เดือนนี้แป๋มขอพาเพื่อน ๆ นั่งรถชมวิวเรียบชายฝั่งทะเล 2 ชั่วโมงครึ่ง จาก เมือง Dubrovnik ประเทศโครเอเชีย ไปที่ เกาะ Sveti Stefan ประเทศมอนเตเนโกร เกาะส่วนตัวที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล มีสะพานเชื่อมมาบน Mainland ซึ่งที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ โรงแรมอามัน สเวติ สเตฟาน (Aman Sveti Stefan Hotel) ที่เราจะไปพักกันอีกด้วย

ระหว่างทางแวะรับประทานข้าวเดินเล่นที่ เมืองกอเตอร์ (Kotor) เมืองเก่าแก่ชายฝั่งทะเลและเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญในอดีต เลยมีการสร้างกำแพงยาวและใหญ่มากล้อมรอบเมืองเพื่อป้องกันการโจมตีของศัตรู ปัจจุบันข้างในเป็นร้านค้า ร้านอาหาร โบสถ์โบราณโดย UNESCO จัดให้เป็นมรดกโลก ตั้งแต่ปี 1979 ด้านนอกกำแพงจะมีเรือสำราญขนาดใหญ่มาจอดเทียบท่า เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาชื่นชมความสวยงาม

จากนั้นเราเดินทางต่อไปที่ โรงแรมอามัน สเวติ สเตฟาน (Aman Sveti Stefan Hotel) ซึ่งห้องพักของโรงแรมนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน ห้องพักส่วนแรก 50 ห้องตั้งอยู่บนเกาะ Sveti Stefan แต่ละห้องจะมีรูปแบบ ขนาด เอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำกัน โครงสร้างภายนอกยังเก็บรูปทรงดั้งเดิมไว้ตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 15 ด้านในรีโนเวทเป็นแนวหิน ๆ เรียบหรูทันสมัย รู้สึกคล้ายกับอยู่ในถ้ำ ห้องที่พัก Villa 38 มีระเบียงขนาดใหญ่ ให้นั่งเล่นพักผ่อนชมวิวทะเลได้ บนนี้ยังมีร้านอาหาร สระว่ายน้ำ ฟิตเนส โบสถ์ ทางโรงแรมเล่าว่าหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นเพิ่งจะมีคนไทยเหมาปิดเกาะ 3 วัน เพื่อจัดงานแต่งงาน 

มาที่ห้องพักส่วนที่สอง ตั้งอยู่บน Mainland หรือแผ่นดินใหญ่ริมชายทะเล ฝั่งนี้ชื่อว่า Villa Milocer เป็น Suite ทั้งหมด 8 ห้อง ซึ่งเคยเป็นที่ประทับช่วงฤดูร้อนของ Queen Marija ในอดีต แป๋มพักที่ ห้อง Queen Marija Suites (Suites8) ห้องพักขนาดใหญ่มาก แบ่งสัดส่วนเป็นห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหารและระเบียงหน้าบ้าน แต่จะมองไม่เห็นทะเล ตกแต่งโทนไม้ เรียบหรู คลาสสิก อีกความประทับใจคืออาหารเช้า ที่รวมมากับค่าห้องพัก มีเมนูหลากหลาย ใช้วัตถุดิบคุณภาพดีมาก ปรุงอร่อยทุกจาน โดยเฉพาะขนมปังและแยมโฮมเมด 8 รสชาติ ที่อร่อยทุกรสจนแทบวางไม่ลง

ทะเลที่นี่สวยมาก สะอาด น้ำใส มีชายหาดยาว ตอนเช้าได้มาวิ่งออกกำลังกาย สูดอากาศสดชื่น แล้วลองจุ่มตัวลงไปเล่นน้ำทะเลนิดหนึ่ง รีบขึ้นแทบไม่ทัน เพราะน้ำเย็นมากใครที่ชอบพักผ่อนแบบเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว มาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน

ตอนที่ไปช่วงปลายเดือนกันยายนปี 2019 ที่รีสอร์ทกำลังเคลียร์พื้นที่บนเกาะเพื่อปิดในช่วงฤดูกาลที่น้ำขึ้นสูงของทุก ๆ ปี น้ำท่วมสะพานจนไม่สามารถสัญจรได้ และจะกลับมาเปิดให้เข้าพักได้อีกครั้งในเดือนกรกฎาคมของปีถัดไป เท่ากับว่าที่พักบนเกาะสามารถจองพักได้ทั้งปีแค่สองเดือนกว่าเท่านั้น ส่วนห้องพักฝั่ง Villa Milocer ยังคงเปิดให้เข้าพักได้ตลอดทั้งปี ทริปนี้แป๋มจองห้องพักด้วย บัตรเครดิต Citi Ultima (Metal) ด้วยอภิสิทธิ์การจอง 1 คืนแถม 1 คืน ฟรีอาหารเช้า ฟรีอัพเกรดห้องพัก และได้เครดิตอีก 25 USD ไว้ใช้จ่ายอะไรก็ได้ในโรงแรม คืนที่แถมชำระค่าภาษีและเซอร์วิสชาร์จเท่านั้น

นั่งรถจากโรงแรมไป 15 นาที ก็จะเข้าไปในตัว เมืองบุดวา (Budva) เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตของมอนเตเนโกร โดยเฉพาะหน้าร้อน นักท่องเที่ยวจะไปเล่นน้ำ อาบแดด เที่ยวชมเขตเมืองเก่า ถ้าไปตอนเย็นก็จะเห็นร้านอาหาร ผับบาร์ เรียงรายไปตามชายหาด มีเรือดำน้ำให้ซื้อตั๋วพาลงไปดูทะเลใต้น้ำยามค่ำคืน ลงไปแล้วเห็นแต่พื้นทรายกับปลาไม่กี่ตัวค่ะ

ขากลับเราต้องเดินทางไปสนามบิน เลยแวะเที่ยว กรุงพอดกอรีตซา (Podgorica) เมืองหลวงของมอนเตเนโกร ศูนย์รวมความเจริญและความทันสมัยของประเทศ แต่คนไม่เยอะ เพราะส่วนใหญ่คนนิยมไปเที่ยวเมืองอื่น โชคดีได้คุณป้าคนขับแท็กซี่พาเที่ยวชมเมือง รับประทานข้าว ขอพรที่โบสถ์ ก่อนไปสนามบิน ใครจะไปลองติดต่อไปได้นะคะ (Jobanka +382 68 552046) ราคาไม่แพง แถมใจดีด้วย

ปิดท้ายด้วยร้านอาหารแนะนำของเมืองนี้ Restaurant Konoba Demizana และ Langust Restaurant ที่จะเอาปลา กุ้ง หอย ที่ได้มาสด ๆ ในวันนั้น (Catch of the day) ให้พนักงานใส่ถาดมาให้ดู ส่วนใหญ่จะเป็นปลาท้องถิ่น พอเราเลือกวัตถุดิบเสร็จเขาจะคิดให้ว่าเอาไปปรุงแบบไหน ส่วนใหญ่จะเน้นปรุงปิ้งย่างแบบง่าย ๆ แต่อร่อยทุกจานค่ะ

OUR INFLUENCER
คุณปิยะดา ปุณณกิติเกษม
เจ้าของเพจ PPGALLERY (พีพีแกลเลอรี่่)

ในช่องทาง
Instagram: @ppgallery
และ Facebook: PPGALLERY
www.ppgallery.net

…………………………………………………………………..

คลิกอ่านฟรี! AROUND MAGAZINE ฉบับ 140 ที่นี่

หรือเลือกอ่าน AROUND MAGAZINE ย้อนหลังทั้งหมด ได้ ที่นี่