เดือนนี้ขอพามาเที่ยว ประเทศมอลตา (Malta) หมู่เกาะเล็ก ๆ ในทวีปยุโรป ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี หากใครเป็นแฟนซีรีส์ Game of Thrones ต้องคุ้นเคยกับฉากการเข้าเมือง King’s Landing (ชื่อเมืองในซีรีส์) ผ่านประตูสไตล์กรีกโบราณที่สวยงามและอลังการ ซึ่งเป็นประตูทางเข้าเมืองเอ็มดิน่า (Mdina) นั่นเอง

ประเทศนี้มีพื้นที่เพียง 316 ตารางกิโลเมตร อยู่ท่ามกลางท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีเกาะหลัก ๆ 3 เกาะ คือ เกาะมอลตา (Malta) เกาะโกโซ (Gozo) และเกาะโคมิโน (Comino) แป๋มไปช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อากาศค่อนข้างเย็น ฝนตก ไม่เหมาะแก่การลงเรือ เล่นน้ำ เลยเที่ยวในเกาะมอลตาที่เดียว

ทริปนี้เราพักที่ The Xara Palace Relais & Chateaux พระราชวังเก่าแก่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเอ็มดิน่า เคยเป็นที่ประทับสมัยศตวรรษที่ 17 โครงสร้างตึกสวยงามคลาสสิก มีการบำรุงรักษาอย่างดี ภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แบบโบราณ กับห้องน้ำที่ดูทันสมัย ใช้งานสะดวก เราพักห้องเลขที่ 17 อยู่ชั้น 3 ชั้นสูงสุดของตึก ความพิเศษคือเมื่อเปิดประตูออกมาจะเห็นวิวทิวทัศน์ชนบทอันเงียบสงบของภูเขาแบบพาโนรามา หน้าห้องมีระเบียงเล็ก ๆ ให้นั่งเล่นหรือรับประทานข้าวเช้า แถมเดินจากห้องไปทางซ้ายไม่ถึง 10 ก้าว จะเจอ ร้านอาหาร The De Mondion ที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาวอีกด้วย บริเวณนี้อนุญาตให้เฉพาะรถยนต์ของผู้อยู่อาศัยภายในเข้าได้เท่านั้น หากเช่ารถขับจะต้องหาที่จอดรถด้านนอก ไม่สามารถขับเข้ามาในตัวโรงแรมได้

เมืองเอ็มดิน่า เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศมอลตา ซึ่งได้รับฉายาว่า “Silent City” เปรียบดั่งเขาวงกตที่สงบเงียบ เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยคดเคี้ยว มีป้อมปราการที่มีกำแพงรายล้อมรอบเมือง เมื่อเดินผ่านประตูเมืองเข้ามา สถานที่แรกที่จะเห็นคือ พิพิธภัณฑ์ National Museum of Natural History ตั้งอยู่ใน พระราชวัง Palazzo Vilhena ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ในสไตล์ปารีเซียงบาโรก (Parisian-Baroque)

ถัดมาจะเป็น พิพิธภัณฑ์ Mdina Dungeons ที่แสดงให้เห็นถึงประวัติความเป็นมาของชีวิตในคุกในเมืองเอ็มดิน่า และ Palazzo Falson พระราชวังยุคกลาง ที่ปัจจุบันมีงานศิลปะและโบราณวัตถุเก่าแก่ให้คนทั่วไปได้เข้าชม

เดินมาเรื่อยๆ จะพบกับ จัตุรัส Pjazza Mesquita ที่มีประตูบานสีเขียวตั้งอยู่ตรงกลาง อาจจะคุ้นตาสำหรับแฟน ๆ ซีรี่ส์ Game of Thrones เพราะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ในการถ่ายทำ และที่นี่มี มหาวิหารเซนต์พอล (St. Paul’s Cathedral) เป็นโบสถ์หลักของโบสถ์ทั้งหมดในประเทศมอลตา

พักรับประทานของว่างที่ ร้าน Fontanella Tea Garden คาเฟ่ที่วิวสวยที่สุดในเมืองนี้ โด่งดังในเรื่องของขนมเค้กโฮมเมดที่วางโชว์ให้เลือกมากมาย มีเครปทำสด ๆ กลิ่นหอมโชย ยั่วน้ำลายเวลาเดินผ่านหน้าร้าน ทำให้ร้านนี้คิวยาวมากตลอดทั้งวัน

แวะมาเที่ยวต่อที่ เมืองวัลเลตตา (Valletta) เมืองหลวงของประเทศมอลตา มีความโดดเด่นจากอาคารเก่าแก่ที่กลมกลืนกับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน บริเวณชายฝั่งมีเรือสำราญเรือยอร์ชเข้ามาเทียบท่าตลอดทั้งปี ถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศก็ว่าได้ ในเมืองนี้เราเริ่มเดินจาก ประตูแมืองวิตตอริโอซา (Vittoriosa City Gate) เป็นการผสมผสานกำแพงเมือง ให้เข้ากับความทันสมัยในปัจจุบัน จนกลายเป็นห้างสรรพสินค้าและสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตในที่เดียวกันเลย

จากประตูเมืองเข้ามาจะพบกับ วงเวียนน้ำพุไทรทัน (Triton Fountain) เป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนถ่ายรูปคู่กับสายน้ำที่เต้นระบำกลางน้ำพุ ช่วงกลางคืนน้ำพุจะมีไฟส่องสว่าง เปลี่ยนสีได้ ใกล้กันจะเจอกับ โรงละครมาโนเอล (Manoel Theatre) หนึ่งในโรงภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป เดินต่อไปจะเจอกับ พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grandmaster’s Palace) ที่ปัจจุบันกลายเป็นทำเนียบประธานาธิบดี บริเวณนั้นจะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของฝาก หรือแม้แต่ร้านถ่ายรูปด้วยกล้องจากปี 1910’s ก็มีให้ได้ถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย

หากใครชื่นชอบการ์ตูนเรื่อง ป๊อปอาย ต้องไม่พลาด หมู่บ้านป๊อปอาย (Popeye’s Village) ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1929 และทำเป็นการ์ตูนในปี 1960 ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น ช่วงคริสต์มาส ก็จะมีขบวนพาเหรดและซานต้า ออกมาสร้างสีสันให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

แม้ที่นี่จะเป็นเมืองเล็กที่ค่าครองชีพไม่สูง เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป แต่การเดินทางด้วยรถแท็กซี่แต่ละครั้งอยู่ที่ประมาณ 20-25 ยูโร แนะนำให้วางแผนเที่ยวเป็นโซน ๆ เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย สำหรับการเดินทางไปประเทศมอลตา ตอนนี้ยังไม่มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ แต่สามารถต่อเครื่องบินได้ จากเมืองใหญ่ ๆ หลายเมืองในยุโรป แป๋มแวะเปลี่ยนเครื่องขาไปที่ฝรั่งเศส และขากลับที่สเปน เลยได้ไปเที่ยวต่อที่เมือง San Sebastian ประเทศสเปน เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังในฉบับหน้านะคะ

OUR INFLUENCER
คุุณปิยะดา ปุณณกิติเกษม
เจ้าของเพจ PPGALLERY (พีพีแกลเลอรี่) ในช่องทาง
Instagram: @ppgallery
และ Facebook: PPGALLERY

www.ppgallery.net

____________________________________________

อ่าน AROUND MAGAZINE ย้อนหลังทั้งหมด ได้ ที่นี่