ครั้งนี้แป๋มขอเอาทริปดูบอลยูโร (UEFA Euro 2016 Final) นัดชิงชนะเลิศแบบติดขอบสนามเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ที่ประเทศฝรั่งเศส มาปัดฝุ่นเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกันนะคะ แต่ก่อนจะไปถึงสนามฟุตบอล ก็ขอแวะเที่ยวเมืองใกล้ๆ เพื่อความคุ้มค่าก่อนค่ะ แป๋มเริ่มต้นที่ เมืองบาร์เซโลน่า (Barcelona) ประเทศสเปน เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ความหลากหลายทางสถาปัตยกรรม อย่าง ซากราดา ฟามีเลีย (Sagrada Familiar) มหาวิหารคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เอกลักษณ์คู่บ้านคู่เมืองสวยงามยิ่งใหญ่อลังการ

ก่อนจะข้ามมาที่ แคว้นโพรวองซ์ (Provence) ตอนใต้ของฝรั่งเศส ด้วยรถไฟความเร็วสูง (TGV) เพียง 4 ชั่วโมงครึ่ง แถวนี้มีจุดท่องเที่ยวแนะนำหลายที่ โดยเฉพาะไฮไลท์ในช่วงฤดูร้อน กับทุ่งดอกลาเวนเดอร์อันกว้างใหญ่ ที่ผลิบานสะพรั่งในเดือนมิถุนายน – กรกฎาคมของทุกปี

Valensole เป็นแหล่งปลูกดอกลาเวนเดอร์ที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส ภาพที่เห็นคือทุ่งสีม่วงพริ้วไสว มองไปไกลแบบสุดลูกหูลูกตา ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณนั้น หรือจะไป โบสถ์แอ็บบีเดอซีนอคค์ (Abbaye de Senanque) ภาพยอดนิยมที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ดของประเทศฝรั่งเศส มีทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วงปลูกเป็นแปลงอยู่ด้านหน้าของโบสถ์ ก็สวยไม่แพ้กัน ต่อกันที่ เมืองกอร์ด (Gordes) จุดชมวิวที่เราสามารถเห็นหมู่บ้านได้แบบเต็มๆ บ้านเรือนมีการเรียงตัวลดหลั่นกันตามแนวเขา โดยที่บ้านแต่ละหลังถูกสร้างขึ้นด้วยการนำหินมาวางซ้อนกัน โดยไม่ใช้อะไรเชื่อมเลย

จากนั้นนั่งรถยาวไปต่อกันที่ ปง ดูว์ การ์ (Pont du Gard) หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวโรมันสร้างเมื่อ 2,000 ปีมาแล้ว เป็นสะพานส่งน้ำโบราณสร้างโดยจักรวรรดิโรมัน พาดผ่านแม่น้ำการ์ดง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO เมื่อปี 1985 ปิดท้ายด้วยการกินอาหารที่ Maison Paul Bocuse ร้านอาหารฝรั่งเศส ในตำนานอยู่ชานเมืองของลียง (Lyon) ได้รับดาวมิชลิน 3 ดาว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1965 จนถึงปัจจุบัน นับเป็นร้านที่ครองรางวัล 3 ดาวยาวนานที่สุดในโลก

แล้วก็มาถึงจุดหมายปลายทางที่เมืองปารีส การแข่งขันจัดขึ้นที่ สนามกีฬาแห่งชาติ Stade de France ในเมือง Saint Denis ทางเหนือของปารีส เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2016 ครั้งนั้นทีมที่ผ่านเข้าไปชิงแชมป์คือ โปรตุเกส และฝรั่งเศส สนามจุผู้ชมได้กว่า 80,000 คน ซึ่งฟุตบอลยูโรจะจัดขึ้นทุก 4 ปี โดยสมาคมฟุตบอลยุโรป (UEFA) และจะห่างจากการแข่งขันฟุตบอลโลกของ FIFA 2 ปี

บรรยากาศในเมืองกำลังครึกครื้น ช่วงบ่ายในวันที่มีแข่ง ร้านอาหารต่างๆ ก็จะเปิดทีวีให้คนมานั่งเชียร์ มองไปทางไหนก็มีแต่คนใส่เสื้อบอลประเทศต่างๆ แป๋มเลยต้องซื้อเสื้อบอลทีมฝรั่งเศส สกรีนชื่อ และเบอร์ของนักฟุตบอลในดวงใจ “Griezmann” เบอร์ 7 เอาไว้ใส่ไปถ่ายรูปสวยๆ ตัวละประมาณ 7,000 บาท เห็นราคาแล้วต้องยืนทำใจแป๊ปนึง ก่อนวันแข่ง 1 วัน แป๋มย้ายไปพักใน โรงแรม Ibis Saint-Denis ใกล้ๆ สนาม เพราะกลัวแข่งเสร็จแล้วจะเดินทางเข้ากลางเมืองลำบาก เมื่อเข้าไปในห้องพักจะมีลูกฟุตบอล ลูกอม ของเล่น ของตกแต่งที่ทำมาพิเศษ ให้เรานำกลับบ้านเป็นที่ระลึก การแข่งขันเริ่ม ตอน 21.00 น. แต่ประตูจะเปิดให้เข้าก่อน 3 ชั่วโมง ผู้ชมทยอยเดินเข้าสนามอย่างเป็นระเบียบ ไปเดินเล่นถ่ายรูป พอใกล้เวลาแข่งขันทุกคนก็ไปที่นั่งตัวเอง ไม่วุ่นวายรู้สึกโล่งใจ ต่างจากตอนไปดูบอลโลกที่ประเทศบราซิล

เมื่อปี 2014 ที่ต้องระวังตัวและข้าวของตลอดเวลา ตั๋วที่นั่งอยู่ Row 1 Seat 9 เรียกว่าขอบสนามจริงๆ เพราะเป็นผู้ชมแถวแรก แถมแป๋มและเพื่อนอีก 3 คน ยังใส่เสื้อทีมฝรั่งเศสเหมือนกันหมด จนนักข่าวแถวนั้นมาขอถ่ายรูปยืนเรียง 4 คน เราเลยยื่นกล้องให้เขาถ่ายจากในสนามกลับขึ้นมาทางอัฒจรรย์ให้บ้าง

ก่อนเริ่มเตะจะมีการแนะนำนักเตะทีละคนให้แฟนๆ ได้กรี้ดกร้าด การแข่งขันดำเนินไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็เกิดเรื่องไม่คาดคิด นักเตะคนสำคัญทีมโปรตุเกส “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” ได้รับบาดเจ็บมากจนเล่นต่อไม่ได้ ต้องหามออกนอกสนาม แต่ในที่สุดตัวสำรองของโปรตุเกส ก็สามารถทำประตูชัย ด้วยคะแนน 1-0 คว้าแชมป์ยูโรได้เป็นครั้งแรก

ส่วน “อองตวน กรีซมันน์” นักเตะทีมฝรั่งเศส ก็คว้ารางวัลรองเท้าทองคำ ในฐานะผู้ทำประตูได้มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ จากนั้นก็เป็นพิธีปิดการแข่งขันอย่างสวยงามและน่าประทับใจ วันรุ่งขึ้นแป๋มเดินทางเข้าปารีส อยู่เที่ยวต่ออีก 2 – 3 วัน ก่อนกลับกรุงเทพฯ เสียดายมากที่ปีนี้ไม่มีไปรษณียบัตรทายผลบอลยูโรให้ลุ้นรางวัล ไว้รอส่งอีกครั้งของฟุตบอลโลกปีหน้าก็ได้ค่ะ

————————————————–

OUR INFLUENCER

คุณปิยะดา ปุณณกิติเกษม
เจ้าของเพจ PPGALLERY (พีพีแกลเลอรี่)

ในช่องทาง Instagram: @ppgallery, Facebook: PPGALLERY และ www.ppgallery.net