TOP

ล่องเรือ Velocean สุดหรู ท่องมหาสมุทรอินโดนีเซีย สู่หาดทรายสีชมพูที่ Komodo กับแก๊งเพื่อนสาว Matara

กลับมาจาก Business Trip ที่ฝรั่งเศสในเดือนพฤษภาคม ก็รีบมาแพ็กกระเป๋าเปลี่ยน Outfits ใหม่ทั้งหมด ให้เหมาะสมกับทริปแก๊งเพื่อนสาว เพราะจากพรมแดงเมืองคานส์ไปสู่หาดทรายชมพูที่ Komodo ก็ห่างกันแค่เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น การเดินทางนี้มีการวางแผนมานานมากกว่า 2 ปี ทริปสุดพิเศษนี้พวกเรา Matara ทั้ง 3 คนไปท่องเที่ยวมหาสมุทรอินโดนีเซียกับ เรือ Liveaboard สุดหรูชื่อ VELOCEAN ซึ่งมีเจ้าของเป็นคนไทยไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นเพื่อนสนิทของพวกเราทั้ง 3 คนเอง การเดินทางครั้งนี้จะเข้มข้นอย่างไร มีบันทึกพิเศษเพียงใน Around เล่มนี้

“ทริปเพื่อนสนิท” เพราะเป็นทริปที่รวมแก๊งเพื่อนสนิทที่ทำธุรกิจ Matara ด้วยกันไม่พอ แต่เรือที่จะไปพักนี้เป็นกิจการใหม่ล่าสุดของเพื่อนสนิทคนแรกในชีวิตและสนิทที่สุดของจินต์ คือ คุณไอส์ ซึ่ง โปรเจกต์เรือ Velocean นี้เป็นที่รู้จักในหมู่คนที่ชอบกิจกรรมดำน้ำ (Scuba Diving) เนื่องจากเป็นเรือพักค้างคืนเพื่อกิจกรรมดำน้ำ ที่เรียกได้ว่าหรูที่สุด การบริการดีที่สุด และใหม่ที่สุดในมหาสมุทรตอนนี้ จุดเริ่มต้นของทริป คือการรวบรวมเพื่อนร่วมเดินทางได้สูงสุดถึง 18 คน และแนะนำว่าต้องเรียนดำน้ำและผ่านการสอบ PADI มาก่อน ซึ่งเรือลำนี้เพิ่งสร้างเสร็จในปี 2020 สร้างเสร็จปุ๊ป สถานการณ์โควิดเกิดขึ้นทันที และทำให้การดำเนินธุรกิจของเพื่อนไม่เป็นไปตามคาดการณ์ที่จะสามารถรับลูกค้าต่างชาติได้ในทันที Velocean จึงโด่งดังในหมู่คนอินโดนีเซียในปีที่ผ่านมา เลยกลายเป็นว่าพวกเราที่เดินทางไปขึ้นเรือในต้นเดือนมิถุนายน 2022 นี้ เป็น International Customers กลุ่มแรกที่เรือลำนี้ต้อนรับ ซึ่งอย่างที่บอกเป็นการรวมตัวของเพื่อน พี่น้องที่สนิท ดังนั้นจึงรวมกลุ่มคนทุกกิจกรรม มีทั้ง Scuba Diving, Free Diving และ Non-Diving อย่างจินต์ จุดหมายปลายทางคือ KOMODO ISLAND (หมู่เกาะโคโมโด) 

การเดินทางในทริปนี้เริ่มต้นเมื่อเท้าทุกคนเหยียบสนามบินลาบวน บาโจ ทีมงาน Velocean มารอต้อนรับที่สายพานรับกระเป๋า ช่วยยกกระเป๋ากันอย่างพร้อมเพรียงแบบที่เราถึงเรือ กระเป๋าเดินทางจะถูกจัดส่งไปวางในห้องนอนให้เรียบร้อย แต่สิ่งที่ต้องบรรยายเพิ่มเติมก่อนคือการทำงานของคนในสนามบิน สายการบินที่อินโดนีเซียนั้น ส่วนใหญ่ทำงานกันช้า ไม่ว่าจะต่อแถวเช็คอิน หรือว่ารอกระเป๋าที่สายพาน จะต้องมีการรอขั้นต่ำ 30 นาทีในทุกๆ ที่ ดังนั้นต้องใจเย็นและไม่รีบตลอดการเดินทาง จากสนามบินไปสู่ท่าเรือนั่งรถ 15 นาที และต่อเรือเล็ก Dinghy 10 นาที ไปที่เรือ Velocean การต้อนรับอย่างอบอุ่น มองเห็นมาแต่ไกลด้วยการโบกมือเป็นจังหวะที่สนุกสนานของลูกเรือนับสิบ ที่รอเรือเล็กของเราเทียบเข้าเรือใหญ่ หายเหนื่อยจากการเดินทางในทันทีเมื่อถึง Velocean ผ้าเย็น Welcome Drink ถูกเสิร์ฟได้ตรงจังหวะ ก่อนจะเดินสำรวจเรือให้ทั่ว เพื่อเป็นการยืนยันว่า Velocean เป็นโรงแรม 5 ดาวเคลื่อนที่ เพราะทุกมุมถูกออกแบบมาอย่างดี ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าที่ต้องอยู่บนเรือ 1 สัปดาห์ บริเวณท้ายเรือเป็นหัวใจของคนที่จองมาทริปเลย เพราะคือสเตชั่นสำหรับใส่อุปกรณ์ดำน้ำ ที่ทำไว้อย่างเป็นระเบียบ พร้อมชื่อลูกค้าแยกมุมที่นั่ง

ส่วนที่สองคือบริเวณห้องอาหาร ห้องที่ทุกคนจะเจอหน้ากันวันละสามเวลา อาหารอร่อยทุกมื้อ มีทั้งอาหารพื้นเมืองอินโดนิเซีย อาหารไทย และบางวันเป็นอาหารนานาชาติ บริเวณติดกันคือห้องนั่งเล่น และ Camera Station ซึ่งบริเวณนี้จัดพื้นที่ไว้เหมือน Working Space แบ่งหลาย ๆ ที่นั่ง เพื่อนักดำน้ำที่มีกล้องและอุปกรณ์มาด้วยจะได้มีพื้นที่นั่งเป็นสัดส่วน เพื่อคัดรูป แต่งรูป และส่งรูป (มุมนี้คือสำคัญมาก เพราะจินต์เดินไปขอภาพตัวเองจากช่างภาพและเพื่อนร่วมทริปตรงนี้บ่อยมาก) บริเวณต่อไปนี้จินต์และเพื่อนอีกคนที่ไม่ได้ดำน้ำใช้บริการบ่อยที่สุดคือ Bar และ Sky Deck เพราะเป็นบริเวณ Open Air พร้อมวิวที่เปลี่ยนไปตามสถานที่ที่เรือล่องไป มุมนี้จึงเป็นจุดที่ชอบนั่งอ่านหนังสือ สั่งเครื่องดื่มร้อนเย็นต่าง ๆ พร้อมทิ้งตัวเพื่อการพักผ่อนตลอดทริป ห้องนอนนั้นมาในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ ห้อง Suite เตียง King Size สำหรับคนมาเป็นคู่ หรือ ห้องพักเตียงรูปแบบ Twin สำหรับเพื่อนสาว ที่มีหมอน ผ้าห่มเนื้อนุ่มคุณภาพดี และทุกห้องนั้นเป็น Ocean View ในทุก ๆ เช้าจะได้ยินเสียงประกาศตามสายทุก 7 โมงเช้า “This is a morning call” จาก Cruise Director เพื่อเรียกให้เพื่อนเดินทางทุกคนไปดำน้ำใน Dive แรกของวัน วันหนึ่งมีทั้งหมด 4 Dives กิจกรรม ลงน้ำ ขึ้นจากน้ำ อาบน้ำ จะวนแบบนี้ไปพร้อมการแชร์ประสบการณ์ตรงที่เห็นสัตว์น้ำ ปะการังที่สวยงามในช่วงมื้ออาหาร การโชว์ภาพที่ได้ลงไปสัมผัสโลกใต้น้ำจริง ภาพคู่กับ แมนต้า เรย์ (ปลากระเบนใหญ่ที่หาชมได้ยาก) หรือการนับว่า Dive นี้ได้เจอปลานี้กี่ตัว ก็เป็นอีกหนึ่งในไฮไลต์และเสน่ห์ของทริปนี้ ที่หาได้จากการท่องเที่ยวแบบอื่นไม่ได้

เนื่องจาก Komodo Island (เกาะโคโมโด) เป็นเขตที่ได้ประกาศจากทาง Unesco ให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์เพราะมีความหลากหลายของสายพันธุ์สัตว์ทั้งบนบก และทางน้ำ ดังนั้นที่นี้จึงเป็นเหมือนสวรรค์ของนักดำน้ำ เพราะโลกใต้น้ำนั้นเป็นยิ่งกว่าห้องสมุดรวมทุกสายพันธุ์ปลา สัตว์น้ำหายาก และปะการังที่สวยงาม ส่วนจินต์นั้น เพื่อน ๆ ไม่สามารถฝากความหวังกับโลกใต้น้ำไว้ได้ เพราะที่เคยเรียนดำน้ำมาเมื่อ 2 ปีก่อน ยังไม่ได้ไปสอบ Scuba ขั้นพื้นฐานเลย เราจึงยืนยันและใช้สิทธิ์เพื่อนสนิท ที่มาร่วมล่องเรือเพื่อแสดงความยินดีกับเพื่อนในทริปนี้ได้โดยไม่ขอร่วมดำน้ำ แต่ร่วมทำทุกกิจกรรมบนบก ไม่ว่าจะ กิน นอน ดื่ม อ่านหนังสือ ฟังเพลง เต้นรำ ตั้งแต่ Jacuzzi บนดาดฟ้าเรือไปถึงชายหาดสีชมพูที่ครั้งหนึ่งได้เห็นเม็ดทราย 2 สี สีขาว และ Coral Sand 

สีแดงมารวมกันได้อย่างลงตัว เมื่อถ่ายรูปออกมา ชายหาดนี้จึงกลายเป็นสีชมพูสดใส อีกกิจกรรมหนึ่งที่เปิดประสบการณ์ของพวกเราก็คือการ Trekking ปีนภูเขาขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่ต้องตื่นนอนตั้งแต่ตี 4 การค่อย ๆ เดินทีละก้าวขึ้นไปจนถึงจุดชมวิวได้นั้น สำคัญเท่ากับการนั่งชมวิว นั่งนิ่งสงบ และซึมซับบรรยากาศความสวยงามของธรรมชาติแบบไม่ปรุงแต่ง การนั่งขอบคุณตัวเองที่หาเวลาให้ตัวเองได้มาพักผ่อนจากการทำงานหนัก การเที่ยวเชิงธรรมชาติแบบนี้จึงเป็นอีกด้านหนึ่งที่มาช่วยรักษาจิตใจเพื่อน ๆ นักเดินทางด้วยกันทั้งหมด บางคนมาพักใจเรื่องงาน บางคนมาพักใจเรื่องรัก 

 

บางคนมาปรับทัศนคติและมารับพลังบวกกลับไป บางคนมาค้นหาตัวเองอย่างลึกซึ้งเพื่อพัฒนาตัวเองด้านจิตวิญาณให้แข็งแรง พร้อมกลับมาใช้ชีวิตรูปแบบในเมืองได้อย่างมีความสุขยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้คือศาสตร์และศิลป์ที่ได้ค้นพบจากนักเดินทางกลุ่มเล็ก ๆ ที่เรียกว่าเพื่อนสนิทจากการเดินทางในครั้งนี้

 

คลิกอ่าน! AROUND MAGAZINE ฉบับ 140 ที่นี่

หรือเลือกอ่าน AROUND MAGAZINE ย้อนหลังทั้งหมด ได้ ที่นี่

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด