะล่าใจ คิดว่าพอจำบทได้แล้ว เราก็ค่อยไปดูหน้าเซ็ตอีกทีหนึ่ง กลายเป็นว่าทำน้อยไป ก็เลยต้องทำหนักขึ้น เขียนเต็มหน้ากระดาษเลย ใครมาอ่านบทหนูคงรู้สึกว่ารกมาก เขียนอะไรเต็มไปหมดเลย” (หัวเราะ) 

“ส่วนเรื่องราวของละครเรื่องนี้จะเริ่มต้นด้วยรีน่า หรือตัวหนูในเรื่อง ซึ่งจะมีลักษณะนิสัยค่อนข้างเป็นผู้หญิ้ง ผู้หญิงเลย แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องมาสู้เพื่อครอบครัวเขาเอง เพื่อความถูกต้องค่ะ คือตัวรีน่านี่พ่อเขาจะเสียชีวิต แต่ไม่รู้ว่าเพราะโดนฆาตกรรมหรือเพราะฆ่าตัวตาย ก็เลยต้องไปหาว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่ คือเป็นละครที่มีเนื้อหาของการฆาตกรรมนิด ๆ คอมเมดี้นิด ๆ โรแมนติกนิด ๆ ครบรสค่ะ ซึ่งพี่นก จริยา บอกว่าปีนี้ได้ชมกันแน่นอน แต่ตอนนี้ก็เพิ่งเริ่มถ่ายทำไปได้แค่ 10% เองค่ะ หนูก็ขนลุกอยู่เหมือนกัน เพราะคิดว่าน่าจะต้องถ่ายทำกันแบบเข้มข้นเลยทีเดียว ขอฝากด้วยนะคะ รวมถึงนิตยสาร  AROUND เล่มนี้ด้วยนะคะ สวยมากจริง ๆ ค่ะ เครื่องเพชรก็อลังการ แล้วก็เพราะว่าโบว์เป็นนางแบบ (หัวเราะ) ล้อเล่นนะคะ แต่ก็ขอฝากด้วยค่ะ” พูดจบพร้อมมอบรอยยิ้มสดใสที่ทำให้เราเผลอยิ้มตามและมีความสุขไปกับเธอ รวมถึงคอยเป็นอีกหนึ่งแรงเชียร์เล็ก ๆ ที่คอยเอาใจช่วยไปกับความรักครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

MODEL: เมลดา สุศรี

PHOTOGRAPHER: พลอยภัทร

PHOTOGRAPHER ASSISTANT: พลภัทร นรเศรษฐกานนท์

STYLIST: #styledbykn

HAIR STYLIST: สิทธิพงศ์ เมธา

MAKEUP ARTIST: พัทธ์ธีรา ปารย์นิราวาทย์

CLOTHES: Velade 916/24 ซ.สุขุมวิท 55 คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ โทร. 0 2714 9377 / Kenzo ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ โทร. 0 2255 9898 / Asava, White Asava 1,1/1,1/2 ซ.สุขุมวิท 45 คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ โทร. 0 2662 6526 ต่อ 45

SHOES: Roger Vivier ชั้น G ดิเอ็มโพเรี่ยม โทร. 0 2664 8442

ACCESSORIES: NGG JEWELLERY โทร. 0 2295 2995, www.nggjewellery.com 

LOCATION: The Okura Prestige Bangkok โทร. 0 2687 9000, เว็บไซต์: www.okurabangkok.com