TOP

จับเข่าคุยกับคุณแม่ยืนหนึ่ง “แอฟ ทักษอร” เผยเคล็ดลับความงามพร้อมแฟชั่นเซตสุดพิเศษ

“แม่” แม้เป็นคำสั้น ๆ แต่มากด้วยบทบาทและภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้หญิงสักคนจะแบกรับความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูหนึ่งชีวิตให้เติบโตขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นจึงทำให้ความเป็นแม่
มีคุณค่าและความสำคัญมากกว่าแค่ความหมายที่พูดกัน ซึ่งหากพูดถึง “คุณแม่” ในวงการบันเทิงบ้านเรา แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของเธอคนนี้ติดอันดับ เพราะไม่เพียงแค่บทบาทของคุณแม่สุดสตรองเท่านั้น แต่ในบทบาทของการเป็นนักแสดง อย่างบทบาทล่าสุด “ปรางทอง” จากละครเรื่อง “แค้น” ที่แม้จะไกลตัวแบบสุดขั้ว เธอก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “แอฟ – ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” คือชื่อที่ยืนหนึ่งทั้งการเป็น “คุณแม่” และ “ตัวแม่” อย่างแท้จริง วันนี้แม้ละครจะปิดฉากลาจอไปอย่างสวยงาม แต่เสียงชื่นชมถึงบทบาทการพลิกคาแรกเตอร์ครั้งนี้ของเธอ กลับยังคงไม่หายไป ด้วยเป็นผลจากความพยายามและตั้งใจ เพื่อให้สมกับความไว้วางใจที่ได้รับในโอกาสนี้

“ย้อนไปตั้งแต่ตอนแรกที่ได้รับการติดต่อ ตอนนั้นพี่แอนโทรมาเล่าเรื่องให้ฟัง แอฟก็เซอร์ไพรส์ เพราะก็อย่างที่เห็นว่าเป็นบทที่ไกลตัวมาก คือไม่ใช่แค่ตัวแอฟ แต่ไกลตัวจากคนปกติด้วย แล้วยิ่งพอเป็นแอฟมันก็ยิ่งไกลหนักเข้าไปใหญ่เลยค่ะ แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นงานที่ท้าทาย เพราะขนาดว่าไกลตัวขนาดนี้แล้ว พี่แอนยังไว้ใจให้แอฟมารับบทนี้ 
ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเขาเชื่อมั่นในตัวแอฟขนาดนี้ แอฟก็จะเชื่อมั่นในมือพี่แอนเหมือนกันค่ะ ก็เลยรับแล้วบอกพี่แอนว่าแอฟจะพยายามทำเต็มที่ ตอนแรกแอฟนึกภาพตัวเองไม่ออกด้วย ก็ค่อย ๆ หากันไปในความเป็นปรางทอง แต่ไม่ว่ามันจะยากหรือเจออุปสรรคขนาดไหน สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราจะเต็มที่กับมันเสมอก็คือจุดที่เขาไว้ใจเรานี่ละค่ะ เพราะถ้าเขาให้คนอื่นที่เล่นร้ายอยู่แล้วมาเล่น ก็ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้หรือไม่ต้องเสี่ยง คือถ้าแอฟทำไม่ได้หรือทำไม่ถึงก็จะมีผลกับโปรเจ็กต์ บวกกับส่วนตัวพี่แอนที่เป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์มาก ๆ ในการทำงาน เก็บทุกรายละเอียดและไม่ปล่อยอะไรง่าย ๆ ดังนั้นการที่เขายอมรับความเสี่ยง แล้วเลือกแอฟให้มาทำหน้าที่นี้ แอฟเลยต้องเต็มที่มาก ๆ ค่ะ”

 

ถึงจะตั้งใจและเตรียมตัวทำการบ้านมาอย่างดีแค่ไหน แต่สุดท้ายก็อดทิ้งความกังวลไปไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้คุณแม่คนเก่งยอมรับด้วยเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับเล่าให้ฟังถึงการทำงานที่ผ่านมา “จะบอกว่าไม่กังวลเลยก็จะแปลก (หัวเราะ) เพราะอย่างที่บอกว่าบทมันไกลตัว แล้วไม่ใช่แค่เล่นร้ายเป็นคนนิสัยไม่ดี แต่บทนี้มีความไปกว่านั้น คือมีทั้งความร้าย ความดุ ความโหด ที่เกินกว่าชีวิตประจำวัน ด้วยความที่เขาคิดก็ร้าย ทำก็ร้าย แล้วด้วยอำนาจที่เขามีอยู่ ก็เลยทำอะไรที่สุดโต่งทรงพลังได้ ซึ่งแอฟในชีวิตจริงเป็นคนไม่ค่อยมีพลังค่ะ (หัวเราะ) เป็นคนน้อย ๆ ก็เลยค่อนข้างกังวล แต่ตอนนั้นคิดว่าไม่เป็นไร เราก็คงเต็มที่ได้เท่าที่เราจะทำการบ้านได้ ก็เตรียมตัวเรียนแอคติ้งไป อ่านบทเยอะ ๆ จนอินกับตัวละคร แต่เอาเข้าจริงพอเริ่มงานแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้นเสมอเลยค่ะ เวลาอยู่หน้ากองไม่ว่าเราจะเตรียมตัวมาขนาดไหน เรามักจะเจอว่า ‘โห พี่แอนมองภาพไว้แบบนี้เลยเหรอ’ แต่ว่าวินาทีนั้นก็ต้องลองทำไปเลยค่ะ ปล่อยไปเลยแล้วจะออกมาเบอร์ไหน บ้าขนาดไหนก็ต้องทำไปเลย ซึ่งช่วงแรกแอฟก็ยังเพิ่มเติมไม่ค่อยได้ เอาแค่ให้ถึงจุดที่เขาต้องการก็ยากแล้ว แต่พอเล่นไปเล่นมาได้อยู่กับตัวละครตัวนี้นานพอควรก็เริ่มอยู่ตัว ทำให้เราจะเติมอะไรเข้าไปง่ายขึ้น แล้วบางทีพอเจออะไรใหม่ ๆ ที่เราเล่นขึ้นมาเองก็รู้สึกสนุก บทปรางทองนี่แอฟชอบตรงที่เขาเป็นคนสับสวิตช์เร็ว ซึ่งช่วงแรกถึงมันจะยากสำหรับแอฟ แต่ช่วงหลังพอเริ่มฝึกบ่อย ๆ แอฟก็ทำได้ และรู้สึกสนุกค่ะ” (ยิ้ม)

จากการได้รับโอกาสบวกกับความสำเร็จในการพลิกคาแรกเตอร์ครั้งนี้ จึงทำให้ภาพของสาวเรียบร้อยยิ้มหวานกลายเป็นสาวแกร่งขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เจ้าตัวถึงกับออกอาการเขินเล็ก ๆ แต่ก็ดีใจไม่แพ้กัน “ถ้าคนดูรู้สึกแบบนั้น แอฟก็จะรู้สึกดีใจมากค่ะที่ได้รับการยอมรับในแง่อื่น ๆ ด้วย เพราะสำหรับแอฟไม่ง่ายเลยในการที่จะทำให้คนยอมรับในด้านอื่น ๆ นอกจากภาพเดิมที่เคยมีมา เพราะว่าเรามีภาพแบบนี้ติดตัวมานานเหลือเกิน เพราะฉะนั้น
ถ้าเกิดว่าคนดูแล้วเชื่อ ชื่นชอบ และซื้อใจเขาได้ เราก็ดีใจค่ะ”

 

นอกเหนือจากบทบาทการเป็นนักแสดงที่เธอทุ่มเทและใส่ใจแล้ว การเป็นคุณแม่ก็เป็นอีกหนึ่งบทบาทและหน้าที่สำคัญที่เธอไม่เคยละทิ้งสักวินาทีเดียว ถึงแม้ว่าจะไม่มีสูตรสำเร็จใดที่จะนำมาใช้ในการเลี้ยงลูกก็ตามที “สไตล์การเลี้ยงลูกของแอฟจะเป็นแนวปรับกันไปเรื่อย ๆ ค่ะ (หัวเราะ) ทั้งแม่ทั้งลูก คือเขาเป็นลูกคนแรกคนเดียวของเรา ฉะนั้นก็จะเจอปัญหาอะไรที่เราไม่เคยเจอกันทั้งคู่ ต่อให้เราจะเห็นเคสของเพื่อน ๆ แต่ว่าสุดท้ายเด็กก็ไม่มีใครเหมือนกัน การแก้ปัญหาก็แตกต่างกันไป ไม่มีวิธีเลี้ยงลูกที่สำเร็จรูป สุดท้ายต้องปรับกันไปว่าวิธีไหนที่เราจะสื่อสารกันแล้วดี ได้ผลมากที่สุด ซึ่งมีปัญหาตลอด ไม่ได้ราบเรียบหรือง่ายเสมอไป แต่ว่าถ้ายังฟังกันก็โอเค

 

ส่วนถ้าถามว่าใครดุกว่ากันตอนนี้ แอฟก็ยังดุมากกว่าค่ะ แต่ในอนาคตก็ไม่แน่อาจจะโดนลูกดุ เพราะเขาก็โตแล้ว เริ่มมีความคิด แล้วที่น่ารักคือเขาเริ่มมีความใส่ใจดูแลเราบ้าง รู้ว่าเราทำงานมาเหนื่อย ก็เลยเป็นเหมือนเพื่อนตัวจิ๋ว แต่เพื่อนคนนี้พูดเก่งเหลือเกิน จนบางทีแอฟต้องบอกว่าเดี๋ยวก่อนหยุดพูดแป๊บหนึ่ง ขอพักสมองแป๊บหนึ่ง (หัวเราะ) แต่แอฟว่านี่ก็เป็นความโชคดีของแอฟด้วยค่ะที่เขาเป็นเด็กกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ กล้าแสดงออก มีความคิดเห็นของตัวเอง ร่าเริง ตลก ซึ่งแอฟไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย แอฟไม่ตลก แต่ที่เขาเป็นมันสร้างสีสันให้ครอบครัวดีค่ะ ทุกวันนี้ด้วยความที่เขาโตขึ้นเรื่อย ๆ คุณแม่ของแอฟก็จะบอกว่าพยายามค่อย ๆ ปรับตัวกันไปนะ ถ้าติดกันมาก ๆ แล้ววันหนึ่งพอเขาเป็นวัยรุ่นแล้วหายไป เดี๋ยวแอฟจะอกหัก ก็เลยค่อย ๆ ปรับกันไป แต่ถึงอย่างไรสุดท้าย
ก็อยากให้เขารู้สึกว่าเรายังใกล้ชิดกัน มีอะไรคุยกับเราได้ทุกเรื่อง ถึงแม้แม่จะดุแม่จะบ่นแต่ก็อยากให้เขานึกถึงเราเป็นคนแรก เวลาที่เขารู้สึกอะไรไม่ดีไม่สบายใจหรือไม่มั่นใจกับเรื่องอะไรก็ตาม อยากให้เขารู้สึกว่าเราเป็นทุกอย่าง เป็นแม่ เป็นพี่สาว เป็นอะไรก็ได้สำหรับเขาค่ะ” พูดจบพร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่น

จากประสบการณ์ ความตั้งใจทุ่มเท การทำการบ้านกับทุก ๆ บทบาท และความรับผิดชอบจะเป็นเคล็ดลับที่ทำให้คุณแม่คนเก่งคนนี้ ประสบความสำเร็จทั้งในละครและชีวิตจริงแล้ว ความใส่ใจดูแลตัวเองอยู่เสมอก็เป็นสิ่งที่สาวมากความสามารถคนนี้ ไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน ยิ่งจากบทบาทที่ได้รับทำให้ต้องประกบกับนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องอยู่บ่อยครั้ง จึงยิ่งต้องดูแลผิวให้สวยสดใสเป็นพิเศษ

 

“ก่อนอื่นต้องยอมรับก่อนค่ะว่าอย่างไรก็คงดูเด็กได้ไม่เท่ากับนักแสดงรุ่นน้อง ๆ เพราะว่าเราโตกว่า เพียงแต่ว่าก็ไม่อยากจะล้ำไปเยอะจนดูแล้วไม่สามารถจะเชื่อในบทแล้ว เอาเข้าจริงต่อให้มันไม่มีบทแบบนี้ แอฟว่าผู้หญิงทุกคนก็อยากดูแลตัวเอง เพื่อให้ดูเด็ก มีสุขภาพที่ดี และคงความสวยงามให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราทำได้อยู่แล้วค่ะ ซึ่งสำหรับแอฟถ้าเป็นตอนเช้าก็จะไม่ได้มีขั้นตอนเยอะ แค่ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า เพราะว่าต้องยอมรับว่าพอถึงอายุหนึ่งผิวจะแห้งขึ้น แล้วก็จะใช้เซรั่ม ครีม แต่บางวันอาจจะเพิ่มเอสเซ้นส์ก่อนเซรั่มถ้าไม่รีบมาก แต่ถ้าวันที่รีบ ๆ จะแค่เซรั่มแล้วก็ครีมเลย และอายครีมก็สำคัญ ซึ่งแอฟจะทาอายครีมก่อนที่จะทาครีมนะคะ เพราะว่ารู้สึกว่าอยากให้ผลิตภัณฑ์สำหรับบริเวณที่อ่อนโยนได้ลงไปก่อน ไม่รู้คนอื่นทำแบบนี้เหมือนกันไหม แต่แอฟจะซีเรียสกับตัวเองว่าต้องทาอายครีมก่อนค่อยทาครีม จากนั้นค่อยลงกันแดดแล้วก็แต่งหน้า กันแดดนี่แอฟก็ให้ความสำคัญเหมือนกัน ต่อให้อ่านข่าวแค่ชั่วโมงเดียวแต่ทำทุกวัน ซึ่งการโดนไฟสปอตไลต์ทุกวัน อย่างไรก็มีผลมันอาจจะยังไม่ออกมาให้เราเห็นตอนนี้ แต่วันหนึ่งถ้ามันออกมาแล้วกำจัดยาก”

“ส่วนขั้นตอนการดูแลตอนกลางคืนก็จะเยอะนิดหนึ่ง แต่จะเน้นเรื่องของการทำความสะอาดมาก ๆ ยิ่งเราทำงาน
ที่ต้องแต่งหน้า เติมหน้าตลอด เพราะฉะนั้นตอนเอาออก
ก็ต้องเอาออกให้ดีที่สุด สะอาดที่สุด โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก็ต้องเหมาะกับสภาพผิว จะได้ไม่ทำร้ายผิว ซึ่งแอฟจะล้างด้วยออยล์ ครีม หรือว่าน้ำยาเช็ดหน้า แล้วก็บำรุง การบำรุงนี่ก็ขาดไม่ได้เลยค่ะตอนนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ก็คือล้างหน้าแล้วนอนได้เลย แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้แล้ว (หัวเราะ) ซึ่งอายครีมกับครีมบำรุงนี่ต่อให้ง่วงขนาดไหนก็ต้องทาค่ะ ไม่อย่างนั้นตื่นเช้าขึ้นมาเห็นผลเลย แล้วมันก็จะวนเป็นลูปคือถ้าเราไม่บำรุงหน้าก็จะแห้ง ตามมาด้วยริ้วรอยที่ส่งผลในการทำงาน เพราะถ้าหน้าแห้งก็จะแต่งหน้าไม่ติด และยิ่งริ้วรอยมาก ยิ่งพยายามกลบหรือปิดก็จะยิ่งเห็น เพราะฉะนั้นดีที่สุดคือบำรุงให้ผิวดีจากข้างใน ก็จะทำให้เราแค่แต่งหน้าบาง ๆ ก็เพียงพอแล้ว แล้วการแต่งหน้าบาง ๆ จะไม่ค่อยเห็นริ้วรอย แถมดูหน้าเด็กด้วย แต่ก่อนที่เราจะแต่งหน้าบาง ๆ ได้คือสุขภาพผิวต้องดีก่อน เลยคิดว่ากันไว้ดีกว่า เสียเวลาเล็กน้อยในการเพิ่มแต่ละขั้นตอน
ก็ยังดีกว่าตอนที่แก่ เมื่อก่อนนี้หรือถ้าเป็นเด็ก ๆ จะชอบพูดว่ามีเงินก็สวยได้ ไม่จริงนะคะ อันนี้เถียงเลยค่ะ มีเงินไม่ได้แก้ปัญหาได้ทุกอย่างถ้าเราไม่เริ่มดูแลตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือดูแลให้ดีตลอดทุกขั้นตอน ตามวัยตามสภาพผิวของตัวเองเลยค่ะ ซึ่งแต่ละคนจะรู้ว่าผิวเราตอนนี้ปัญหาคืออะไร เหมาะกับผลิตภัณฑ์แบบไหนก็
เลือกให้เหมาะ”

 

และไม่เฉพาะเรื่องผิวอย่างเดียวที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลให้เหมาะสม แต่เรื่องหัวใจก็ต้องมีใครสักคนดูแลด้วยเหมือนกัน ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้หัวใจของคุณแม่คนเก่งจะกำลังเป็นสีชมพู เราจึงแอบกระซิบถามสักหน่อย “เรื่องความรักสำหรับแอฟก็ปกติมาก ๆ เลยค่ะ ไม่ได้ปกปิดอะไร เวลาที่นักข่าวถามก็ตอบได้เท่าที่ตอบได้ หมายถึงเท่าที่ตอบทุกคนได้เช่นกัน แต่แอฟก็เข้าใจนักข่าวบางทีเขาก็น่ารัก คือเขาก็เกรงใจแต่ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนกัน ซึ่งแฟน ๆ ที่ติดตามแอฟก็ขอบคุณมาก แค่อยากให้รู้ว่าทุกอย่างอาจจะต้องใช้เวลา แล้วเราก็โตแล้วถ้าจะทำอะไรเราก็คงต้องดูจังหวะเวลาที่ใช่ด้วยค่ะ”

ส่วนความรักที่ไม่ต้องรอจังหวะเวลาคือความรักในการเป็นนักแสดง ซึ่งในฐานะรุ่นพี่ก็ได้ฝากทิ้งท้ายถึงรุ่นน้องว่า “อยากให้รัก ซื่อสัตย์ แล้วก็ทุ่มเทกับอาชีพ จริง ๆ มันเหมือนกันทุกอาชีพค่ะ ถ้าเรารัก ภูมิใจ ให้เกียรติ และซื่อสัตย์ เราก็จะทุ่มเทและศึกษามันจริง ๆ อยากทำให้ได้ดีจริง ๆ ยิ่งถ้าเป็นเด็ก ๆ ยังมีเวลาที่จะพัฒนาตัวเอง หาอะไรสนุก ๆ ทำ คืออาจจะไม่ใช่ทุกงานที่ได้เงินเยอะ บางงานไม่ได้เงินแต่ให้ประสบการณ์ก็ควรจะทำ บางงานไม่ได้เงินแต่ได้ทำประโยชน์ให้สังคมหรือเป็นงานท้าทาย ได้ทำอะไรใหม่ ๆ จะทำแล้วดังหรือเปล่าไม่รู้ แต่อย่างน้อยมันให้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้พัฒนาตัวเอง ก็ทำไปเถอะค่ะ”

 

MODEL: Taksaorn Paksukcharern

PHOTOGRAPHER: Ploypat

STYLIST: Anansit Karnnongyai

ASSISTANT STYLIST: Jaruwit Sattatahm

HAIR STYLIST: Noppasit.voie

MAKEUP ARTIST: Yiim Makeup

SKINCARE: The history of Whoo – Hwanyu

WATCH: Breguet

ACCESSORIES: SARRAN www.instagram.com/sarranofficial

CLOTHES: Calista ชั้น 1 K-Village โทร. 0 2661 5226 / Vickteerut 122 ซ.ทองหล่อ 4 คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ โทร. 082 782 8179 / Asava 1,1/1,1/2 ซ.สุขุมวิท 45 คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ โทร.0 2662 6526 ต่อ 45

SHOES: Jimmy Choo ชั้น G เซ็นทรัล เอ็มบาสซี โทร. 0 2160 5993

LOCATION: Eastin Grand Hotel Phayathai เลขที่18 ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวีกรุงเทพมหานคร โทร. 062 483 2899

  • ติดตามอ่านนิตยสาร AROUND ฉบับ 146 

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด