ท่องเมืองตากอากาศ San Sebastián ทางตอนเหนือของสเปน และแลนด์มาร์กอาหารระดับมิชลิน ไปกับ PPGALLERY
เดือนนี้พามาเที่ยวต่อกันที่ เมืองซาน เซบาสเตียน (San Sebastian) หรือ Donostia เมืองตากอากาศบนชายฝั่งทะเลทางตอนเหนือของประเทศสเปน ที่นอกจากนักท่องเที่ยวจะนิยมมาเล่นน้ำ อาบแดดแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมร้านอาหารชื่อดังมากมาย ที่บรรดานักชิมจากทั่วทุกมุมโลกต้องหาโอกาสมาเยือนสักครั้ง
หากนำพื้นที่ของเมือง หารด้วยจำนวนดาวจากรางวัล Michelin Star ทั้งหมดที่ได้รับ ที่นี่จัดเป็นเมืองที่ได้ดาวต่อตารางเมตรมากที่สุดในโลกเลยทีเดียว (Michelin star per capita) แค่นี้ก็พอจินตนาการได้ว่าร้านอาหารเด็ด ๆ ในเมืองนี้จะมีเยอะขนาดไหน
แป๋มเดินทางจากประเทศมอลต้าด้วย สายการบิน Air Malta แวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองมาดริด และเดินทางต่อด้วย สายการบิน Iberia มาลงที่เมืองซาน เซบาสเตียน เราเลือกเดินทางด้วยการเช่ารถขับเอง เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปร้านอาหารบางร้านที่ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง รับรถที่สนามบินแล้วก็ขับตรงมาเช็กอินที่ Hotel Maria Cristina ใช้เวลาประมาณ 25 นาที (โรงแรมมีบริการ Valet Parking ค่าจอดรถคืนละ 47.67 ยูโร)
เราจองโรงแรมโดยใช้สิทธิประโยชน์ของ บัตร Citi UOB Ultima (Metal) พัก 1 คืนฟรี 1 คืน (เฉพาะโรงแรมที่เข้าร่วม) พร้อมฟรีอาหารเช้า ที่มีของโปรดเป็น Iberico Ham ให้รับประทานแบบไม่อั้น มีเครดิตแทนเงินสด 25 USD สำหรับใช้จ่ายในโรงแรม แถมห้องพักได้อัปเกรดฟรีเป็นห้อง Suites (No. 328) ตัวห้องขนาดใหญ่ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องรับแขก มีประตูกั้นเป็นสัดส่วน เตียงนอนขนาดใหญ่กว่าปกติ แถมของใช้ในห้องน้ำยังน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นไดร์เป่าผม Dyson หรือ Hotel Amenity ของ Acqua di Parma เรียกว่ามาตรฐานเทียบเท่าโรงแรม 5 ดาวระดับท็อปเลยทีเดียว
เก็บของเสร็จก็เริ่มต้นเดินสายกินตามร้านอาหาร ฉบับนี้จะขอเน้นเป็นลิสต์ร้านอาหารและจานเด็ดแนะนำ เริ่มต้นด้วยอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ คือ พินโชส์ (Pintxos) ที่เอาขนมปังชิ้นเล็ก ๆ แต่งหน้าด้วยผัก กุ้ง ชีส แฮม แองโชวี่ หรือวัตถุดิบท้องถิ่นมาเสิร์ฟเป็นอาหารจานเล็ก ๆ แบบ Tapas มีทั้งแบบที่ทำเตรียมไว้แล้ว ให้เข้าไปเลือกได้เลย แต่ละคำจะมีไม้ปักยึดท็อปปิงกับขนมปังไว้ เวลาคิดเงิน ก็จะนับไม้ที่กินแล้ว หรือบางร้านก็จะทำเสิร์ฟร้อน ๆ ตามเมนูที่เราสั่ง
พินโชส์ บาร์ ส่วนมากจะเป็นร้านเล็ก ๆ ลูกค้าจะเข้าไปยืนรับประทานที่เคาน์เตอร์ 2-3 จาน ดื่มไวน์นิดหน่อยเเล้วก็ออกไปต่อร้านอื่น กินแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะอิ่ม แป๋มลองชิมแบบจานละคำ กินได้คืนละ 3 ร้าน ก็จุกแทบเดินไม่ไหวแล้วค่ะ
แนะนำ La Cuchara de San Telmo ร้านที่คนแน่นตลอดทั้งคืน พินโชส์เป็นแบบสั่งออร์เดอร์แล้วค่อยทำ ตอนสั่งพนักงานจะถามว่าเอาแบบพินโชส์ หรือ main course คือจะเอาเป็นจานเล็กหรือจานใหญ่ เป็นร้านที่ไม่มีโต๊ะนั่ง ให้ลูกค้ายืนกินตรงเคาน์เตอร์ รีบกินรีบไป เมนูเด็ดคือ Iberian pig ears, octopus, risotto และ foie gras
ต่อด้วย Asador Etxebarri ร้านที่ดังที่สุดในเมืองนี้ ต้องจองล่วงหน้าประมาณ 3-6 เดือน เชฟจะเน้นใช้อาหารทะเลท้องถิ่นสดใหม่ตามฤดูกาล ย่างด้วยเตาถ่านที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน รสชาติเรียบ ๆ ไม่ปรุงแต่งเยอะ แต่อร่อยมากทุกจาน แนะนำสั่งแบบ tasting menu จะได้กินเมนูเด็ดจานเล็ก ๆ แทบจะครบทั้งเมนู คุ้มกว่าสั่ง A La Carte (ร้านนี้ต้องขับรถจากโรงแรมไปประมาณ 1 ชั่วโมง)
Elkano เป็นอีกร้านที่จองยากไม่แพ้กัน มีเมนูเด็ดเป็นปลา Turbot สด ๆ ขนาดใหญ่ ใครจองได้ไม่ควรพลาด ส่วน Sagastume 1939 ร้านอาหารทะเลสด ๆ ราคาย่อมเยาว์ เดินจากโรงแรมไป 5 นาที เป็นเหมือนร้านขายส่งอาหารทะเลสด มีทั้งให้เลือกบนน้ำแข็งและว่ายน้ำอยู่ในตู้ เมนูแนะนำเป็น กุ้งแดง carabineros (ในเมืองไทยมีแต่แบบแช่แข็ง) Percebes หรือเพรียงคอห่าน (ในเมืองไทยมีแต่แบบดอง) เวลากินต้องแกะเปลือก (ระวังน้ำจากตัวหอยกระเด็นเลอะเสื้อ) ใครวางแผนจะไปลองร้านนี้ ควรพกน้ำจิ้มซีฟู้ดจากเมืองไทยมาด้วยค่ะ
เมืองนี้มีร้านอาหารที่ได้รับรางวัล Michelin Star 3 ดาวถึง 3 ร้าน ซึ่งเราจองไป 1 ร้าน คือ Akelare อยู่ในโรงแรมสุดหรูในเครือ Relais & Chateaux ล้อมรอบด้วยกระจก มองไปเห็นวิวทะเลแบบพาโนราม่า
ที่นี่เสิร์ฟอาหารแบบ Tasting Menu เน้นใช้อาหารทะเลสด ๆ มาเสิร์ฟแบบ Fine Dining (ไม่มีเมนู A La Carte) ปิดท้ายด้วย La Viña ร้านในตำนาน ต้นกำเนิดสูตรชีสเค้กหน้าไหม้ (Basque Burnt Cheesecake) ที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก
ช่วงเช้าหลังรับประทานอาหาร แป๋มจะออกไปวิ่งแถวโรงแรม เตรียมพร้อมก่อนไปรับประทานอาหารเที่ยง ช่วงที่ไปเดือนพฤศจิกายน 2022 อากาศเย็นกำลังดี ฟ้าใส คนออกมาวิ่งเต็มเลย ใครจะไปแนะนำติดรองเท้าวิ่งไปเผื่อด้วยนะคะ
OUR INFLUENCER
คุุณปิยะดา ปุุณณกิติเกษม
เจ้าของเพจ PPGALLERY (พีพีแกลเลอรี่) ในช่องทาง
Instagram: @ppgallery
และ Facebook: PPGALLERY
www.ppgallery.net