บทสัมภาษณ์สุดพิเศษ 4 หนุ่ม TRINITY แต่ละคนที่มีความโดดเด่นคนละด้าน สู่ปรากฎการณ์ใหม่
‘จำนวนตัวเลขที่มากขึ้นของอายุไม่อาจการันตีความสามารถและประสบการณ์’ นั่นคือสิ่งที่เราคิดอยู่เสมอ โดยเฉพาะในยุคสมัยที่เปลี่ยน ซึ่งทำให้เราได้เห็นความสามารถของคนรุ่นใหม่ที่นับวันก็จะยิ่งโชว์ศักยภาพของตัวเองออกมา เหมือนอย่างเด็กหนุ่ม 4 คนนี้ที่บอกได้เลยว่าหากมองข้ามเรื่องอายุไป เขาทั้ง 4 ก็คือศิลปินมืออาชีพอย่างเต็มตัวคนหนึ่ง และหลังจบจากโปรเจ็กต์ 9X9 เจมส์ – ธีรดนย์, เติร์ด – ลภัส, ปอร์เช่ – ศิวกร และแจ๊คกี้ – จักริน ศิลปินในสังกัด 4NOLOGUE ก็ยังคงไม่หยุดที่จะเดินตามความฝันอย่างตั้งใจ จนนำมาซึ่ง TRINITY : THE 1ST MINI ALBUM “THE ELEMENTS”
TRINITY TO INFINITY
ความรู้สึกของการทำงานในฐานะศิลปินเต็มตัว
ปอร์เช่: รู้สึกฮึกเหิมครับ เพราะเหมือนว่าเราได้ใช้ประสบการณ์ที่สะสมมาเพื่อเดินมาทางนี้อยู่แล้ว ซึ่งพอได้มาทางนี้จริงๆ ก็รู้สึกว่าเราอยากจะทำมันให้เต็มที่ ไม่ว่าจะเจออะไรก็ตาม
เติร์ด: สำหรับผมก็รู้สึกมีไฟขึ้นมาครับ เพราะว่าเราเองก็ชอบการร้องเพลง เป็นศิลปินอยู่แล้ว พอรู้ว่าเราได้ทำแนวนี้ต่อจาก 9X9 มันก็เลยรู้สึกว่ารอไม่ไหวแล้ว อยากรู้ว่าจะมีอะไรเข้ามา ซึ่งเราก็พยายามที่จะทำทุกอย่างให้เต็มที่ ให้มีความสุขที่สุดครับ
แจ๊คกี้: ก็รู้สึกดีใจครับ แล้วก็รู้สึกว่าเราจะต้องผลักดันตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ความสามารถเราได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ครับ
เจมส์: เวลาเราเลือกอะไรแล้ว พวกเราก็ทำเต็มที่อยู่แล้วฮะ แต่ก็ยังมีความรู้สึกตื่นเต้นกับเส้นทางที่เลือก เพราะว่ามีอะไรหลายๆ อย่างที่เราเตรียมไว้มากกว่านั้นอีกเยอะ นอกจากนี้ก็รู้สึกว่าเราพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ คือเป็นความรู้สึกตื่นเต้น แต่ก็พร้อมลุยครับ
ความกดดันในการเป็นศิลปินเบอร์แรกของค่าย
แจ๊คกี้: ถือว่าไม่กดดันขนาดนั้นครับ เพราะเราได้เริ่มการฝึกซ้อมมาตั้งแต่อยู่โปรเจ็กต์ 9X9 เราได้อยู่ด้วยกัน ได้ทำความรู้จักกัน ได้พัฒนาการร้องการเต้นมาด้วยกัน ผมก็เลยรู้สึกว่าความกดดันมันจะไปอยู่ตรงที่… (คิดสักพัก) เขาเรียกว่าอะไรนะ ช่วยหน่อยสิ (หันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมวง จนเจมส์พี่ใหญ่ของทีมต้องช่วยพูดต่อ)
เจมส์: มันไม่ใช่ว่าเพราะเราเป็นศิลปินคนแรกของค่ายแล้วมันจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ต่อให้เราเป็นศิลปินกลุ่มที่สองหรือสาม ผมว่าความรู้สึกมันก็เหมือนกันคือ สุดท้ายแล้วเราทำงานให้ดีที่สุด (ในจังหวะนี้ปอร์เช่รีบเสริมว่า ใช่ๆๆ ก่อนจะปล่อยให้พี่ใหญ่พูดต่อไป) ที่แจ๊คกี้จะพูดมันน่าจะเป็นความกดดันที่งาน แล้วเราไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร ออกมาแนวไหน คือหมายถึงว่าเราไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะไปในทิศทางไหน
หมายถึงว่าเราทำเต็มที่แน่นอนอยู่แล้วล่ะ แต่ว่าผลตอบรับกลับมาก็เป็นอีกเรื่อง
เจมส์: ใช่ครับ คือมันก็มีความกดดันแต่ว่าไม่ใช่ความกดดันในเชิงลบ มันคือความกดดันที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราจะต้องทำให้ดี เป็นเหมือนแรงผลักดันให้เราต้องทำให้ดีขึ้นๆ แบบนี้ครับ
คนอื่นๆ ก็ไม่กดดันเหมือนกันใช่ไหม
เติร์ด: ส่วนตัวผมไม่รู้สึกกดดันนะ เรียกว่าแทบจะไม่รู้สึกเลยก็ได้ เพราะคำว่าศิลปินสำหรับเราคือคนที่ทำผลงานศิลปะ ซึ่งเรามาทำสิ่งนี้ด้วยความรัก เรามีความสุขกับมัน สุดท้ายแล้วไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ถ้าเรามีความสุข
ผมว่าเราทุกคนแฮปปี้ครับ
ปอร์เช่: ถูกต้อง (ยิ้ม)
ที่มาที่ไปของชื่อวง
ปอร์เช่: สำหรับชื่อวง TRINITY ก็เป็นชื่อที่พวกเราเสนอกันเองมันหมายถึง 3 เหลี่ยมฐาน 4 ด้าน
เจมส์: พีระมิดฐาน 3 เหลี่ยมหรือฐาน 4 เหลี่ยมฐาน 3 เหลี่ยม ก็จะหมายถึงสมาชิกทั้ง 4 คน ส่วนฐาน 4 เหลี่ยม หมายถึงแฟนคลับ และ 4NOLOGUE ที่จะเป็นฐานอันมั่นคงให้กับ TRINITY ครับ
ปอร์เช่: ใช่ครับ ซึ่งก็คือแต่ละด้านก็จะมีความเป็นตัวของตัวเองเหมือนพวกเรา 4 คน ซึ่งถ้าเกิดว่าขาดด้านใดด้านหนึ่งไปจะไม่สามารถเป็นรูปทรง 3 เหลี่ยมนี้ได้
เจมส์: คือพอนึกภาพพีระมิดฐาน 3 เหลี่ยมจะมีทั้งหมด 4 มุมยอด แล้วก็จะมีทั้งหมด 4 ด้าน คือก็เหมือนแทนพวกเรา 4 คนครับ
ต่อเนื่องมาถึงชื่ออัลบั้ม THE ELEMENTS คอนเซ็ปต์นี้สื่อถึงอะไร
ปอร์เช่: คอนเซ็ปต์ของ THE ELEMENTS คือ ธาตุต่างๆ ซึ่งเพลงแต่ละเพลงที่อยู่ในอัลบั้มจะมีสี มีธาตุ มีความรู้สึกของมันเองในแต่ละเพลงพอเวลาได้ฟังแล้วคนก็จะนึกถึงธาตุต่างๆ เช่นว่า เพลงนี้จะสื่อถึงธาตุไฟอีกเพลงฟังสบายๆ
แทนธาตุลม สีฟ้าแทนธาตุน้ำ
ลุคและคอนเซ็ปต์ของแต่ละคนในอัลบั้มชุดนี้
เติร์ด: จริงๆ มันคือหลากหลายลุคที่มาผสมกันนะครับ
เจมส์: ใช่ครับ มีหลายๆ มู้ด คืออย่างที่บอกว่าเพลงเรามันจะสื่อถึงทั้ง 4 ธาตุ ก็จะอยู่ที่ว่ามันประกอบอย่างไร เพลงนี้ฟังแล้วให้ความรู้สึกอย่างไร การแต่งตัวหรือสไตล์ก็จะออกมาตามลักษณะของเพลงๆ นั้น อย่างเพลงที่นิ่ง การแต่งตัวก็จะไม่ได้หวือหวามาก คือแล้วแต่มู้ดเพลงครับ
แนวเพลงของอัลบั้มนี้จะเรียกว่าเป็นแนวไหน
ปอร์เช่: มันรวมหลายอย่างเลยครับ มีทั้ง pop รวม medium pop รวมฮิปฮอปบ้าง อีดีเอ็มบ้าง นิดๆ หน่อยๆ
เจมส์: ใช่ครับ แต่ก็จะ base on pop ยกตัวอย่าง Haters Got Nothing จะเป็น pop hip-hop EDM
Haters Got Nothing นี้มีความหมาย พูดถึงอะไร
ปอร์เช่: ชื่อเพลงว่า Haters Got Nothing นะครับ แปลตามตรงคือ เราไม่สนคำคนที่ติ เราทำตามทางของเรา คือพูดถึงคนที่กำลังทำตามความตั้งใจของตัวเอง ไม่ว่าเจออะไรก็ตาม ถ้าเรายังยืนยันมั่นใจกับตัวเอง ยังอยากทำตามเส้นทางของตัวเอง ก็อย่าไปสนคำที่เขาติ เอาคำที่เขาติมาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเอง
เจมส์: เราถึงเลือกใช้คำว่า Haters เพราะ Haters มันจะต่างจาก Criticise
ปอร์เช่: Haters คือหมายถึงคนที่อคติ คนที่เกลียดครับ
เจมส์: ใช่ อะไรแบบนั้นครับ ซึ่งที่จริงมันก็ตรงกับพวกเรา 4 คน ที่การมาอยู่จุดนี้ได้มันไม่ง่าย เราโดนคำวิจารณ์ คือการวิจารณ์เชิงบวกก็มี แต่วิจารณ์เชิงลบก็เยอะ ซึ่งสิ่งที่เราทำสุดท้ายคือเราโฟกัสตัวเอง เราทำตามเป้าหมาย ทำตามแรงผลักดันของตัวเอง Haters Got Nothing ตามในเนื้อเพลงเลยครับ
การเตรียมตัวสำหรับอัลบั้มนี้ แต่ละคนมีการเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษบ้าง
เจมส์: ก็เตรียมกันค่อนข้างนานนะครับ คือตั้งแต่จบ 9X9 ทุนคนก็ซ้อมมาอยู่แล้ว แล้วพอผมเข้ามาผมก็เริ่มเทรนด์ต่อด้วย (น้องๆ ที่เหลือแกล้งเจมส์โดยการพูดขึ้นมาว่า “ไม่นะ ไม่ได้เตรียมตัวอะไร” ก่อนที่ทุกคนจะหัวเราะเฮฮาพร้อมกัน)
แจ๊คกี้: เราเริ่มคิดกันตั้งแต่ยังอยู่ในโปรเจ็กต์ 9X9 แล้วครับ เรียกว่าได้เริ่มมีการดำเนินงานโปรเจ็กต์นี้กันตั้งแต่ตอนนั้น
เติร์ด: ใช่ครับ เราเสนอ reference เพลงกันมาตั้งแต่ช่วงนั้นเลย
แต่ละคนได้เอาประสบการณ์จากโปรเจ็กต์ 9X9 มาปรับใช้กับการทำงานในอัลบั้มนี้อย่างไรบ้าง
แจ๊คกี้: ผมว่าทุกๆ อย่างมันหลอมรวมกันหมดนะครับ ทั้งการใช้ชีวิตในการทำงาน การที่เราจะต้องพัฒนาความสามารถของตัวเอง บางอย่างเราอาจจะชอบในตอนนั้น แต่ตอนนี้เราอาจจะอยากเปลี่ยน หรือมันอาจจะต้องเปลี่ยนเป็นแบบอื่นบ้าง ซึ่งหลายๆ อย่างที่ได้เรียยนรู้มาเราก็สามารถเอามาปรับใช้ได้
เจมส์: คือเหมือนว่าพอแต่ละคนได้ผ่านการทำงานมาแล้ว เราได้รู้ว่ากระบวนการทำงานเป็นอย่างไร หนึ่งคือวิธีการทำงาน แต่ละคนเข้าใจวิธีการทำงานมากขึ้น ทุกอย่างมัน flow ได้ง่ายขึ้น อย่างที่ 2 คือพอเรารู้แล้วว่าจุดแข็งจุดอ่อนของสิ่งที่เราทำคืออะไร เราได้เรียนรู้มาแล้วว่าเป็นอย่างไร เราก็นำจุดนั้นมาทำให้ดีขึ้น เหมือนพยายามอุดรอยรั่วให้ได้มากที่สุด คือเราก็เติบโตขึ้นตามระยะเวลาที่เราได้ทำงานมาด้วยครับ (น้องที่เหลือต่างพยักหน้าแสดงอาการเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ใหญ่ประจำวงพูด)
แต่ละคนมีส่วนในการทำงานอัลบั้มนี้อย่างไรบ้าง
ปอร์เช่: เกือบทุกเรื่องเลยครับ เรียกว่าทุกอย่างเลยดีกว่า
แจ๊คกี้: ใช่ครับ ตั้งแต่คิดชื่อวง เสนอคอนเซ็ปต์อัลบั้ม เสนอเพลง เนื้อเพลง
เจมส์: ชุด คอสตูม ตอนดู MV ที่เป็น draft แรกเราก็มานั่งแก้กัน คือมีส่วนทุกกระบวนการเลยครับ อ่อ เรายังทำหน้าที่โปรโมทกันด้วยนะครับ (ทั้งหมดหัวเราะพร้อมกัน)
แฟนๆ จะได้เห็นอะไรที่แตกต่างไปจาก 9X9 บ้าง
ปอร์เช่ & เติร์ด: แนวเพลงครับ
ปอร์เช่: คือแนวเพลงจะคนละแบบกันครับ ต้องลองฟังกันดู
เจมส์: ผมว่าคนที่ได้เห็นแล้วเขาก็จะรู้สึกเองว่ามันมีอะไรที่แตกต่างกัน คือเราไม่ได้อยากพูดว่ามันมีอะไรที่แตกต่าง ดีกว่าเดิม ผมรู้สึกว่าแต่ละงานพอเราทำเต็มที่ มันก็จะมีข้อดีข้อด้อยที่ต่างกันอยู่แล้ว ซึ่งผมว่าถ้าฟัง 4 เพลงในอัลบั้มก็จะจับทางได้ว่าแต่ละเพลงมันมีกลิ่นที่มันเป็นเอกลักษณ์ของ TRINITY อยู่ครับ
แจ๊คกี้: แล้วก็จะมีการโชว์คาแรกเตอร์ตัวเองมากขึ้นด้วยครับ
เติร์ด: ผมว่ามันคือการที่คาแรกเตอร์ของแต่ละคนมันชัดเจนมากขึ้นมากกว่าครับ
การเตรียมตัวทำงานสำหรับอัลบั้มนี้มันมีความยากง่ายอย่างไรบ้าง
ปอร์เช่: ความยากคือมีเวลาน้อยครับ เวลาในการเตรียมตัวน้อยมาก เพราะว่าในช่วงเวลานั้นพวกเราหลายๆ คนก็แยกกันไปทำงานของตัวเอง พอกลับมาเจอกันมันเลยมีเวลาค่อนข้างน้อยที่เราจะได้ซ้อมด้วยกันครับ เราก็เลยต้องเสียสละเวลาในการพักผ่อนไปส่วนมาก เพื่อให้ได้ซ้อมด้วยกันครับ
ทุกวันนี้ได้นอนกันกี่ชั่วโมง
ปอร์เช่: ไม่รู้เลยครับ เปิดเทอมแล้วค่อยข้างยากครับตอนนี้ (หัวเราะ)
แจ๊คกี้: ผมว่าน่าจะประมาณ 4 – 5 ชั่วโมงครับ
เล่าบรรยากาศการทำงานวันถ่ายเอ็มวีเพลง Haters Got Nothing ให้ฟังหน่อย
ปอร์เช่: ตอนนี้เราก็เพิ่งถ่ายเอ็มวีกันไปตัวเดียว การทำงานวันนั้นเราถ่ายทำกันวันเดียวครับ
เติร์ด: แต่ใช้เวลาถ่าย 30 กว่าชั่วโมงเลยครับ คือถ่ายกันยาวต่อเนื่องเลย
แจ๊คกี้: แต่ก็สนุกดีนะครับ เป็นการทำงานร่วมกับผู้กำกับเกาหลี (ชื่อ)
เจมส์: เหมือนเราได้ไปดู culture เขา ดูวิธีการทำงานของเขา เพราะเราไปถ่ายทำกันที่ประเทศเกาหลี คือเราได้เห็นโปรดักชั่น เห็นวิธีการทำงานของเขาว่าเป็นอย่างไร ก็เลยสนุกเพราะเหมือนว่าเราได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม แต่ว่ามันเป็นวัฒนธรรมในด้านการทำงาน เหมือนเราเอามาแชร์กัน เอามาคุยกัน เอามานั่งปรับกัน มันก็ทำให้เราได้เรียนรู้ด้วย แล้วก็สนุก เพราะการไปทำงานต่างที่แบบนี้มันมีความตื่นเต้นอยู่แล้ว และอีกอย่างหนึ่งคือเหนื่อย เพราะเพลงเรามันเป็นเพลงเต้นด้วยไงครับ อย่างที่เห็นกันไป คือมันจะค่อนข้างเหนื่อยอยู่เหมือนกัน
ต่างกันไหมในความคิดของเจมส์ที่มีประสบการณ์ทำงานที่ไทยค่อนข้างเยอะ
เจมส์: กับข้าวเยอะกว่านะครับของเขา (คำตอบของเจมส์เรียกหัวเราะจากน้องๆ ร่วมวง ก่อนที่เติร์ดจะรีบเสริม)
เติร์ด: ที่นั่นเขากับข้าวเยอะมากเลยครับ เครื่องเคียงนี่เยอะมาก
ปอร์เช่: (หัวเราะ) ใช่ครับ ที่นั่นเขากับข้าวเยอะมากกก (ลากเสียง แล้วทุกคนก็หัวเราะพร้อมกัน)
เจมส์: ส่วนเรื่องอื่นๆ ผมว่าก็คล้ายๆ กันนะครับอยู่ที่ vision ของแต่ละคนมากกว่า ซึ่งที่จริงเราก็เคยทำงานกับทีมงานต่างประเทศมาอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของพาร์ทโปรดักชั่นก็จะประมาณนี้ล่ะ
เจมส์ในฐานะที่เป็นพี่คนโตในทีม ได้ให้คำแนะนำอะไรน้องๆ บ้างไหม
เจมส์: โอ้ ผมขอคำแนะนำน้องๆ มากกว่าครับ เพราะเรื่องร้องเรื่องเต้นน้องๆ นี่นำผมครับ คือก็จะแชร์ๆ กันไป แต่ละคนก็จะโดดเด่นกันคนละด้าน แต่การที่เราทำงานมามากกว่ามันคงได้ในเรื่องของประสบการณ์ การพูด การตอบคำถาม แต่ผมจะไม่ไปชี้ว่าคุณต้องทำอย่างนี้ เราแค่ให้คำแนะนำ เพราะสุดท้ายแต่ละคนก็โตไปเป็นในแบบของตัวเองอยู่แล้ว
แต่ละคนที่มีความโดดเด่นคนละด้าน ใครเด่นในด้านไหน อย่างไรบ้าง
เจมส์: ปอร์เช่จะเป็นด้านเต้น แจ๊คกี้ร้อง เติร์ดก็ร้อง อย่างเติร์ดเนี่ยเสียงสูงมาก สูงสุดแล้วในวง ปอร์เช่ก็จะเต้นเก่ง แล้วก็ประสาน เป็นคนที่ร้อง stable มาก ส่วนแจ๊คกี้ก็จะเป็นคนที่ร้อง stable มากอีกคน คือฟังแล้วคิดว่าเปิดแผ่น อีกอย่างคือประสานได้ตรง เช่นเดียวกับเติร์ดตอนนี้ก็ประสานได้แล้ว ส่วนผมกำลังวิ่งตามน้องๆ อยู่ครับ (ยิ้ม)
แต่ละคนที่มีความโดดเด่นแตกต่างกัน พอต้องมารวมตัวกัน ยากไหมที่จะต้องทำให้กลมกลืนกัน
เจมส์: (รีบตอบ) ไม่ครับผมว่าดีแล้วที่แต่ละคนแตกต่างกัน เพราะแต่ละคนก็โดดเด่นคนละด้าน คือถ้าทุกคนเก่งเหมือนกัน หรือเราเก่งเต้นกัน 4 คนเลย ก็จะไม่มีใครที่ร้องได้เลย (ทุกคนหัวเราะหร้อมกัน ก่อนเจมส์จะพูดต่อว่า) ตายสิครับแบบนี้ คือสุดท้ายแล้ว ผมว่าการที่แต่ละคนมีด้านที่โดดเด่นของตัวเอง มันถึงทำให้ 4 คนมันแตกต่าง แล้วคนก็จะจำเราได้ครับ
ให้แต่ละคนฝากผลงานหน่อย
ปอร์เช่: ฝากอัลบั้ม TRINITY : THE 1ST MINI ALBUM “THE ELEMENTS ของพวกเราด้วยนะครับ มีทั้งหมด 4 เพลง ปล่อยมาให้ฟังทาง streming ทุกช่องทาง แล้วก็เอ็มวี Haters Got Nothing นะครับสามารถดูได้แล้วใน Youtube ครับผม
แจ๊คกี้: ก็ฝากด้วยนะครับ แค่นี้ครับปอร์เช่พูดหมดแล้ว (แล้วทุกคนก็ส่งเสียงหัวเราะพร้อมกัน ปิดท้ายการพูดคุยอย่างเฮฮา น่าประทับใจ)
TRINITY TO INFINITY
เรื่อง : จักรีรัตน์ อัสดรวุฒิไกร
นิตยสาร AROUND ฉบับที่ 115 เดือนตุลาคม 62