หอมกรุ่นกลิ่นลาเวนเดอร์บานสะพรั่ง ที่ “โพรวองซ์”
Lavender Field in Provence : France
ภาพทุ่งดอกลาเวนเดอร์อันกว้างใหญ่ ที่ผลิบานสะพรั่งในเดือนมิถุนายน – กรกฎาคมของทุกปี เป็นเป้าหมายหลักในการมาเที่ยวทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศสในครั้งนี้
แคว้นโพรวองซ์ (Provence) มีสภาพภูมิประเทศเป็นเนินเขาสูง เขตผืนดินเชื่อมระหว่างเทือกเขาแอลป์และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีธรรมชาติอันงดงาม อากาศบริสุทธิ์ ทำให้อาชีพหลักของคนที่นี่ส่วนใหญ่ปลูกทุ่งดอกลาเวนเดอร์กันในช่วงฤดูร้อน และยังมีการปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์ เป็นพืชเศรษฐกิจอันดับสอง เมืองนี้จึงขึ้นชื่อเรื่องไวน์ดีและอาหารอร่อย ทริปนี้แป๋มเดินทางระหว่างเมืองด้วยรถไฟความเร็วสูง (TGV) เริ่มจากปารีส แวะพักที่เมือง Lyon, Avignon และ Aix en Provence
การเที่ยวทุ่งลาเวนเดอร์สามารถไปได้ 2 วิธี คือ ซื้อทัวร์แบบรายวัน หรือเช่ารถขับเอง เพราะทุ่ง Valensole ซึ่งเป็นแหล่งปลูกดอกลาเวนเดอร์ที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศสอยู่ค่อนข้างไกล ไม่สามารถเดินทางโดยรถสาธารณะได้ แป๋มเลือกซื้อทัวร์แบบรายวันตามสถานที่ที่เราอยากไป ตารางเลยอัดแน่นตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ซึ่งข้อดีของการซื้อทัวร์คือ ไม่ต้องเสียเวลาหาที่จอดรถ และมีไกด์คอยให้ข้อมูล ประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ แถมยังควบตำแหน่งช่างภาพจำเป็นให้อีกด้วย
นั่งรถจาก Avignon ประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็มาถึง Lavender Field in Valensole ทุ่งลาเวนเดอร์ชื่อดังที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส ภาพที่เห็นคือทุ่งสีม่วงพริ้วไสว มองไปไกลสุดลูกหูลูกตา ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณนั้น เห็นแล้วอยากจะลองไปทิ้งตัวนอนดูซะเหลือเกิน ดอกลาเวนเดอร์จะเริ่มบานในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ไปจนถึงต้นเดือนสิงหาคม ช่วงบานเต็มที่จะอยู่ที่สองสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม ซึ่งตรงกับช่วงที่ไปพอดี แถมยังได้พบทุ่งดอกทานตะวันดอกโต ออกดอกบานสะพรั่งในพื้นที่ทุ่งลาเวนเดอร์อีกด้วย ต้องยกเครดิตให้พี่ไกด์ที่พามา ทำเอาถ่ายรูปไม่หยุดจนตัวดำปี๋เลยค่ะ เพื่อนๆ อย่าลืมทาครีมกันแดดหนาๆ ไปนะคะ แดดที่นี่เปรี้ยงมากค่ะ
นอกจากนั้นยังจะได้ชมขั้นตอนการปลูกดอกลาเวนเดอร์ และสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นของที่ระลึกได้ในแหล่งผลิต ไม่ว่าจะเป็นสบู่ โลชั่น เทียนหอม น้ำมันหอมระเหย ช้อปปิ้งเพลินไปหน่อย รู้ตัวอีกทีตอนแบกกระเป๋าเดินทางกลับ ไหล่แทบทรุดเลยค่ะ ระหว่างที่นั่งรถผ่านเห็นโรงงาน L’Occitane แบรนด์ฝรั่งเศสชื่อดัง ถ้าใครมีเวลา สามารถไปทัวร์โรงงานได้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่ต้องนัดเวลาล่วงหน้าไปก่อนนะคะ
สถานที่ต่อมา เมืองกอร์ด (Gordes) ตั้งอยู่บนยอดเขาแถบเทือกเขาลูเบอรอง (Luberon) เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโพรวองซ์ บริเวณถนนก่อนเข้าหมู่บ้าน มีจุดชมวิวที่เราสามารถเห็นหมู่บ้านได้แบบเต็มๆ บ้านเรือนมีการเรียงตัวลดหลั่นกันตามแนวเขา โดยที่บ้านแต่ละหลังถูกสร้างขึ้นจากการนำหินมาวางซ้อนกัน โดยไม่ใช้อะไรเชื่อมเลย เป็นวิวที่สวยงามมาก
หมู่บ้าน Gordes หมู่บ้านหินโบราณที่สวยที่สุดในโพรวองซ์ มีศิลปินชื่อดังอย่าง แวนโก๊ะห์ (Vincent Van Gogh) ที่เคยมาปักหลักสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เช่น ภาพดอกทานตะวัน (Sunflowers) ภาพห้องนอนที่อาร์ล (Bedroom in Arles) ภาพร้านกาแฟตอนกลางคืน (Night Cafe)
โบสถ์แอ็บบีเดอซีนอคค์ (Abbaye de Senanque) เป็นภาพยอดนิยมที่ปรากฎอยู่บนโปสการ์ดของประเทศฝรั่งเศส มีทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วงปลูกเป็นแปลงอยู่ด้านหน้าของโบสถ์ ดอกไม้จะเริ่มบานสะพรั่งตั้งแต่เดือนมิถุนายน ซึ่งทั้งหมดจะถูกเก็บเกี่ยวในวันชาติของประเทศฝรั่งเศส ตรงกับวันที่ 14 กรกฎาคม ของทุกปี แนะนำให้ไปต้นเดือนกรกฎาคม เพราะถ้าไปช่วงอื่นอาจเจอเป็นทุ่งเขียวชอุ่ม ที่ดอกยังไม่บาน หรือโดนตัดเกลี้ยงไปแล้วก็เป็นได้
นั่งรถยาวไปต่อกันที่ปง ดูว์ การ์ (Pont du Gard) หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวโรมันสร้างเมื่อ 2,000 ปีมาแล้ว เป็นสะพานส่งน้ำโบราณสร้างโดยจักรวรรดิโรมัน พาดผ่านแม่น้ำการ์ดง เพื่อส่งน้ำระหว่างเมืองอูว์แซ็ส (Uzès) และเมืองนีม (Nîmes) มีระยะทางยาวกว่า 50 กิโลเมตร สามารถส่งน้ำได้ 34.8 ล้านลิตรต่อวัน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO เมื่อปี 1985
ปิดท้ายด้วยการไปเยี่ยมชมขั้นตอนการผลิต และชิมไวน์ (Wine Tasting) ที่ไร่ไวน์ชื่อดัง Chateauneuf du Pape ของแคว้น Rhône เน้นผลิตไวน์แดงรสชาติหนักแน่น และเข้มข้น ปิดจ๊อบทัวร์มาราธอนที่คุ้มค่ามากค่ะ
Story and Photos by Blogger
คุณปิยะดา ปุณณกิติเกษม
เจ้าของเพจ PPGALLERY (พีพีแกลเลอรี่)
ติดตามได้ในช่องทาง Instagram: @ppgallery และ Facebook: PPGALLERY และ www.ppgallery.net