เปิดตัว ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์’ ที่อยู่อาศัยหรู เจาะกลุ่มผู้ต้องการคอนโดพื้นที่ขนาดใหญ่ในเมือง ที่อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ
ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชม โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ในรูปแบบ Virtual Reality ได้ในงาน The Forestias Story and Beyond ที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน วันที่ 10 – 11 มิถุนายนนี้ โทรสอบถามข้อมูลได้ที่ Call Center 1265
MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) ประกาศวันนี้ว่า บริษัทฯ กำลังก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยแห่งใหม่ ความสูง 44 ชั้น ในชื่อ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 398 ไร่ ของโครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ บนถนนบางนา-ตราด ก.ม.7 หนึ่งในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของวิลล่าสุดหรู ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ ในประเทศไทยอีกด้วย
นายยุทธนา ตันติยานนท์ ประธานผู้อำนวยการ กลุ่มงานการจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ MQDC เปิดเผยว่า “ที่พักอาศัยโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่กว่าทั่ว ๆ ไป กระทั่งแบบมีสระส่วนตัว แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ และง่ายที่จะเข้าถึงบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับการใช้ชีวิตแบบใจกลางเมืองที่ โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ มอบให้ โดยอาคารโครงการความสูง 44 ชั้น มีเพียง 122 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งเป็นยูนิตแบบมีพื้นที่กว้างขวาง และทุกยูนิตเปิดรับวิวป่าแบบพาโนรามา และทิวทัศน์ความมหัศจรรย์ของงานเฟสติวัลต่าง ๆ ที่จะจัดขึ้นเป็นประจำทั้งในผืนป่าและเหนือผืนป่า”
ห้องพักอาศัยมีขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 140 ตารางเมตร ไปจนถึง 350 ตารางเมตร โดยมีห้องแบบเพนท์เฮาส์ขนาดพื้นที่ใช้สอย 917 ตารางเมตร บนชั้น 43 ส่วนจำนวนห้องนอนก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 2 ห้องนอน ไปจนถึง 5 ห้องนอน โดยที่พักอาศัยแบบฟรีโฮลด์แห่งนี้ มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 37 ล้านบาท สำหรับยูนิตขนาด 2 ห้องนอน และราคาเริ่มต้น 49 ล้านบาท สำหรับยูนิตขนาด 3 ห้องนอน
ตัวอาคารของ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ได้รับการออกแบบโดย Foster + Partners โดยแนวคิดของโครงการให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการมอบความเป็นส่วนตัวสูงสุดให้แก่ผู้อยู่อาศัย เราจึงพิถีพิถันใส่ใจในการออกแบบทุกรายละเอียด บนพื้นฐานของการทำความเข้าใจผู้อยู่อาศัยมากที่สุดในเรื่องของความเป็นส่วนตัว โดยได้สร้างโถงทางเดินและบันไดสำหรับงานบำรุงรักษาไว้ในจุดต่าง ๆ
“การออกแบบนี้จะช่วยให้ช่างสามารถเข้าบริการหรือดูแลรักษางานระบบอาคาร โดยเฉพาะงานท่อหลักได้โดยไม่ต้องเข้าไปในห้องพักอาศัย อีกทั้งยังสามารถบำรุงรักษาอาคารให้ได้มาตรฐานระดับพรีเมียมอยู่ตลอดเวลา โดยที่ไม่รบกวนพื้นที่ส่วนรวมที่ลูกบ้านใช้ประจำ” นายยุทธนากล่าว
นอกจากนั้น การออกแบบพื้นที่ภายในยังมีความเป็นสัดส่วน โดยแยกพื้นที่ที่ผู้ช่วยดูแลบ้านต้องใช้ เช่น พื้นที่ห้องครัวไทย และห้องพักของผู้ช่วยดูแลบ้าน ไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย พร้อมกันนี้ ทุกยูนิตยังมีล็อบบี้ลิฟต์ส่วนตัวอีกด้วย
หนึ่งในลักษณะพิเศษที่เป็นจุดเด่นของโครงการ คือมีที่นั่งพักผ่อนภายนอกอาคารมากมาย รวมไปถึงสวนส่วนตัว สนามหญ้าอเนกประสงค์ ระเบียงชายป่า และบ้านต้นไม้ นอกจากนั้น ยังได้นำเอาวัสดุพิเศษมาใช้ ในการก่อสร้างฟาซาด เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในอาคารรู้สึกเย็นสบายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้ออกแบบโถงล็อบบี้ส่วนตัวสำหรับผู้อยู่อาศัย ซึ่งแยกเป็นสัดเป็นส่วนกับล็อบบี้หลักของอาคาร
เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จ ภายในสิ้นปี 2568 โดยงานเสาเข็มได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างชั้นใต้ดิน และเตรียมเปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่าง อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป
นายยุทธนา กล่าวว่า “ขอเชิญชวนผู้สนใจ ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายเข้าชมได้ตั้งแต่วันนี้ ที่ Call Center โทร. 1265 โดยผู้ที่จองที่พักอาศัยเดอะ ฟอเรสเทียร์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ 30 ยูนิตแรก ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2566 จะได้รับสิทธิพิเศษราคา VVIP ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 2.5 ล้านบาท พร้อมกับจะได้รับสิทธิพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติมในการใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่โฮเต็ล อินดิโก้ เดอะ ฟอเรสเทียร์ มูลค่าสูงสุดถึง 500,000 บาท”
นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ประธานผู้อำนวยการ โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าวว่า “ที่พักอาศัยอื่น ๆ อีก 4 แบรนด์ของเรา ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้รับการตอบรับที่ดีมากถึงตอนนี้ ทำยอดขายรวมกันมากกว่า 22,000 ล้านบาทไปแล้ว”
“ผมเชื่อว่า เหตุผลที่โครงการได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากขึ้น อยากใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าทั่ว ๆ ไป ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวเยอะ ๆ และอยากอยู่ในโครงการที่ได้รับการออกแบบโดยบริษัทที่ได้รับการยอมรับนับถือในระดับโลก ที่มุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพดียิ่งขึ้น และผมคิดว่าที่คนเชื่อมั่นว่าโครงการที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ของเรามีศักยภาพสูงในด้านของการลงทุน เป็นเพราะการที่โครงการตั้งอยู่ในทำเลเชื่อมต่อพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งในการขับเคลื่อนและส่งเสริมให้โครงการมีความน่าดึงดูดใจ” นายกิตติพันธุ์กล่าว
ที่พักอาศัย โครงการ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ตั้งอยู่ติดกับป่าขนาด 30 ไร่ ใจกลางเดอะ ฟอเรสเทียส์ และเชื่อมโดยตรงกับทางเดินยกระดับที่ทอดยาวเหนือผืนป่า ความยาว 1.6 กิโลเมตร อีกทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับโฮเต็ล อินดิโก้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ในสไตล์ที่จะมาเติมเต็มพื้นที่ และสะท้อนธีมใกล้ชิดธรรมชาติของซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ได้เป็นอย่างดี พร้อมกับมีทางเดินเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างอาคารที่พักอาศัยและอาคารโรงแรม
“การตั้งอยู่ใกล้เคียงแบบเชื่อมถึงกันได้อย่างสะดวกสบายกับโรงแรมและพื้นที่จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม รวมทั้งบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เป็นสิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติมที่สำคัญอย่างหนึ่งสำหรับลูกค้าเจ้าของที่พักอาศัยโครงการซิกเนเจอร์ ซีรีส์” นายกิตติพันธุ์กล่าว
สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยอื่นๆ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ มีการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วค่อนข้างมาก ในจำนวนนี้ รวมถึง โครงการซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ เดอะ ฟอเรสเทียส์, มัลเบอร์รี่ โกรฟ วิลล่า, มัลเบอร์รี่ โกรฟ คอนโดมิเนียม, คอนโดมิเนียมแบรนด์ วิสซ์ดอม, คอนโดมิเนียมแบรนด์ ดิ แอสเพน ทรี และ สกายวิลล่า ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การมอบบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการดูแลผู้พักอาศัยอย่างครบวงจรตลอดชีวิต