ชมแสงเหนือท่ามกลางป่าสนจากบนเตียงใน Glass Igloo ณ เมือง Lapland ประเทศฟินแลนด์
ช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา ได้เดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกในรอบ 2 ปีค่ะ แป๋มเลือกไป เมือง Lapland ประเทศฟินแลนด์ นอนดูแสงเหนือบนเตียงใน Glass Igloo ท่ามกลางป่าสนและหิมะขาวโพลน ที่นี่คนไม่เยอะมาก แถมมีกิจกรรมน่าตื่นเต้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การท่องป่ากับน้องหมาฮัสกี้ (Husky Safari), นั่งรถลากเลื่อนโดยกวางเรนเดียร์ (Reindeer-Pulled Sleigh), ขับ Snowmobile ชมธรรมชาติยามบ่าย หรือจะเล่นสกี ก็มี Slope ให้เลือกหลายที่ แล้วแต่ความถนัด
แลปแลนด์ (Lapland) ดินแดนในฝันที่สวยเหมือนหลุดเข้าไปในเทพนิยาย อยู่ทางเหนือของประเทศฟินแลนด์ ด้วยภูมิประเทศเป็นป่าสนหรือกึ่งอาร์กติก จึงทำให้ช่วงพีคของฤดูหนาว อุณหภูมิจะลดลงต่ำกว่า -30 องศาเลยทีเดียว ตอนนี้เป็นปลายฤดูกาลแล้ว อุณหภูมิอยู่ที่ -2 ถึง -9 องศา แดดจ้าทั้งวัน หนาวแบบกำลังดี แป๋มเดินทางด้วยสายการบิน Finnair ไปเปลี่ยนเครื่องที่ Helsinki และบินต่อไปที่สนามบิน Kittila จากนั้นรถของโรงแรมมารับไปส่งที่พัก (ค่ารถไป-กลับ 150 ยูโร/คัน) ส่วนการเดินทางในเมืองเราให้โรงแรมเรียกแท็กซี่เป็นครั้ง ๆ นั่งรถเข้าเมือง 10 นาที ประมาณ 35 ยูโร (Taxi Meter) จัดว่าราคาสูงอยู่ ส่วนการไปทำกิจกรรมไกล ๆ แนะนำให้จองแบบรวมรถรับส่งไปเลยจะคุ้มกว่า
เราพักที่ Golden Crown-Levin Igult ลักษณะที่พักจะเป็น Glass Igloo หรือกระท่อมทรงครึ่งวงกลม มีหลังคาโค้งเป็นกระจกใสทำให้เราสามารถนอนมองฟ้ารอดูแสงเหนือแบบพาโนราม่าได้ทั้งคืน เป็นเอกลักษณ์ของที่พักในแถบนี้ ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ เตียงนอนขนาดใหญ่ โซฟา ห้องน้ำพร้อมน้ำอุ่น ไปจนถึงตู้เย็น ไมโครเวฟ จานชามช้อนส้อม ต้มมาม่ารับประทานในห้องได้สบาย ที่สำคัญคือ อุณหภูมิอบอุ่น สบายเหมือนอยู่ห้องแอร์ที่บ้าน ใครชอบหิวดึก ๆ พกเสบียงไปเผื่อด้วยนะคะ โรงแรมนี้ไม่มี Room Service ค่ะ
อีกแรงบันดาลใจสำหรับทริปนี้คือ กิจกรรม Advanture ทั้งหลาย ทำให้การมาเที่ยว 4 คืน รู้สึกว่าน้อยไปเลย เริ่มจาก การท่องป่ากับน้องหมาฮัสกี้ (Husky Safari – 165 ยูโร/คน) พวกเรานั่งรถไปที่ฟาร์มสุนัขลากเลื่อน จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่พาไปเปลี่ยนชุด พร้อมสอนวิธีการบังคับทิศทาง และเหยียบคันเบรก ทุกคันจะมีคนขับหนึ่งคน ส่วนอีกคนนั่งอยู่บนเสลด โดยมีน้องหมาฮัสกี้ลาก 5 ตัว/คัน เราไปกันเป็นขบวน ดูวิวระหว่างทางสวยมาก ๆ หิมะขาวโพลน โอบล้อมด้วยป่าสนตลอดทาง ใช้เวลาลากประมาณ 45 นาที มีเพื่อนเตือนว่าระวังน้องหมาวิ่งไปอุจจาระ ไปเตรียมตัวหลบด้วย โชคดีที่ไม่ได้เจอสักก้อนเลยค่ะ เสร็จแล้วเขาจะให้ไปนั่งพักในกระท่อม จุดเตาผิง ดื่มชาเบอร์รี่ กับขนมปังขิงก่อนเดินทางกลับ
ต่อด้วยการ นั่งรถลากเลื่อนโดยกวางเรนเดียร์ (Reindeer-Pulled Sleigh) ที่ Elves Hideaway เราเลือกนั่งแบบสั้นครึ่งกิโลเมตร (35 ยูโร/คน และค่ารถไป-กลับอีก 150 ยูโร) คุณลุงแต่งตัวเป็นซานตาครอสจะจูงกวางเรนเดียร์ พาเดินวนดูบรรยากาศหมู่บ้าน แวะถ่ายรูปมุมต่าง ๆ โดยน้องกวาง 1 ตัว สามารถลากได้ 2 คน จากนั้นก็ไปเดินเล่นดูกระท่อมที่ตกแต่งด้านในด้วยของเล็ก ๆ เสมือนเป็นบ้านคนแคระ
วันต่อมา เราจอง ขับ Snowmobile 1 ชั่วโมง (150 ยูโร/คัน) ไปถึงก็เปลี่ยนชุด ฟังครูอธิบายกฎต่างๆ แล้วเริ่มออกเดินทาง แต่ละคันจะมีคนขับหนึ่งคนและคนนั่งซ้อนหนึ่งคน ขับตามกันไป 4 คัน เข้าไปในป่าสน ผ่านลานหิมะกว้าง ๆ บรรยากาศดีมาก แต่บางช่วงพื้นหิมะไม่เรียบ เด้งตลอดทางจนไม่กล้าหยิบมือถือ ใครอยากถ่ายรูปบรรยากาศตอนขับ เอา Go Pro ติดไว้ที่หมวก หรือรอถ่ายตอนจอดแวะพักสลับคนขับจะปลอดภัยกว่า
คนที่ชอบเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ด ก็แวะไปเล่นได้ทั้ง Zero Point และ South Point มีอุปกรณ์ขาย/เช่า ไว้พร้อมบริการ ก่อนกลับโรงแรมแวะรับประทานปูที่ ร้าน King Crab House อาหารสด อร่อย ราคาไม่แพง (ควรจองโต๊ะก่อนไป) และขอแนะนำ ร้าน Levi Utsuvaara เป็นอาหาร Fine Dining ในโรงแรมที่เราพัก อาหารดี บรรยากาศดี โดยเฉพาะวิวโต๊ะชั้นบน ควรจองล่วงหน้าตั้งแต่จองห้องพักเช่นกัน (สำหรับมื้อเย็น)
มาถึงไฮไลต์ของทริป คือการได้นอนดูแสงเหนือบนเตียงใน Glass Igloo ตั้งแต่คืนแรก คืนนั้นฟ้าใสมาก พอปิดไฟจนมืดสนิทเห็นดาวเต็มท้องฟ้า ลองเช็คความเป็นไปได้จากแอปฯ Aurora ก็มีโอกาสได้เห็นแสงเหนือ (Northern Lights) ช่วง 23.00 น. ฟ้าเพิ่งมืดสนิท มองออกไปนอกกระจก เห็นเป็นแสงสีเหลืองอมเขียวเป็นแถบบนฟ้า ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า เลยหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป (ตามคำแนะนำของเพื่อน) ก็เห็นแสงเหนือสีเขียวเป็นคลื่นเหมือนในรูปที่ถ่ายมา (สีเขียวในกล้องจะชัดเจนกว่าดูด้วยตาเปล่า) ตื่นเต้นสุด ๆ รีบโทรบอกเพื่อนที่หลับไปแล้วให้ตื่นมาดู ประมาณเที่ยงคืนกว่าแสงเหนือเริ่มมองไม่เห็น ก็ได้เวลาเข้านอนอย่างสบายใจ ส่วนคืนที่เหลือไม่เห็นเลย อาจจะเพราะท้องฟ้ามีเมฆมาก หรือนอนหลับไปซะก่อน
ที่โรงแรมมีแพคเกจแจ้งเตือนแสงเหนือให้ซื้อเพิ่ม 9.90 ยูโร/วัน ไม่จำเป็นต้องซื้อนะคะ เพราะดูข้อมูลจากแอปฯ Aurora ได้ฟรีเลยค่ะ ถ้าอยู่นานกว่านี้ จะแวะไปเที่ยว หมู่บ้านซานตาครอส (Santa Clause Village) ในเมือง Rovaniemi ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คของแลปแลนด์เลยก็ว่าได้ ใช้เวลานั่งรถไป 2.5 ชั่วโมง ดูแล้วเวลาไม่พอ เลยขอเก็บไว้รอบหน้า ส่วนใครที่ชอบตกปลา ที่นี่ก็มี กิจกรรมตกปลาใต้น้ำแข็ง (Ice Fishing) โดยผู้เชี่ยวชาญจะเจาะรูน้ำแข็ง แล้วหย่อนเบ็ดลงไป รอจนกว่าปลาจะมากินเบ็ด ประมาณ 3-4 ชั่วโมง กิจกรรมนี้แป๋มขอผ่าน เพราะแค่ฟังยังรู้สึกหนาวขึ้นมาเลยค่ะ
OUR INFLUENCER
คุุณปิยะดา ปุณณกิติเกษม
เจ้าของเพจ PPGALLERY (พีพี แกลเลอรี่) ในช่องทาง
Instagram: @ppgallery
และ Facebook: PPGALLERY
www.ppgallery.net