TOP

เวลา…ที่เดินหน้า กับความสุขบทใหม่ของ ‘ดีเจพุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน’

Time Change People Change Love Still

“เวลา” ไม่อาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงและพลัดพรากเสมอไป หากแต่ยังนำมาซึ่งสิ่งใหม่ หน้าที่ใหม่ และ…ชีวิตใหม่ ด้วยเช่นกัน ดังเช่นที่เวลาได้นำพาซึ่งสิ่งใหม่ ๆ และประสบการณ์ใหม่ในฐานะของคุณพ่อป้ายแดงให้กับ “พุฒ – พุฒิชัย เกษตรสิน” ซึ่งแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงบทบาทครั้งนี้จะทำให้เขาต้องเรียนรู้ ปรับเปลี่ยน รวมถึงจัดการเวลาในชีวิตใหม่ แต่เขาก็เต็มใจและมีความสุขในทุก ๆ วัน 

ยืนยันได้จากสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขพร้อมกับการเริ่มต้นอัปเดตบทบาทใหม่ในฐานะคุณพ่อให้ฟังว่า “ตอนนี้ลงตัวแล้วครับ สนุกสนานแล้วก็แฮปปี้มาก ๆ กับการได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของลูกในทุกวัน ทุกสัปดาห์ พูดเลยว่ามีความสุขมาก ๆ ครับ แล้วผมก็ค้นพบอย่างหนึ่งว่า การมีลูกทำให้หลังจากเสร็จงานแล้วอยากกลับบ้านมันมีอยู่จริง เหมือนที่พ่อคนอื่น ๆ ที่เป็นรุ่นพี่เขาเคยบอกเราว่า เดี๋ยวพอมีลูกนะ ทำงานเสร็จจะไม่อยากไปไหนเลย อยากจะรีบกลับบ้าน ซึ่งก็เป็นแบบที่เขาว่าจริง ๆ โดยหน้าที่ของผมก็คือจะช่วยคุณแม่เขาเลี้ยงลูกในช่วงกลางคืนครับ เพราะว่าคุณแม่เขาก็ปั๊มนมช่วงกลางวัน กว่าจะเลิกปั๊มมื้อสุดท้ายก็ตี 1 ครับ ช่วงกลางคืนจะเป็นเราที่ช่วยดูลูก พาลูกกินนม เข้านอน แต่ก็จะมีสลับกับพี่เลี้ยงด้วยครับ ถ้าวันไหนที่เราต้องออกมาทำงานเช้า”

 

ถ้าเป็นกองเชียร์ที่ติดตามดูคู่นี้มาตลอด ก็คงพอจะรู้ว่า กว่าจะมาถึงวันที่เป็นครอบครัวโดยสมบูรณ์อย่างทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะจินตนาการภาพของการเป็นคุณพ่อ “ความรู้สึกแรกที่ได้รู้ว่ากำลังจะได้เป็นคุณพ่อจริง ๆ แล้วโอ้โห ดีใจมาก เรียกว่าเป็นวันที่มีน้ำตา พอคุณหมอบอกว่าครั้งนี้ติดชัวร์แล้ว เราก็ร้องไห้ แต่ว่าไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย แต่มันเป็นน้ำตาแห่งความดีใจ ส่วนคุณจุ๋ยก็ดีใจ แต่ก็ไม่ได้มีน้ำตา เพราะเขาจะไปเสียน้ำตาตอนช่วงเก็บไข่ ที่บางเดือนไม่มีไข่ หรือบางเดือนก็มีแต่โตไม่ได้มาตรฐาน เขาก็จะรู้สึกเฟลมาก ๆ ช่วงนั้นก็ต้องให้กำลังใจกันหนักมาก คือคู่เราเป็นคู่ที่ตัดสินใจแต่งงานกันค่อนข้างเร็ว เพราะว่าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าอยากมีลูก แล้วพอมันไม่ได้เป็นไปตามที่เราวางไว้ ก็เลยทำให้ร่างกายถดถอยไปด้วย จนถึงช่วงปีสุดท้าย เราก็เห็นเขาพยายามกับการทำ process ทุกอย่างของการเตรียมเก็บไข่ เขาทั้งเหนื่อย เจ็บ และเครียด ก็เลยรู้สึกว่าปีนี้ถ้าไม่ได้ ก็คงจะต้องเบรกแล้วไปทำอย่างอื่นกันแล้ว แต่ปรากฏว่าก็ได้เป็นน้องพีร์เจมาพอดีครับ” (ยิ้ม)

“ด้วยความที่ก่อนจะมีน้องพีร์เจต้องยอมรับตามตรงว่าเราเป็นคู่ที่มีลูกยาก ทำให้ไม่กล้าจินตนาการถึงการเป็นคุณพ่อเลยครับ ว่าเรามีลูกแล้วจะเป็นคุณพ่อแบบไหน ตอนนั้นคิดแค่ว่าขอแค่มีก่อน แต่ว่าจะเริ่มมาคิดตอนที่ตั้งครรภ์แล้วจริง ๆ ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่มีคำตอบให้กับตัวเองนะครับ ว่าจะเป็นคุณพ่อแบบไหน เพราะว่าก็ยังไม่เคยมีลูกมาก่อน แต่พอคลอดเขาออกมาในช่วงวันแรก ๆ ก็พอจะเห็นทางแล้วว่าเราคงจะเป็นคุณพ่อที่สามารถทำทุกอย่างได้เพื่อลูก ยกตัวอย่าง เราเป็นคนที่กลัวการอุ้มเด็กที่คอยังไม่แข็งมาก ๆ คือเคยถ่ายละครแล้วมีฉากต้องอุ้มเด็กทารกวัยแบบนี้ บอกเลยว่าเราไม่กล้าอุ้มจริง ๆ เพราะว่าหนึ่งไม่ใช่ลูกเรา สองถ้าเกิดเราพลาดทำหล่นก็ไม่สามารถไปทำใช้ให้เค้าได้ แต่พอมาเป็นลูกตัวเองมันต้องกล้า ตอนนั้นเราไม่มีพี่เลี้ยงด้วย เพราะตั้งใจว่าเราจะเลี้ยงกันเอง ดังนั้นแล้วก็ต้องก้าวข้ามผ่านกำแพงตรงนั้นมาให้ได้ แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งคือผมไม่ชอบการเช็ดอึ ไม่ชอบการทำอะไรแบบนี้ ไม่ชอบมาก ๆ เลยครับ สิ่งนี้เปลี่ยนไปพอมีลูก ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ก้าวข้ามผ่านมาได้ แล้วเวลาไปเจอคุณพ่อคุณแม่ที่เพิ่งคลอดเหมือนกัน ก็จะมีการแชร์เรื่องราวกัน สนุกสนานดีครับ”

 

หลังจากที่ได้รับบทบาทของการเป็นคุณพ่อเพิ่มขึ้น ก็ทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิตของชายคนนี้เปลี่ยนไป ทั้งความรับผิดชอบ ความสุข และการจัดการเวลา “ก่อนมีลูกเรายังไม่ต้องรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิต คือเราแค่ทำงานรับผิดชอบชีวิตเรา จุ๋ยก็ทำงานรับผิดชอบชีวิตเขา สวีตซึ่งกันและกัน แต่พอมีลูกแล้วความคิดหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป ด้วยความที่เราต้องสวมบทบาทเป็นคุณพ่อคุณแม่กัน ยกตัวอย่างเช่น เรื่องของเวลาที่เราต้องทุ่มเทให้กับเขา แล้วก็เรื่องของการจับจ่ายใช้สอยที่เมื่อก่อนเราอยากได้อะไรเราก็ซื้อ เพราะเราทำงานเหนื่อยกันมาแทบจะทั้งปี ก็ให้รางวัลชีวิตบ้าง แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าอะไรไม่จำเป็นก็เก็บเงินไว้ แล้วก็ใช้ชีวิตแบบไม่ประมาท เช่น ขับรถเมื่อก่อนเวลาขับรถก็จะขับไป ไม่ได้คิดอะไรเยอะ แต่เดี๋ยวนี้ต้องระวัง เพราะความสุขของชีวิต ณ ตอนนี้คือ ลูกและครอบครัว ทำให้เรามีแรงตื่นขึ้นมาทำงานหรือใช้ชีวิต หรือเวลาที่เราพักผ่อนน้อย ๆ รู้สึกเหนื่อย เพราะการเลี้ยงลูกจะมีช่วงที่พักผ่อนน้อย แต่มันก็มีความสุขครับ (ยิ้ม) ยิ่งตอนนี้เวลาเขายื่นมือมาเรียกให้เราอุ้ม ยิ่งเป็นโมเม้นต์ที่ประทับใจมาก ๆ เลย”

“นอกจากนี้การจัดการเวลาก็เปลี่ยนแปลงไป คือระหว่างวันถ้ามีกิจกรรมหรืองานอะไรที่ต้องไปทำ ถ้าไม่ได้ถ่ายละคร เราก็จะพยายามทำงานหรือทำธุระให้เสร็จก่อน 4 โมง เพราะว่า 5 โมงจะเป็นช่วงเวลาที่เขากินข้าว เราก็จะต้องกลับมาให้ทันเวลาที่เขากินข้าว มาช่วยคุณจุ๋ยดู พอเสร็จจากนั้นถ้าเป็นช่วงที่ถ้าฝุ่นไม่เยอะ ฝนไม่ตกเราก็จะพาเขาออกไปเดินเล่นข้างนอก สำหรับการใช้เวลากับคุณจุ๋ย 2 คน ก็เพิ่งจะมามีช่วงนี้ที่ได้ออกไปดูหนัง ออกไปกินข้าวกันบ้าง จนเรามานั่งคุยกันตลก ๆ ว่าเราไม่ได้ทำแบบนี้มานานมากแล้วเนอะ (หัวเราะ) ครั้งสุดท้ายที่ออกไปกินข้าวกันคือเมื่อไหร่นะ คือพอมีลูกปุ๊บกลายเป็นว่าใครว่างกินก่อนเลย ไม่ต้องรอ บางทีก็อุ้มลูกไปด้วย แล้วก็กินไปด้วยมือหนึ่ง ช่วงนี้พอได้ออกไปกัน 2 คนบ้าง ก็แปลก ๆ ดีเหมือนกัน ไม่ได้มีฟีลนี้นานแล้ว ส่วนเวลาของตัวเองก็พยายามจะบาลานซ์ให้ได้ครับ เช่น เราก็ยังต้องออกกำลังกายอยู่ รวมถึงถ่ายละคร ซึ่งช่วงกลางวันเราก็พยายามจะออกกำลังกาย หรือทำการบ้านเรื่องบทให้จบครับ”

 

ด้วยการจัดการเวลาคือสิ่งสำคัญสำหรับคุณพ่อป้ายแดงคนนี้ นั่นจึงทำให้นาฬิกาเป็นไอเทมติดตัวที่ขาดไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงใส่ใจในการเลือกซื้อนาฬิกาเป็นพิเศษ “ผมเป็นคนชอบออกกำลังกาย ยิ่งเมื่อก่อนนี่เรียกว่าบ้าคลั่งเลยก็ว่าได้ เคยวิ่ง 100 กิโลเมตร บวกกับวิ่งมาราธอน 2 – 3 รายการต่อปี เพราะฉะนั้นเลยจะต้องมีนาฬิกาที่เป็นแนวสปอร์ตใส่ติดตัวตลอดเวลา เพื่อดูเรื่อง heart rate ดูว่าเราเดินและวิ่งไปเท่าไหร่ ใช้พลังงานไปกี่แคลลอรี่ ต้อง recovery เท่าไหร่ ก็ค่อนข้างที่จะเป็นไอเทมที่สำคัญในชีวิตประจำวัน รวมถึงแนว luxury ที่เอาไว้เวลาสำหรับออกงาน หรือโอกาสสำคัญ ๆ ครับ เรียกว่าเป็นไอเทมที่ติดตัวตลอดเวลาอยู่แล้ว” 

ถึงจะมีบทบาทของการเป็นคุณพ่อเพิ่มมากขึ้น แต่ในด้านการทำงานหนุ่มพุฒก็ยังคงจัดแบ่งเวลา และรับผิดชอบงานต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เห็นได้จากการที่แม้เขาจะทำหน้าที่เป็นนักแสดงรับเชิญในละครเรื่องล่าสุด “แค้น” แต่ก็สร้างสีสัน และทำให้คนดูติดตามได้ไม่แพ้นักแสดงหลักในเรื่องเลยทีเดียว “การทำงานในเรื่องนี้คือผมเป็นนักแสดงรับเชิญ เป็นเรื่องที่เราได้เจอกับแม่แอ๊ฟ แต้ว และน้องนาย บรรยากาศการทำงานก็สนุกสนานครับ ที่สำคัญยังได้ทำงานกับพี่แอน ทองประสม ผู้จัดละครที่เก่งมาก ๆ ซึ่งพอเราได้ไปสัมผัสบรรยากาศการทำงาน ก็รู้สึกว่านี่ถ้าเกิดว่าได้เล่นทั้งเรื่อง จะต้องเป็นเรื่องที่พัฒนาสกิลทางด้านการแสดงของเราแน่ ๆ เพราะว่าพี่แอนเขาจะเป็นคนที่มีมุมมองหลากหลาย และเขาก็จะเติมสิ่งที่คิดว่าถ้าเราลองแบบนี้ จะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะพัฒนาทักษะทางด้านการแสดงได้มากพอสมควรครับ โดยก่อนหน้าที่จะร่วมงานก็ได้พูดคุยกับคุณจุ๋ยในฐานะที่เขามีประสบการณ์ในการทำงานกับพี่แอนมาก่อน คุณจุ๋ยบอกว่าพี่แอนจะเป็นสไตล์ถึงเนื้อถึงตัว แล้วเวลาบรีฟแกจะบ้าพลัง ซึ่งทำให้บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นมันทะลุเพดานของเรา คือเราคิดว่าเราได้แค่นี้ แต่มันสามารถไปได้อีก ก็เลยคิดว่าถึงจะเล่นรับเชิญ แต่ก็คุ้มค่า ผมถึงขนาดกลับไปบอกคุณจุ๋ยเลยว่า ถ้าได้เล่นเต็มเรื่องนี่จะเป็นบุญ เป็นเกียรติกับเรามากเลย อย่างไรก็ขอใช้พื้นที่ AROUND นี้บอกผ่านด้วยแล้วกันนะครับ” 

 

พูดจบพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเล่าให้ฟังถึงการร่วมงานกับอีกหนึ่งตัวแม่ในเรื่องนี้ “ส่วนกับแม่แอ๊ฟก็สนิทกันอยู่แล้ว ความยากก็คือที่สนิทกันนี่แหล่ะ เพราะต้องเล่นเป็นสามีภรรยากัน ต้องมีฉากกุ๊กกิ๊ก ซึ่งถึงแม้จะมีซีนสวีทแค่ซีนเดียว แต่ก็ค่อนข้างยากมาก เพราะอย่างที่บอกว่าเราสนิทกัน เป็น 2 ครอบครัวที่ไปมาหาสู่กันบ่อย ตอนเล่นก็จะแปลก ๆ เขิน ๆ หน่อย แต่สุดท้ายแล้วพอเราสวมบทบาทเป็นตัวละคร อรรณพ ปรางทอง มันก็สามารถผ่านไปได้ กับอีกพาร์ตที่ต้องทะเลาะกัน อันนี้ก็ยากครับ เพราะปกติคุณแม่เขาจะเป็นคนนุ่มนิ่ม แต่ในเรื่องเราต้องปะทะคารมกันแบบสาดอารมณ์ใส่กันอย่างดุเดือด แล้วมีตบด้วย ซึ่งตอนเล่นเราก็ไม่กล้าตบจริง จนพี่แอนบอกว่าพุฒมันต้องจริง พี่ขอตบจริง พี่แอนก็ถามผม ถามแม่แอ๊ฟ แม่แอ๊ฟก็บอกว่าพุฒมาเลย ไม่เป็นไร แต่ว่าพอตอนตบไปแล้วในซีนแม่ก็ร้องโอ้ย เราก็ใจหาย คิดว่าเจ็บแน่ ๆ ซึ่งก็เจ็บจริงแหล่ะครับ แต่ก็ผ่านมาด้วยความ guilty พอสมควรในวันนั้น อย่างไรก็ฝากติดตามด้วยครับ เรื่องราวเข้มข้น สนุกสนาน ดราม่า เชือดเฉือน ฟาดฟันกันทั้งเรื่อง คุณอรรณพก็อาจจะมีโผล่ ๆ มาอีกสักนิดสักหน่อย ต้องติดตามให้ดีครับ เป็นจุด climax ของเรื่อง ส่วนปีนี้ก็มีที่กำลังเปิดกล้องอีกหนึ่งเรื่องครับ เป็นซีรี่ย์ที่จะออนแอร์ทางแพลตฟอร์ม แต่ยังบอกไม่ได้ตอนนี้ว่าเป็นแพลตฟอร์มไหน รวมถึงงานจัดรายการ EFM ช่วงแฉข่าวเช้า  8 โมงเช้าถึง 10 โมงครับ”

 

หลังจากที่ได้พูดคุยอัพเดตทุกเรื่องราวของคุณพ่อมือใหม่คนนี้แล้ว สิ่งที่เราพูดได้คือ ไม่ว่าจะบทบาทหน้าที่ไหน ก็เชื่อว่าคงไม่พ้นความสามารถของ “พุฒ – พุฒิชัย เกษตรสิน” ไปได้ และต่อให้เวลาจะทำให้อะไร ๆ เปลี่ยนแปลงไป แต่ความรักที่ผู้ชายคนนี้มีให้ในทุกสิ่งที่ทำก็จะไม่เปลี่ยนแปลง

 

MODEL: พุุฒิชัย เกษตรสิน

PHOTOGRAPHER: พลอยภัทร

STYLIST: @kn_kayen__

STYLIST ASSISTANT: Thisakorn Kulchonnok
HAIR STYLIST: @duenduennarak

MAKEUP ARTIST: @aey_makeup

CLOTHES: Paul Smith ชั้น 1 สยามพารากอน โทร. 0 2610 9770-1

H&M ชั้้น 1 ดิเอ็มควอเทียร์ โทร. 0 2003 6464

COS ชั้้น 1 ไอคอนสยาม โทร. 0 2004 6907

Karl Lagerfeld ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ โทร. 0 2252 0038

WATCH: TITONI โทร. 0 2255 8822 www.titoni.ch

LOCATION: InterContinental Bangkok 973 ถนนเพลินจิน ลุมพินี ปทุุมวัน กรุุงเทพฯ โทร. 0 2656 0444

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด