“ทราเวลบับเบิล” ไม่ต้องกักตัวในบางประเทศ มิติใหม่ของการท่องเที่ยวยุค New Normal
Travel Bubble : Travel in The New-Normal
ต้อนรับกันด้วยข่าวดีแห่งปี 2020 จากการไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศไทยติดต่อกันมานานกว่า 1 เดือนแล้ว มาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ต่างๆ ทำให้เราใช้ชีวิตประจำวันได้คล่องตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกลับไปทำงานในออฟฟิศ ออกไปกินข้าวนอกบ้าน ช้อปปิ้งซื้อของในห้างฯ หรือแม้แต่การเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด นอกจากนี้สถานการณ์ในหลายประเทศก็เริ่มคลี่คลายลง สายการบินต่างๆ วางแผนจะกลับมาให้บริการอีกครั้ง รัฐบาลจึงมีนโยบายการจัดระเบียบการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ โดยไม่ต้องกักตัวในบางประเทศ หรือที่เรียกว่า “ทราเวลบับเบิล” (Travel Bubble)
“ทราเวลบับเบิล” คือ การจับคู่ด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศที่มีความมั่นใจในความปลอดภัยของเชื้อโควิด-19 โดยจะมีการตกลงกันระหว่างรัฐบาลของแต่ละประเทศ ในการให้สิทธิพิเศษของการเดินทางเข้า-ออกระหว่างกันได้โดยไม่ต้องมีการกักตัว 14 วัน แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มข้น โดยทราเวลบับเบิลจะทำได้ก็ต่อเมื่อประเทศคู่ตกลงไม่มีผู้ติดเชื้อแล้ว หรือมีจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวนน้อยใกล้เคียงกัน รวมถึงมีการจัดการที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพเท่าๆ กัน เช่น การตรวจเช็คสุขภาพทั้งจากประเทศต้นทางและปลายทาง ว่าผู้ที่เดินทางมานั้นปลอดจากโรคจริง ต้องซื้อประกันสุขภาพ ครอบคลุมช่วงเวลาที่อยู่ในประเทศปลายทาง รวมถึงมีการใช้แอปพลิเคชันติดตามตัวตลอดระยะเวลา และที่สำคัญคือต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดการเดินทางด้วย
สำหรับกลุ่มเป้าหมายแรกที่คาดว่าจะให้เริ่มเดินทาง เป็นนักธุรกิจและผู้ที่เข้ามาใช้บริการทางการแพทย์และสุขภาพ แต่ไม่ใช่กรณีเข้ามาเพื่อรักษาโควิด-19 ในประเทศไทย เมื่อดำเนินการสักระยะหนึ่งและสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ดี จึงจะพิจารณาให้นักท่องเที่ยวทั่วไปที่เดินทางมาเป็นกลุ่มขนาดเล็ก หลังจากนั้นถึงจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระอย่างเรา ซึ่งมีหลายประเทศแสดงความสนใจที่จะทำข้อตกลงนี้กับประเทศไทย โดยประเทศเป้าหมายในระยะแรก ประกอบด้วย จีน (รวมฮ่องกง มาเก๊า) เวียดนาม ลาว กัมพูชา พม่า ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศในตะวันออกกลางบางประเทศ ซึ่งในขณะนี้ ประเทศจีน และญี่ปุ่น ได้ส่งหนังสืออย่างเป็นทางการ และระบุรายละเอียดการดำเนินงานมาถึงแล้ว แต่ยังอยู่ในช่วง “กำลังพิจารณา”
“ญี่ปุ่น” หนึ่งในประเทศยอดฮิตของนักท่องเที่ยวไทย ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป แถมยังไม่ต้องขอวีซ่าอีกด้วย เราลองมาดูกันว่าหลังจากช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้ต้องประกาศเปิดๆ ปิดๆ เมืองอยู่หลายครั้ง จนตอนนี้ได้ประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศแล้ว แต่ยังคงห้ามเที่ยวบินพาณิชย์ (ที่ไม่จำเป็น) ทำการบินอยู่จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน สถานที่ท่องเที่ยว สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะเริ่มกลับมาเปิดให้บริการใหม่อีกครั้ง นักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์แปลกใหม่จากการไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้ เช่น “การเที่ยวสวนสนุก” ขอให้ห้ามกรี๊ดบนรถไฟเหาะ ห้ามกรี๊ดในบ้านผีสิง และผีที่อยู่ในบ้านผีสิงก็ต้องรักษาระยะห่างจากผู้เล่นด้วย
การขึ้นไปชม “โตเกียว ทาวเวอร์” (Tokyo Tower) ก็ห้ามใช้ลิฟต์โดยสาร เท่ากับว่าใครมาช่วงนี้ต้องเดินออกกำลังกายขึ้นบันได 600 ขั้น ไปชั้น Main Deck บนความสูง 150 เมตร และหลังจากชมวิวเสร็จ ก็ต้องเดินลงบันไดกลับลงมาเช่นกัน
ส่วนร้านซูชิ Omakase ขั้นเทพหลายร้าน ที่ปกติจะปั้นเสิร์ฟให้ลูกค้าบนเคาน์เตอร์ทีละคำ ก็หันมาขายอาหารแบบ Take Away เป็นข้าวกล่อง (Bento Box) หรือข้าวหน้าปลาดิบรวม (Chirashi) ในราคาย่อมเยาว์ เข้าถึงได้มากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะถูกปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ เวลานั้น
เทรนด์ท่องเที่ยวใหม่ หลังโควิด-19 ที่คุณอลิซาเบธ โมนาฮัน โฆษกของเว็บไซต์ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง TripAdvisor ได้เปิดเผยกับ CNBC ว่านักท่องเที่ยวจะเลือกเที่ยวที่ใกล้บ้าน ไปกินอาหารท้องถิ่น และเลือกเที่ยวในประเทศก่อนจะเดินทางไปต่างประเทศโดยให้ความสำคัญกับ “ที่พักที่สะอาด” โดยดูจากความคิดเห็นของลูกค้าที่เคยเข้าพักมาก่อน “ที่พักประเภทวิลล่าหรือบ้านพักส่วนตัวจะเพิ่มมากขึ้น มีความยืดหยุ่นในการเข้าพักสูง” หรือเรียกว่ายกเลิกได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
“การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ” ไม่ว่าจะเที่ยวซาฟารีหรือการเข้าป่า สัมผัสกับธรรมชาติ จะได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคต การท่องเที่ยวแบบ “Road Trip” จะกลายเป็นสิ่งที่คนนิยม เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยเครื่องบิน ที่จะต้องเจอกับคนจำนวนมาก และยังสามารถเปลี่ยนแผนได้ตลอดเวลาด้วย
ข้อสุดท้ายคือการเลือก “Travel Agency” หรือที่ปรึกษาด้านท่องเที่ยว ในการจองที่พักและตั๋วเครื่องบิน เพื่อช่วยจัดการปัญหาต่างๆ ให้ง่ายขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมา หลายๆ คน รวมทั้งแป๋มเองก็ต้องติดต่อประสานขอเลื่อนหรือคืนเงินจากทริปที่ไม่ได้เดินทางด้วยตัวเอง แม้ว่า “ทราเวลบับเบิล” ในเมืองไทยจะยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา แต่คาดว่าจะสามารถเริ่มใช้จริงในปลายปีนี้หากมีอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในยุค New Normal แป๋มจะมาอัพเดทเพิ่มเติมนะคะ
***************************
Our Blogger
คุณปิยะดา ปุณณกิติเกษม
เจ้าของเพจ PPGALLERY (พีพีแกลเลอรี่) ในช่องทาง
Instagram: @ppgallery และ Facebook: PPGALLERY
www.ppgallery.net