TOP

“อิน – สาริน รณเกียรติ” กับความสำเร็จในทุกบทบาทที่มาจากแพสชั่น

 

IN(N) the mood for LOVE

 

ขึ้นชื่อว่า “ความรัก” ไม่ว่าเกิดขึ้นกับ “ใคร” หรือ “สิ่งใด” สุดท้ายผลลัพธ์ย่อมเป็นไปด้วยดีเสมอ เหมือนกับที่นักแสดงหนุ่มหล่อผู้นี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้จะเลือกทำหน้าที่สำคัญถึง 2 บทบาท หากแต่ทำด้วยความรักและตั้งใจจริง การจะประสบความสำเร็จกับทั้ง 2 สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเส้นขนาน ก็เป็นไปได้ไม่ยาก เพราะการกลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบ 5 ปี “อิน – สาริน รณเกียรติ” ได้มาพร้อมกับความสำเร็จของอีกหนึ่งบทบาทนอกเหนือจากการแสดง นั่นคือ การทำธุรกิจ

หนุ่มอินเริ่มต้นเล่าให้ฟังถึงชีวิตในบทบาทของนักธุรกิจว่า “ความสนใจในการค้าขายมันมีมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลย เวลาไปไหนก็จะชอบไปหาร้านค้าแล้วชวนเขาคุย สมมติถ้าไปตลาดหรือไปจุดพักรถก็จะไปชวนแม่ค้าคุยว่า ขายเป็นอย่างไรวันไหนขายดี ขายได้เท่าไหร่ หน้าฝนดีไหม เมนูไหนขายดีขายไม่ดี คือถามทุกที่ตั้งแต่แม่ค้าในตลาดไปจนถึงห้าง แม้กระทั่งเวลาไปชอปปิงแบรนด์เนม ก็จะถามพนักงานว่ารุ่นไหนที่คนให้ความสนใจ เลยจะเป็นคนที่มีคลังความรู้ตรงนี้ค่อนข้างเยอะ คือรู้ว่าถ้าเป็นเรื่องของเสื้อผ้าประมาณนี้มักจะขายดีที่สุด หรือว่าถ้าเป็นอาหารเป็นขนมประมาณนี้จะเป็นสิ่งที่เข้ากับไลฟ์สไตล์คนได้ง่ายที่สุด”

 

ก่อนจะประสบความสำเร็จกับร้านขนมและร้านอาหารที่ใคร ๆ ก็อยากมาเช็กอินอย่าง Holiday Pastry ในฉบับที่แล้วหนุ่มเก่งคนนี้ก็ได้เริ่มต้นจับธุรกิจแล้วกับแบรนด์จิวเวลรี่ “สมัยนั้นก็จะเป็น Hye Bangkok ทำแต่จิวเวลรี่ใช่ไหมครับ ตอนนี้ก็ยังทำอยู่ และมีเพิ่มขึ้นอีกแบรนด์ คือแบรนด์ Hye Everyday ที่เป็นเสื้อผ้า ก็คือยังคงทำอยู่ ออกเป็นคอลเลกชันทุก ๆ ซีซั่นครับ” และถึงแม้ว่าทั้ง 2 ธุรกิจจะดูแตกต่างกัน แต่เขาก็ยังคงทำได้ดี เพราะมีหลักของความคิดที่ว่าคนเราสามารถมีความชอบหลากหลาย

“ความชอบหรือแพสชั่นคนเราก็มีหลายโหมด อย่างผมเองโหมดของไลฟ์สไตล์การแต่งตัวก็ชอบ หรือโหมดของอาหารการกินก็ชอบ เป็นคนชอบกิน แต่ไม่ชอบทำนะ ทำไม่เป็น (หัวเราะ) แล้วก็เป็นคนชอบซื้อของอร่อย ๆ สมมติว่าไปฮ่องกง ก็จะซื้อทาร์ตไข่ฝากเพื่อน ๆ พอรู้สึกว่าสิ่งที่เราเลือกค่อนข้างเลือกได้ถูกปากคนรับ เลยคิดว่าเราคงพอจะรู้ว่ารสที่คนไทยชอบจะเป็นรสประมาณไหน จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจลองทำร้าน Holiday Pastry เป็นร้านแรก ซึ่งนับถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 4 ปีกับ fan base ลูกค้าใน Line Official 150K ก่อนจะขยายต่อมาเป็น Hey หมูกระทะ ซึ่งตอนนี้ก็เปิดมาได้ 1 ปี และเร็ว ๆ นี้ ก็จะมีแบรนด์ Yolk เป็นแบรนด์ที่มีกลุ่มเป้าหมายกว้างขึ้น จับต้องง่ายมากขึ้น ในราคาไม่ถึง 100 บาท ทุกคนเอื้อมถึงได้ ต่างจาก Holiday Pastry ที่จะค่อนข้างพรีเมียม เน้นเรื่องของวัตถุดิบคุณภาพ เรื่องของบริการ แม้จะซื้อออนไลน์เราก็มีบริการแอดมิน บริการจัดส่งให้ แพ็กเกจสวยงาม คือซื้อกินเองก็อร่อย ซื้อฝากก็ได้ ซึ่งก็ทำมา 4 ปี มีลูกค้าประมาณหนึ่งแล้ว ก็เลยคิดว่าในปี 2024 นี้แหละ specialty จะเป็น new normal เทรนด์ใหม่ คือเดี๋ยวนี้ร้านที่เปิดใหม่คุณไม่จำเป็นต้องเป็นทุกอย่าง แต่คุณสามารถเป็น specialty ได้ แล้วเราก็มีความสนใจในเรื่องของขนม specialty หลายอย่าง บวกกับเทรนด์ของการบริโภคของประเทศไทยก็เปลี่ยน คนใช้ของ คนซื้อของประหยัดขึ้น คือใช้จ่ายต่อครั้งต่ำลง แต่ว่าซื้อบ่อยขึ้น เราก็เลยออกแบรนด์ใหม่ที่เป็น specialty ที่เราอยากทำอยู่แล้วในราคาที่จับต้องง่าย ซื้อได้บ่อยมากขึ้น”

 

ด้วยความจริงจังและตั้งใจในการทำงาน จนมักไม่ปล่อยให้เรื่องไหนหลุดรอดสายตา จึงไม่แปลกใจที่ธุรกิจของเขาจะประสบความสำเร็จ “ใน The Holiday Group นี่อินควบ 4 ตำแหน่ง ก็คือ Brand Manager, CEO, Marcom แล้วก็ Customer Experience เพราะฉะนั้นแล้ว พูดง่าย ๆ ทุกอย่างที่เป็นเบื้องหน้าที่ลูกค้าจะได้เห็น ได้สัมผัสจะเป็นอินหมด มันก็เลยเป็นสิ่งที่เราค่อนข้างเซนส์ซิทีฟ แล้วก็อยากจะคัดแต่สิ่งที่ only at it best ให้ลูกค้า ดีที่สุดเท่านั้น คือพอแบรนด์ที่เราทำมันเป็นแบรนด์ที่เรารัก เราก็อยากให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีในการมาใช้บริการแบรนด์เรา ก็หวังว่าในอนาคต แบรนด์เราจะเข้าไปอยู่ใน top of mind ของลูกค้าให้ได้ ขอให้เขาชื่นชอบ แล้วก็อยากกลับมาใช้บริการบ่อย ๆ แค่นี้ก็ฟินแล้ว สำหรับเรานะ” (ยิ้ม)

แม้ว่าธุรกิจก้าวหน้าไปได้ด้วยดี แต่เขาก็ยังคงไม่ทิ้งอีกหนึ่งอาชีพที่รัก นั่นคือ…การเป็นนักแสดง “ถ้าเรื่องของวงการบันเทิงอินจะค่อนข้างเรียบง่ายครับ ทำไปตามแบบที่ชอบ วางแผนน้อย แล้วก็ใช้ใจทำ คือจริง ๆ ก็ใช้ใจทำกับทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นงานในวงการบันเทิงจะไม่ค่อยซีเรียสหรือกดดันว่าจะต้องดัง ต้องมีชื่อเสียงมาก ๆ แต่จะเป็นแพสชั่นว่ามาทำงาน มาถ่ายงาน แล้วแฮปปี้แบบนี้ ซึ่งการทำทั้งสองสิ่งที่แตกต่างไปพร้อม ๆ กัน บางทีก็ต้องมีการวางตัว ต้องสวิตช์ อย่างถ้าทำธุรกิจก็ต้องนิ่งหน่อย แต่พอเป็นนักแสดงเจอแฟนคลับก็ต้องเป็นคนที่สดใส ซึ่งอินคิดว่าคนเราสามารถมีหลายบทบาทในคนเดียวได้ โดยที่ไม่ได้เฟกนะ มันแค่ปรับโหมดเท่านั้น ปรับโหมดไปเป็นลูกของพ่อแม่ ไปเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน ไปเป็นพี่ของน้อง น้องของพี่ ไปเป็นเจ้านาย ไปเป็นลูกน้อง ไปเป็นดารา ไปเป็นนักธุรกิจ เรื่องนี้อินไม่ได้รู้สึกว่ายากนะ คือเรารู้ตัวว่าเรากำลังปรับ หมายถึงเราจะรู้ว่าตอนนี้เราอยู่ในโหมดของดารานะ การตอบคำถามบางทีก็จะไม่ได้จริงจังมาก อยู่ในโหมดของเอนเตอร์เทนเนอร์มากกว่า แต่ถ้าเป็นนักธุรกิจก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งครับ”

 

หากถามถึงช่วงเวลาส่วนตัว อินตอบว่าเมื่อต้องทุ่มเทเวลาให้กับสิ่งที่รักและให้ความสำคัญทั้ง 2 อย่าง แน่นอนว่าเขาก็แทบไม่มีเวลาว่างเหลือสำหรับเรื่องอื่น ๆ เลย “ถ้าคิดเป็นสัดส่วนสำหรับอินให้เรื่องงานธุรกิจและงานในวงการบันเทิง 90% ชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัว ชีวิตเพื่อน ๆ 5 – 10% แต่ว่ายังโชคดีที่ในส่วนที่เป็น 90% ของงาน เราก็ยังได้ทำงานกับครอบครัวด้วย เพราะอินเป็นพาร์ตเนอร์กับพี่สาว แล้วน้องสาวเองก็เป็นมาร์เก็ตติ้งในบริษัทด้วย ส่วนเวลาของตัวเองก็ยังพอมีอยู่บ้าง ยังได้นอน 6 – 7 ชั่วโมง ซึ่งก็ถือว่าไม่แย่ ส่วนเรื่องกินอินกินค่อนข้างดี ออกกำลังกายตลอดเวลา เพราะจะวางไว้อยู่ในตารางเวลาแต่ละวันอยู่แล้ว อินจะใช้ชีวิตค่อนข้างเป็นตารางเป๊ะ ๆ เลยครับ ก็เลยโชคดีว่าเป็นคนที่ไม่มีข้อแก้ตัวว่าไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังฟิตหุ่นอินจัดไว้อยู่ในหมวดของนักแสดง เพราะอินคิดว่า นักแสดงคืออาชีพที่เราขายหน้าตา ขายหุ่น ขายไลฟ์สไตล์ ก็เลยพยายามจะดูแลตรงนี้ให้ดี เพราะถือว่าเป็นความรับผิดชอบของอาชีพเรา”

ส่วนเรื่องของการเดินทางพักผ่อน แม้จะไม่ค่อยมีเวลาสำหรับเรื่องนี้สักเท่าไหร่นัก แต่หนุ่มอินก็แอบบอกมาว่า แม้จะมีเวลาน้อย แต่ถ้าได้ไปก็ไปแบบเต็มที่เหมือนกัน “เวลาอินพัก อินพักจริง ๆ เรียกว่าขอพักที่ใหญ่ที่สุด สบายที่สุด โดยเรื่องราคามาทีหลังเลย แบบที่เข้าไปแล้วเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง เช็กอินแล้วหายไปนอนดูวิวดูทะเล ไม่ทำอะไร โซเชี่ยลก็ไม่เล่น เรียกว่าพักผ่อนจริง ๆ เลย”

 

สุดท้ายก่อนจะแยกย้ายกันไป เพื่อให้หนุ่มอินได้พักผ่อนอย่างเต็มที่หลังเสร็จจากการทำงานที่มาเก๊าในครั้งนี้ เขาก็ไม่ลืมทิ้งท้ายถึงความรู้สึกที่ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งกับ AROUND ว่า “ร่วมงานล่าสุดคือ ก.พ. 2019 ครั้งนี้ก็ยังเหมือนเดิมนะครับ ความรู้สึกต่าง ๆ ยังสนุกสนานเหมือนเดิม อบอุ่นเหมือนเดิม แล้วก็รู้สึกว่า AROUND ยังคงความทันสมัย เพราะน่าจะมีการปรับตัวมาอยู่ตลอด ดีใจที่ได้กลับมา ยิ่งรอบนี้ได้มามาเก๊าด้วยกันด้วยก็จะได้เห็นลุคที่เท่ขึ้น แล้วหวังว่าอีกสัก 5 ปีอาจจะได้วนมาอีกสักรอบหนึ่งตอน 35 เป็นไปได้ครับ” (หัวเราะ)

 

MODEL: Sarin Ronnakiat

PHOTOGRAPHER: พลอยภัทร

STYLIST: @kn_kayen__

MAKEUP ARTIST: IG: Palmpampass

HAIR STYLIST: IG: nenaenos_tp

CLOTHES: Zegna ชั้น G เซ็นทรัลเอ็มบาสซี โทร. 0 2006 3965, 0 2006 3865 / Fendi ชั้น M สยามพารากอน โทร. 0 2610 9287-8 / Emilio Pucci ชั้น G ดิเอ็มโพเรี่ยม โทร. 0 2664 9909 / Onitsuka Tiger ชั้น 1 ไอคอนสยาม โทร. 080 916 5546 / Maison Kitsune ชั้น G ดิเอ็มควอเทียร์ โทร. 0 2003 6696

LOCATION: Galaxy Macau™ Integrated Resort Tel: +853 2888 0888 www.galaxymacau.com

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด