ทุกการเปลี่ยนแปลงที่สร้างแรงบันดาลใจของ ‘สู่ขวัญ บูลกุล’ พร้อมแฟชั่นเซตสุดอิลิแกนซ์
“การเปลี่ยนแปลง” เมื่อถึงเวลาไม่ว่าใครก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะนำมาซึ่งอะไร นั่นจึงทำให้หลายคนเกิดความหวาดกลัวและพยายามหลบหลีกที่จะต้องเผชิญหน้า ซึ่งเราก็คงไม่เถียงว่านั่นคือเรื่องจริง หากแต่ในการเปลี่ยนแปลงนั้นยังคงมีมิตรภาพ และเพื่อนร่วมทางที่คอยให้การสนับสนุน ก็ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องหวาดกลัวกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ไม่ต่างอะไรกับ AROUND ที่พร้อมรับกับทุกการเปลี่ยนแปลง ด้วยรู้ดีว่าเรายังคงมีเพื่อนร่วมทางอย่างผู้อ่านที่น่ารักของเราทุกคน และพาร์ทเนอร์ รวมถึงนางแบบของเราในวันนี้ คุณสู่ขวัญ บูลกุล ที่เริ่มต้นจากการทำงานร่วมกันในวันแรก ก่อนจะกลายมาเป็นหนึ่งในครอบครัว AROUND ที่ยังคงสร้างความประทับใจให้ทุกครั้งที่พบกัน
ซึ่งไม่ใช่แค่เราที่รู้สึกแบบนั้น เพราะขนาดเจ้าตัวเองก็ยังพูดตรงกัน “อย่างแรกพี่ขวัญรู้สึกยินดี เพราะพี่ขวัญมีโอกาสได้ร่วมงานกับ AROUND มาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นสำหรับงานฉลองครบรอบ 12 ปีของ AROUND พี่ขวัญก็ยินดีด้วยค่ะ พี่ขวัญรู้ว่า Citi กับ AROUND ร่วมมือกันในการที่จะระดมเงินบริจาค และพี่ขวัญเองก็มีส่วนเล็ก ๆ ในหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา การทำกิจกรรมร่วมกันระหว่าง Citi กับ AROUND ทำให้เกิดเม็ดเงินจำนวนไม่น้อย ที่ได้เอาไปมอบให้กับมูลนิธิรามาธิบดีเพื่อทำประโยชน์ต่อ เพราะฉะนั้นเราเองก็พลอยเกิดความภูมิใจและดีใจว่าสิ่งที่เราทำมันเป็นประโยชน์กับคนอื่น และคืนนั้นพี่ขวัญว่ามันเป็นคืนที่เต็มอิ่ม มีแต่คนกันเอง อบอุ่นมีความสุขและ AROUND Magazine เป็นหนึ่งในแมกกาซีนที่พี่ขวัญร่วมงานด้วยบ่อย คนก็จะคุ้นหน้าคุ้นตาจากคนที่เพิ่งจะรู้จัก จนทุกวันนี้ก็กลายเป็นเพื่อนน้องที่สนิท ทุกครั้งที่เจอก็เหมือนเราเจอเพื่อนสนิท เราก็ดีใจค่ะ” (ยิ้ม)
ในครั้งนี้เพื่อเป็นการต้อนรับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล เราจึงชักชวน คุณสู่ขวัญ คนคุ้นเคยมาสัมผัสสายลมหนาวที่ InterContinental Khao Yai Resort, an IHG Hotel จุดหมายแห่งการเช็คอินแห่งใหม่ท่ามกลางธรรมชาติที่สร้างความประทับใจ จนถึงกับเล่าให้ฟังว่า “พี่ขวัญเป็นคนที่วนเวียนอยู่เขาใหญ่มาเกือบ 20 ปีแล้ว ตั้งแต่แต่งงาน ก็ต้องบอกว่านี่คือสิ่งที่เขาใหญ่รอคอย คือเขาใหญ่มีโรงแรมที่ดี มีบรรยากาศ มีสิ่งแวดล้อมที่ดีเยอะ แต่สำหรับที่นี่มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเลย ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเคยไปมาหลายที่ แต่ก็มีความรู้สึกว่าเรารอคอยอะไรบางอย่างที่พิเศษขึ้นไปอีก ซึ่งวันนี้มาถึงแล้ว ด้วยการดีไซน์ของโรงแรมที่ unique และให้ความรู้สึกที่พิเศษมาก โดยไม่ใช่เรื่องเฉพาะของ architecture หรือ interior design เท่านั้น สวน landscape การดีไซน์ การวางต้นไม้ พืชพรรณ ธรรมชาติทุกอย่างก็ให้ความรู้สึกสงบเป็นส่วนตัว แต่แฝงไว้ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น เรียกว่าไม่ใช่แค่โรงแรมจัดจ้าน แต่พืชพรรณก็จัดจ้านเช่นกัน”
ท่ามกลางความสงบส่วนตัว แต่เต็มไปด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นของโลเคชั่นในการทำงานวันนี้ บวกกับสภาพอากาศที่ดูจะเป็นใจให้การทำงานและพูดคุยกันเป็นไปอย่างสบาย เราจึงชักชวนสาวคนเก่งพูดคุยถึงเรื่องราวชีวิตในปีที่ผ่านมา โดยเธอก็ได้เล่าให้ฟังว่า “ปีนี้ก็เป็นปีที่ยากของหลาย ๆ คน รวมถึงพี่ขวัญก็เช่นกันที่มีความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง ลูกชายจากที่เคยอยู่บ้านกับเรา ตอนนี้เขาก็โตพอที่จะไปเรียนต่างประเทศแล้ว สมาชิกในครอบครัวบางท่านก็จากเราไป แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่พี่ขวัญรู้สึกอยู่แล้วว่าชีวิตมันเดินไปเรื่อย ๆ จะสุขจะทุกข์มันก็ไม่หยุดที่จะก้าวต่อไปเรื่อย ๆ เป็นตัวเราเองที่จะต้องเรียนรู้สุขและทุกข์นั้น ทั้งความสุขและความทุกข์มีค่าเท่ากันสำหรับพี่ มีความหมายและมีคุณค่าสำหรับชีวิตเราเท่ากัน มีคำสอนของพระรูปหนึ่งบอกไว้ว่าสุขทุกข์คืองูตัวเดียวกัน ความทุกข์คือจับงูที่หัว พอจับแล้วงูฉกก็เจ็บไป ส่วนความสุขคือจับงูที่หางจะลื่น ๆ เย็น ๆ ซึ่งถ้าจับนานเกินไปงูก็หันมาฉกได้เหมือนกัน นั่นหมายความว่าถ้าเรายึดมั่นถือมั่นกับความสุข สุขนั้นก็คือทุกข์ เพราะฉะนั้นเราก็รับทั้งสุขแล้วก็ทุกข์นั้นแล้วเราก็เดินต่อไป ซึ่งถ้าถามเรื่องที่คิดว่าหนักหนา จริง ๆ ตอนที่ลูกจะไปเมืองนอกก็กังวลมาก ๆ เพราะว่าปราบเขาค่อนข้างที่จะติดบ้าน อยู่บ้านตลอด แม้แต่ตอนเรียนที่ไทยช่วงซัมเมอร์ เพื่อน ๆ เขาไปเรียน Summer School ที่ต่างประเทศกันแต่เขาก็ไม่ไป เพราะฉะนั้นนี่ก็เลยเป็นครั้งแรกที่อยู่ ๆ เขาก็ออกจากบ้านไปเลย ซึ่งเราเป็นคนบอกเขาเองว่าถึงเวลาที่เขาต้องไปเรียนเมืองนอกแล้ว แต่เราก็ดูโรงเรียนไว้ล่วงหน้า 2 ปี ตอนนั้นบอกเขานะว่าเราดูไว้สำหรับอนาคตอีก 2 – 3 ปี ข้างหน้า ไม่ได้หมายความว่าจะให้เขาไปเดี๋ยวนี้ เพราะในตอนนั้นเขายังไม่พร้อมหรอก แต่อนาคตเมื่อเขาอายุ 16 – 17 ปีแล้ว เวลานั้นเขาน่าจะพร้อม ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะในตอนนั้นประเทศนิวซีแลนด์ยังไม่ให้วีซ่ากับนักท่องเที่ยว ให้เฉพาะนักเรียน เขาก็เลยต้องเดินทางไปเอง ซึ่งเขาก็ไม่กลัวเลย”
เมื่อเล่าถึงตรงนี้ พี่ขวัญได้ให้เหตุผลที่เลือกประเทศนิวซีแลนด์เป็นจุดหมายปลายทางด้านการศึกษาของลูกชายไว้ว่า “หลังจากที่ได้เดินทางไปดูที่เรียนแล้วทุกคนเกิดความชอบตรงกัน แนวทางการเรียนการสอน แนวคิดการสร้างเด็ก และสังคมของที่นั่นเป็นสิ่งที่เราชอบ ปราบชอบผู้คนที่นั่น เพราะปราบรู้สึกว่าผู้คนเขา nice และ friendly ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือที่นั่น pm 2.5 เป็นศูนย์เพราะความที่ตั้งอยู่นอกเมือง เรื่องอาหารก็สำคัญซึ่งวิธีการเพาะปลูกของที่นิวซีแลนด์จะมีความเป็นออร์แกนิกโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เราเลยคิดว่าอย่างน้อย ๆ ในช่วงสุดท้ายของชีวิตวัยเด็กของเขาก็อยากให้เติบโตอยู่ท่ามกลางความบริสุทธิ์ของอากาศ อาหารมีความสะอาดสะอ้าน ผู้คนก็ใช้ชีวิตเรียบง่าย ซึ่งเราก็อยากให้ลูกได้เห็นว่าจริง ๆ ชีวิตมันก็ง่าย ๆ แค่นั้น แค่มีงาน เห็นคุณค่าในตัวเอง เลี้ยงตัวเองได้ ชีวิตจริงมันเรียบง่ายแค่นั้น แต่เราทุกคนเองที่ตกแต่งมันขึ้นไปเรื่อย ๆ จนไกลจากความเป็นจริงมาก ก็เลยอยากให้ลูกได้เห็นความเรียบง่ายในชีวิตจริง ส่วนหลังจากนี้ถ้าเขาอยากจะไปแต่งเติมชีวิตของตัวเองแค่ไหน มันเป็นสิทธิ์ของเขา ซึ่งหลังจากที่ได้ไปท่องโลกกว้างเขาก็บอกว่าทุกอย่างที่นั่นคือสิ่งที่เขาชอบ และเขารู้สึกว่าไม่ได้ต้องปรับตัวอะไรเลย เราในฐานะของคนเป็นแม่ พอลูกบอกว่าเขามีความสุขมาก เราก็จบเลย พี่ขวัญก็แฮปปี้ ไม่ได้เป็นห่วงอะไร จะมีก็แต่คอยบอกว่า ‘แฮปปี้แล้วเรียนด้วยนะจ๊ะ ไม่ใช่แฮปปี้สุดโต่ง’ (หัวเราะ) สิ่งที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ก็อาจจะเป็นเพราะการที่เขาซึมซับและได้รับสิ่งดี ๆ จากคนทุกชนชั้น เพราะเขาเติบโตขึ้นมาในฟาร์ม และบางทีเขาก็ได้คำสอนที่ดีมากจากพี่ ๆ พนักงานในฟาร์ม ซึ่งคำสอนที่คนเหล่านั้นให้ลูกเรามันยิ่งใหญ่มากสำหรับเรา”
การมีลูกนั้นถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของสาวมากความสามารถคนนี้ จากที่เคยมีชีวิตของตัวเอง กลายเป็นทุกอย่างในชีวิตลูกต้องมาก่อน “ต่อให้เรามีสามีชีวิตก็ยังเป็นของเราอยู่ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ยังเป็น ‘ฉัน’ อยู่ แต่ทันทีที่เรามีลูกมันไม่มี ‘ฉัน’ เลย มันคือลูกก่อน เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าชีวิตเปลี่ยนไหม คำตอบคือเปลี่ยนไปหมดเลย ทุกอย่างคือลูกก่อน แล้วถ้าเหลือจากนั้นถึงค่อยมาเป็นตัวเราค่ะ เรียกได้ว่าชีวิตพี่โคจรตามลูก คือเขาหมุนไปทางไหนพี่หมุนตาม แต่พี่ก็พยายามบาลานซ์ เพราะเชื่อว่าการที่เรามุ่งไปที่คน ๆ เดียว ไม่ใช่สิ่งที่ดี เด็กก็จะอึดอัด ซึ่งพี่ขวัญคิดว่าสุดท้ายการเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือ การเห็นการซึมซับทุกอย่าง ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามสิ่งที่เขาเห็นนั่นคือการสอนทั้งหมดเลย พี่ก็จะยังคงทำกิจกรรมต่าง ๆ ของตัวเอง แต่ก็ไม่ทำมากจนเกินไป เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ลูกต้องการเราต้องพร้อมเสมอ ดังนั้นตอนนี้พอลูกไปต่างประเทศแล้ว ชีวิตเราก็กลับมาเป็นของตัวเองค่อนข้างเยอะ คือพี่ก็เลือกที่จะหมุนชีวิตตัวเองไปตามวันเวลาของลูก ตามความต้องการของเขา แต่ก็เชื่อว่าถึงอย่างไรชีวิตของคนเป็นแม่ ไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมค่ะ”
“สำหรับการวางแผนอนาคตก็มีบ้างแต่ไม่ได้วางแผนถึงขนาดว่า ‘จะต้อง’ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังคงอิงกับลูกอยู่ คือยังวางแผนไปตามชีวิตเขา โดยที่เราก็อาจจะทำงานของตัวเองไป แต่ว่าในระหว่างที่เรารอดูชีวิตของเขา เราก็สนุกไปกับการทำงานของเรา จะเรียกว่าโชคดีก็ได้ เพราะการทำงานในทุกวันของเรานอกจากเป็นงานแล้ว พี่ขวัญยังได้เพื่อนแท้ เพื่อนสนิท ได้คนที่มาเป็นคนสำคัญในชีวิตจากการทำงานเยอะมาก เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ได้คิดวางแผนที่จะเกษียณหรือเลิกทำงานเลย เพราะสำหรับพี่ขวัญแล้วการทำงานมีความหมายมากกว่าแค่การได้เงิน แต่การทำงานทำให้เราได้สิ่งอื่นที่สำคัญมากกว่า ซึ่งเรื่องงานก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่วางแผนเลยแต่ก็ไม่เคยว่างเหมือนกัน (หัวเราะ) ซึ่งถ้าเอาไม้บรรทัดความคิดของตะวันตกมาวัด พี่อาจจะไม่ได้เรื่อง เพราะพี่ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องเป็นแบบนี้ภายในระยะเวลาเท่านี้ ไม่มีเลย พี่ไม่เคยตั้งเป้าแล้วต้องไปให้ถึง แต่สำหรับพี่แค่คิดว่าเราทำทุกวันของเรา ทุกหน้าที่รับผิดชอบในทุกเรื่องของตัวเองให้ดีที่สุด แล้วรอผลของมัน ว่าผลจากการที่เราพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด มันจะพาเราไปอยู่ที่ไหนในอนาคต ซึ่งพี่ขวัญใช้วิธีนี้เป็นการดำเนินมาตลอด และวันนี้พี่ก็ได้มาถึงในจุดที่ตัวเองก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะมาถึงเหมือนกัน”
แม้ไม่อาจตอบได้ว่าสุดท้ายผลจากการพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด จะพาสาวคนเก่งไปอยู่ที่ไหนในอนาคตต่อจากนี้ แต่สำหรับตอนนี้…เวลานี้ เธอได้มานั่งอยู่ในใจของใครก็ตาม ที่ได้สัมผัสใกล้ชิดและรู้จักตัวตนผู้หญิงคนนี้…นั่นต่างหากที่สำคัญ