รักหมดใจขยับเข้าใกล้ “กัน – อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์” กับภาพแฟชั่นเซ็ตที่แฟน ๆ ห้ามพลาดเก็บสะสม!
A Delicious Life of GUN หากว่าอาหารที่อร่อยและมีครบทุกรสชาติ คือสิ่งที่นำมาซึ่งความสุขให้แก่คนกิน อย่างนั้นแล้วผู้ชายที่ชื่อ “กัน – อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์” ก็คงเปรียบได้กับสุดยอดเมนูที่มีครบทุกรสชาติ จนทำให้ใครต่อใครต่างหลงใหล และขึ้นแท่นเป็นเมนูโปรดที่ติดใจใครหลายคน ยิ่งหลังจากที่ได้นั่งพูดคุยกัน ก็ทำให้หมดข้อสงสัยว่าทำไมเขาจึงสามารถเดินบนเส้นทางบันเทิงมาได้อย่างยาวนาน จนสามารถก้าวเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจแฟน ๆ และผู้ติดตามในไอจีกว่า 5 ล้านฟอลในทุกวันนี้
ซึ่งเมื่อมองจากมุมของคนนอกเราก็คิดว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่สำหรับนักแสดงหนุ่มมากความสามารถคนนี้กลับมองว่าไม่ได้ยากขนาดนั้น อาจเพราะด้วยความที่ทำในสิ่งที่รัก “จุดเริ่มต้นตอนแรกเป็นเพราะความชอบของกันเอง ตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ ก็คือบอกคุณแม่ว่าอยากเข้าไปอยู่ในทีวี แต่ดูอะไรกันก็จำไม่ได้ จำได้แค่บอกแม่ว่าอยากเข้าไปอยู่ในทีวี กันเป็นคนที่ชอบดูละคร แล้วก็ติดละครมาตั้งแต่เด็ก ๆ จำได้ว่าต้องกลับบ้านตรงเวลา เพราะเมื่อก่อนยังไม่มีให้ดูย้อนหลัง เราก็เลยจะล็อกไว้ว่าวันนี้เราจะต้องรีบกลับบ้านมาดูละคร พอคุณแม่รู้ว่าชอบก็สนับสนุนและพาไปเรียนการแสดงหลายที่มาก ทั้งที่กันตนา และกับคุณครูหลาย ๆ ท่านเลย จนวันหนึ่งอยู่ ๆ ก็ได้ไปแคสต์ที่ลาดหลุมแก้วของดาราวิดีโอ ค่ายดีด้า แล้วก็ได้เล่น จากตอนแรกก็เป็นตัวประกอบเดินผ่านกล้อง แล้วก็ขยับมาได้เล่นเป็นตัวละครตอนเด็ก ก่อนจะได้มารับบท “เจ้าชายโกมินทร์” ใน “ปลาบู่ทอง” ซึ่งทำให้ได้เป็นที่รู้จัก และมีผลงานอื่น ๆ ตามมา แต่ก็จะมีคนเคยบอกเหมือนกันนะครับว่า พอถึงช่วงหนึ่งที่เป็นช่วงกึ่งโตกึ่งเด็กที่จะทำให้หายหน้าไป แต่กันว่าด้วยความที่ตัวเล็กตั้งแต่เด็ก ก็เลยยังมีบทเด็ก ๆ ให้เล่นอยู่ ไม่ได้หายไปมาก จนกระทั่งได้มาทำงานภายใต้สังกัดของ GMM TV ครับ”
ถึงจะเข้าวงการมาตั้งแต่เด็ก แต่หนุ่มคนนี้ก็ไม่เคยรู้สึกมีช่วงชีวิตที่ขาดหายไปเลย ตรงกันข้ามเขากลับมีความสุขและสนุกกับโอกาสดี ๆ ที่มีเข้ามา “กันว่ากันได้ใช้ชีวิตที่ทั้งเที่ยวและทำงานไปพร้อม ๆ กัน ก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้ขาดหายอะไรไป เพราะตอนเด็ก ๆ เวลาไปทำงาน เราก็มีโอกาสได้ไปต่างจังหวัด ก็เลยเหมือนได้ไปเที่ยว แล้วเราได้เห็นอะไรที่ตื่นตา เช่น โรงถ่ายที่เคยเห็นแต่ในทีวี ที่เราได้มาเห็นจริง ๆ เห็นเรือนไทย ถ้ำปลอม เมืองจำลอง พอตอนเบรกกอง เราก็จะชวนเพื่อนที่อายุใกล้ ๆ กัน มาเล่นกันต่อ พอโตมากันก็เลยรู้สึกว่าความน่าหลงใหลของการเป็นนักแสดงคือ การที่เราได้ลองทำอะไรที่เราไม่ได้เคยทำ ซึ่งแต่ละบทบาทจะมีความท้าทายให้เราได้ลองทำ เช่น ก่อนหน้านี้เราไม่คิดว่าอยู่ดี ๆ เราจะได้ไปเตะต่อยกับคนอื่น ได้เล่นแอคชั่นหนัก ๆ ขึ้นสลิงหรือว่านั่งร้องไห้เป็นบ้า พอได้ทำจริง ๆ ก็รู้สึกว่าทำแล้วมันสุดดี หรือว่ากันเป็นบ้าก็ไม่รู้นะ (หัวเราะ) คือเมื่อก่อนกันจะชอบเปิดเพลงในรถแล้วลองฝึกร้องไห้ ก็ขับรถไปร้องไห้ไป ฝึกทำอารมณ์ เพราะอยากร้องไห้ให้ได้เร็ว หรือบางทีอยู่ดี testosterone cypionate for sale with prescription ๆ ตอนที่อยู่ในห้องน้ำ ก็มองกระจก มองหน้าตัวเองแล้วก็พูดกับตัวเองในใจว่า ‘ไหลออกมาสิ’ ก็เหมือนคนบ้านะ แต่ก็รู้สึกว่าสนุกดีครับ” พูดจบพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แม้เจ้าตัวจะมองเป็นเรื่องขำขัน แต่สำหรับเรากลับคิดว่า นี่แหล่ะ! คืออินเนอร์ของความเป็นนักแสดงที่ผลักดันให้เขาประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้
แต่เมื่อถามว่าเขามองว่าวันนี้ตัวเองประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง เจ้าตัวกลับไม่ได้ยืนยันอย่างชัดเจนนัก “ถ้าเป็นตอนนี้กันรู้สึกว่าก็มีคนชอบมากขึ้น ได้เห็นผลงานของเรามากขึ้น ซึ่งถามว่าประสบความสำเร็จไหม ถ้านับจากตอนเด็ก ๆ เลยก็น่าจะประสบความสำเร็จมากขึ้นครับ ทำให้เราเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ส่วนในเรื่องอื่น ๆ กันว่าเรื่อย ๆ ครับ เพราะในการทำงานสำหรับกัน กันจะเต็มที่กับทุกงาน ซึ่งการที่มีคนมองเห็นเรามากขึ้น มีฟีดแบกที่ได้รับกลับมา นั่นก็ถือเป็นความสำเร็จสำหรับกันแล้วครับ รวมถึงการทำงานในวงการยังทำให้กันโตขึ้น และมีความรับผิดชอบมากขึ้นด้วย ก็ถือเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่ทำให้มาถึงจุดนี้ได้ กันคิดว่าด้วยความที่กันเป็นคนจริงใจในการเป็นตัวเอง คือเราเป็นยังไงก็แสดงออกไปแบบนั้น กันเคยถามเบบี๋เหมือนกัน ส่วนใหญ่เขาจะบอกว่าชอบที่ผลงานและคาแรกเตอร์ที่ดูน่ารักตลก ๆ ดีครับ” (ยิ้ม)
พอพูดถึงเบบี๋เราเลยแอบถามถึงที่มา เพราะรู้มาว่าชื่อเรียกนี้เจ้าตัวเป็นคนตั้งขึ้นมาเอง “ที่มาของเบบี๋เกิดขึ้นจากตอนที่เราเล่นซีรี่ส์กับปาปี๊ (ออฟ จุมพล) แล้วพอเริ่มมีแฟนคลับ เราก็คิดว่าควรจะมีชื่อบ้าน ซึ่งกันเรียกปาปี๊ว่าปาปี๊อยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าถ้ามีแฟนคลับเราจะเรียกเบบี๋ดีไหม ฟังแล้วน่ารักดี ก็เลยเป็นที่มาของเบบี๋ ซึ่งถ้าให้พูดถึงความประทับใจในเบบี๋ ก็จะเป็นการที่เขาคอยซัพพอร์ตเราทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการซัพพอร์ตเรื่องงาน หรือว่าเรื่องอาหารการกินเวลาที่เราไปถ่ายงาน เขาก็จะคอยซัพพอร์ตตลอด และถ้าเกิดวันหนึ่งที่เบบี๋หายไปก็อาจจะแปลก ๆ นะ จากเดิมเวลาที่ไปงานแล้วได้เจอคนนั้นคนนี้ พออยู่ ๆ ไม่เจอก็เลยอาจจะแปลก ๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะความชอบของคนเราก็เปลี่ยนกันได้ครับ” ยิ้มอ่อนก่อนที่เราจะเปลี่ยนไปพูดคุยถึงอีกหนึ่งความสามารถ ที่หนุ่มคนนี้เพิ่งค้นพบในระหว่างช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา
“ช่วงโควิด-19 แรก ๆ เป็นช่วงที่ไม่มีอะไรทำเลย แล้วเราเป็นคนที่ชอบออกไปข้างนอกออกไปเจอเพื่อน ทำนั่นทำนี่ ทีนี้พอไปไหนไม่ได้ เราก็เลยทำขนมจีนขึ้นมา มีขนมจีนน้ำยาป่า น้ำเงี้ยว แล้วก็ขนมเขียว คุ้กกี้ ได้ทำหลายอย่าง กันจะดูวิธีทำจากยูทูปหรืออาศัยอ่านสูตรแล้วลองทำนะครับ ส่วนรสชาติก็จะปรุงเป็นรสที่เรากิน มีแจกให้คนรอบตัวช่วยชิมบ้าง แต่เมนูที่เป็น masterpiece เลยคือข้าวคลุกกะปิครับ ถึงขั้นทำขายเลย แต่ว่าพอลองทำแล้วก็คือขายครั้งเดียวพอแล้ว ไม่ขายแล้ว เพราะเหนื่อยมาก” (หัวเราะอย่างอารมณ์ดี) และเมื่อให้ลองเปรียบตัวเองเป็นเมนูอาหาร หนุ่มคนนี้ก็บอกว่าตัวเองน่าจะเป็นเมนูส้มตำ ด้วยเพราะความชอบส่วนตัวที่ชอบกินเผ็ดและมีเมนูส้มตำ เป็นเมนูโปรดอยู่แล้ว
ด้านผลงานที่หากจะไม่พูดถึงคงไม่ได้เลยก็คงจะเป็น “NOT ME เขา…ไม่ใช่ผม” เพราะถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่ท้าทายในชีวิตของการเป็นนักแสดงของเขาเลยทีเดียว “จริง ๆ ก็มีอยู่หลายช่วงที่ท้าทายนะครับ แต่ถ้าล่าสุดนี่ก็จะเป็น “NOT ME เขา…ไม่ใช่ผม” ซีรี่ส์เรื่องล่าสุดที่เล่นกับปาปี๊ เพราะต้องเล่นเป็นฝาแฝด คือตัวละครในเรื่องทั้งแบล็คและไวท์ จะมีความแตกต่างกันมาก ส่วนของกันจะโอนเอนไปทางไวท์มากกว่า เพราะอย่างแบล็คนี่ชีวิตกันก็ไม่เคยเจออะไรขนาดนั้น แต่พี่นุชชี่ อนุชา (ผู้กำกับ) ก็จะส่งให้ไปเรียนเลยครับ เรียนแอคติ้งหลายอย่าง ยกตัวอย่างคือถ้าอยากให้เป็นคนกวน ๆ เขาก็จะพาพี่ผู้ชายที่มีลักษณะเหมือนที่เขาอยากได้ให้มาคุยกับเรา ซึ่งฟีดแบคที่ออกมาก็ถือว่าโอเคเลย ทั้งที่ตอนแรกก็ไม่คิดนะครับว่าจะทำได้ขนาดนั้น ก็ต้องขอบคุณพี่นุชชี่ที่ช่วยด้วยครับ เพราะกันว่าก็ยากเหมือนกันนะที่ต้องมารับบทฝาแฝด วันหนึ่งเราต้องเล่นเป็น 2 ตัว สลับไปมา แต่ก็จะมีแอคติ้งโค้ชที่กองที่คอยช่วยด้วยครับ คือเขาก็จะคอยสะกิดว่าฉากนี้ต้องเป็นแบบนี้ เป็นคนนี้อารมณ์ประมาณนี้ เราก็จะทำความเข้าใจแล้วสวมบทบาทต่อไปครับ”
ด้วยระยะเวลาไม่น้อย กับการเดินบนเส้นทางในวงการบันเทิง ทำให้เขาได้ทำในสิ่งที่หลากหลาย แต่ถึงอย่างนั้นหนุ่มคนนี้เขาก็ยังคงมีความตั้งใจและมีเป้าหมายที่วางไว้ “ที่จริงก็ทำมาหมดแล้วนะครับ เพราะว่าอยู่ที่ GMM TV ก็ได้ทำหลายอย่างเลย อย่างงานพิธีกรเมื่อก่อนก็ไม่เคยทำ ก็ได้มาทำ ได้ร้องเพลง ได้เต้น ได้แอคติ้ง ก็หลายอย่างนะครับ ส่วนในอนาคตโดยส่วนตัวกันก็คิดว่าอยากที่จะได้รับบทดี ๆ อีกสักหนึ่งหรือสองเรื่องให้เป็นมาสเตอร์พีซของตัวเองที่ให้คนได้เห็น และสำหรับเป้าหมายในวงการบันเทิง ที่จริงวงการบันเทิงก็คงจะมีระยะเวลาของมัน แต่ในส่วนของกัน คิดว่าเราน่าจะทำไปให้ได้นาน หรือยื้อเวลาให้ได้มากที่สุดนั่นเอง (หัวเราะ) คนอื่นอาจจะมองว่าเราเป็นคนตัวเล็ก เราก็เลยจะใช้โอกาสนี้ทำตัวเองให้เป็นเด็กต่อไป ถึงแม้ว่ามันอาจจะจำกัดให้เราเล่นบทได้น้อย แต่แน่ ๆ เลยคือ GMM TV มีซีรี่ส์เด็กเยอะ จะได้อยู่ในกลุ่มของเด็ก ๆ ตลอดไป ใส่ชุดนักเรียนตลอดไปถึงแม้ว่าจะ 30 แล้วก็ตาม ก็จะใส่ชุดนักเรียนอยู่” ทิ้งท้ายด้วยเสียงหัวเราะสดใสก่อนจะฝากผลงานให้ติดตามกัน
“ในปีนี้ก็จะมีซีรี่ส์ 2 เรื่องครับ คือ “คู่แท้แม่ไม่เลิฟ” และ “โฮมสคูล” แล้วก็มีภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งคือ “The Snack Queen” เล่นกับแพทริเซีย พี่อนันดา และพี่กอล์ฟ พิชญะครับ ก็เป็นหนังแนวที่เด็กดูได้ ตื่นเต้น ๆ มีสัตว์ประหลาด แล้วก็น่าจะมีเป็นซีรี่ส์สั้นๆ ของ “คลับสะพายฟาย” ถ่ายเสร็จแล้ว น่าจะออนปีนี้ เล่นกับโอบ นิธิ ก็จะเป็นเรื่องราวที่ต่อกัน ต้องขอฝากไว้ด้วยครับ รวมถึงงานพิธีกรรายการรถโรงเรียน รายการออนไลน์ต่าง ๆ ของ GMM TV คอนเสิร์ต LOL ที่กำลังจะเกิดขึ้น และงานมีทแอนด์กรี๊ดที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยครับ ช่วงปลายเดือนกันยายน และโปรเจ็กต์ส่วนตัวคือ คาเฟ่ชื่อ The Last House on The Left อยู่แถวสะพานควาย โดยชั้นล่างก็จะทำเป็น Multibrand ที่ดึงเอาแบรนด์ที่เข้ากับร้านเราเข้ามา ชั้นสองจะทำเป็นคาเฟ่ และชั้น 3 ก็อาจจะเปิดเป็นบาร์ ซึ่งวางแผนไว้ว่าจะเปิดวันที่ 29 ก.ค. นี้ครับ” (ยิ้ม) พูดจบก่อนจะขอตัวไปเตรียมความพร้อมสำหรับการถ่ายแฟชั่นเซ็ตสุดชิควันนี้ต่อไป
MODEL: กัน – อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์
PHOTOGRAPHER: พลอยภัทร
PHOTOGRAPHER ASSISTANT: พลภัทร นรเศรษฐกานนท์
STYLIST: #styledbykn HAIR STYLIST: @hairfilmm MAKEUP ARTIST: @minddmakeup
CLOTHES: Coach ชั้น 1 สยามพารากอน โทร. 0 2129 4664, COS ชั้น M ดิเอ็มควอเทียร์ โทร. 0 2059 2872, H&M ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ โทร. 0 2646 1077, MARC JACOB ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ โทร. 0 2252 0503 LOCATION: Playroom เอกมัยคอมเพล็กซ์ ชั้น 2 (ด้านบนร้าน Stage) ระหว่างซอยเอกมัย 19 และ 21 ถนนสุขุมวิท โทร. 080 278 7808