“Ugly Dolls” ตุ๊กตาหน้าชำรุด ทำไมคนสะดุด “รัก” กันทั้งโลก
หลายคนคงเคยผ่านตามาบ้างแต่อาจไม่เคยสังเกตว่า มีตุ๊กตาหน้าตาเหมือนตุ๊กตาชำรุดแบบนี้อยู่ในโลกด้วย นั่นเป็นเพราะตุ๊กตา Ugly Dolls ยังไม่เคยเป็นตัวเอกจริงๆ กับเขาสักที นอกจากออกจอเป็นครั้งคราวผ่านตัวละครเรื่องอื่นๆ แต่ถึงแม้จะไม่ได้ออกเต็มตัว ทว่าพวกเขากลับได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย ล่าสุดค่ายภาพยนตร์อย่าง STX Entertainment (เอส ที เอกซ์ เอนเตอร์เทนเม้นท์) สนใจนำตัวการ์ตูนเหล่านี้มาทำเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นให้เราได้ชมกันเร็วๆ นี้
กำกับการแสดง : เคลลี แอสเบอรีย์ (Shrek 2, Smurfs: The Lost Village)
นักแสดงนำ: เคลลี คลาร์กสัน (From Justin to Kelly) | เบลค เชลตัน | นิค โจนาส | พิทบูล
โมโนฟิล์ม ขอต้อนรับเข้าสู่ “อั๊กลี่วิลล์” เมืองที่รวบรวมเอาตุ๊กตาที่แสนน่าเกลียด น่าชัง แต่เต็มไปด้วยความมนต์วิเศษและแสนน่ารัก ม็อกซีและผองเพื่อน อยู่ในโลกที่เปี่ยมไปด้วยความสดใสและจินตนการแห่งนี้ แต่เมื่อม็อกซีเกิดสงสัยว่ามีอะไรอยู่ข้างนอกเมืองที่เธออยู่ เธอจึงชักชวนเพื่อนๆ ร่วมออกเดินทาง เพื่อไปพบเจอกับ “สถาบันแห่งความสมบูรณ์แบบ” เมืองที่เป็นสถานที่เตรียมความพร้อมสำหรับตุ๊กตาสุดสมบูรณ์ โดยมีเป้าหมายคือการเรียนจบออกไปพบกับ “โลกที่แท้จริง” และกลายเป็นตุ๊กตาที่รักของเด็กๆ ม็อกซีและผองเพื่อน จะต้องพิสูจน์ว่าพวกเธอนั้นมีคุณค่าพอที่จะเข้าไปสู่โลกที่แท้จริงนั้นได้หรือไม่
เข้าสู่โลกอันไร้กฎเกณฑ์ของเหล่า UglyDolls ภาพยนตร์แอนิเมชั่นมิวสิคอลเรื่องล่าสุดจากค่าย STXFilms พบกับการผจญภัย ร้องเพลง และเต้นรำไปกับ Kelly Clarkson, Blake Shelton, Wanda Sykes, Gabriel Iglesias, Wang Leehom, Pitbull ในภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตุ๊กตาที่แปลกประหลาดและเป็นที่รักของคนทั่วโลกมาแล้ว ที่ผสมผสานความสนุก เสียงเพลง และ การผจญภัย ไปกับตัวละคร และโลกที่ไม่เคยมีใครสัมผัสมาก่อน
UglyDolls เป็นเรื่องราวของการยอมรับความแตกต่าง การมอบแรงบันดาลใจ ความสนุก มิตรภาพ และ การยอมรับตนเองและเป็นตัวของเราเองให้ดีที่สุด ในเมืองที่สุดแสนจะน่ารักและแปลกแตกต่าง อั๊กลี่วิลล์ เปร่งประกาย มันแปลกแต่ก็มีความพิเศษและสวยงาม ที่แห่งนี้คุณจะได้พบกับตัวละครหลัก ตุ๊กตาใจกล้าอย่างม็อกซี และผองเพื่อนสุดน่ารักน่าชัง ในทุกๆ วัน เราจะได้เห็นความสนุก เฉลิมฉลองกับชีวิตที่มีความสุขและไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น ผู้ที่อาศัยอยู่ในอั๊กลี่วิลล์นั้นมักจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า คอยต้อนรับแขกผู้มาเยือนรายใหม่อยู่ทุกวี่วัน พวกเขาเหล่านั้น กำลังจะกลายมาเป็นผู้อยู่อาศัยถาวร และ ความสนุกกำลังรอพวกเขาอยู่
ม็อกซีรักชีวิตที่แสนมีความสุขของเธอ แต่ความขี้สงสัยมักทำให้เกิดคำถามอยู่เสมอว่า อะไร ที่อยู่นอกเหนือหุบเขาอั๊กลีวิลล์ที่พวกเธออยู่ ม็อกซีรวบรวมเพื่อนรักและเดินทางออกไปยังเมืองอื่น ไม่นานเธอได้พบกับ “สถาบันแห่งความสมบูรณ์แบบ” ที่ซึ่งตุ๊กตาสวยหล่ออาศัยและฝึกฝนเตรียมความพร้อม ก่อนที่จะจบหลักสูตรออกไปสู่โลกที่แท้จริง โลกของมนุษย์ ที่ซึ่งตุ๊กตาได้กลายเป็นที่รักของเหล่ามนุษย์
ในสถาบันแห่งความสมบูรณ์แบบ ม็อกซีและผองเพื่อนได้รับความท้าทายเมื่อพวกเขาได้พบกับ ลู หนุ่มหล่อตุ๊กตาสุดเพอร์เฟ็กที่ทำหน้าที่ดูแลหลักสูตรความเพอร์เฟ็คให้เหล่าตุ๊กตา เมื่อลู ได้พบกับเหล่าอั๊กลี่ดอลส์ เขาตราหน้าว่าพวกอั๊กลี่ดอลส์ ไม่มีวันที่จะสามารถผ่านหลักสูตรความสมบูรณ์แบบไปได้ เหล่าตุ๊กตาอั๊กลี่จึงต้องต่อสู้เพื่อค้นหาความหมายของความแตกต่าง การพิสูจน์ตนเองว่าสามารถเป็นที่รักของคนอื่นได้ และท้ายที่สุดการเรียนรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบเสมอไป เพื่อที่จะเป็นตุ๊กตาที่มหัศจรรย์ เพราะว่าการเป็นตัวของตัวเองนั้นสำคัญที่สุด
และในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ตุ๊กตา Ugly Dolls กำลังจะทำให้ทุกคน ใจละลายไปกับความน่ารักบ้องแบ๊วของพวกเขาในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง “Ugly Dolls” (อั๊กลี่ดอลลส์) ของค่าย STX Entertainment (เอสทีเอ๊กซ์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์) ที่ได้คนดังอย่าง เคลลี่ คลาคสัน (Kelly Clarkson), พิตบูล (Pitbull), นิก โจนาส (Nick Jonas), บีบี เรจา (Bebe Rexha), หวัง ลีฮอม (Wang Leehom) และ เบลก เชลตัน (Blake Shelton) มาพากย์เป็นตัวตุ๊กตาหน้าชำรุด Ugly Dolls …งานนี้ไม่รู้จัก Ugly Dolls ไม่ได้แล้ว!!!
กำหนดฉายพร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์ วันที่ 2 พฤษภาคม 2562 นี้
-จุดกำเนิด และ เส้นทางแห่งมิวสิคคัลของ อั๊กลี่ดอลส์-
อั๊กลี่ดอลส์เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 17 ปีก่อน เมื่อ เดวิด ฮอร์วาท (David Horvard) นักออกแบบนักเขียนการ์ตูน อยู่ที่ลอสแองเจลิส ส่งจดหมายไปหาแฟนชาวเกาหลีของเขาที่ชื่อ ซอง มิน คิม (Sun-Min Kim) เธออาศัยอยู่ที่เกาหลีใต้ โดยในจดหมายที่เขาเขียนนั้นมักมีลายเส้นตัวการ์ตูนประหลาดๆ ลงท้ายในจดหมายนั้นด้วยเสมอ จึงเป็นแรงบันดาลให้คิม ที่อยากเซอร์ไพร์สของขวัญให้แฟนหนุ่มด้วยการเย็บตุ๊กตาประหลาดเหล่านั้นด้วยมือของเธอเอง
ด้วยความชอบมากที่เห็นตุ๊กตาจากลายเส้น สู่ตุ๊กตาเย็บมือของแฟนสาว คิม ฮอร์วาทจึงเอาผลงานตุ๊กตาหน้าตาสุดประหลาดนี้ ไปให้เพื่อนของเขาที่เป็นเจ้าของร้าน Giant Robot ดู ปรากฏว่าตุ๊กตาถูกขายหมดไปทันที และมีคนสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าอีกกว่า 20 ชิ้น ซอง มิน คิม จึงต้องเย็บมือตุ๊กตาขึ้นมาอีก 20 ตัว และเธอตั้งชื่อมันว่า “อั๊กลี่ดอล”
เวลานั้น อั๊กลี่ดอลส์ได้กลายเป็นสินค้ายอดนิยมไปทั่วอเมริกาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเธอจึงตั้งโรงงานขึ้นมาเพื่อผลิต “ผมคิดว่าผู้คนชอบในความนุ่มของขนตุ๊กตา เราเรียกมันว่า ขนน่าเกลียด (Ugly Fur) ซึ่งกลายเป็นว่าเราต้องตั้งชื่อให้กับตุ๊กตาอีกหลายตัว และส่วนหนึ่งคือเราคิดว่าผู้คนชอบที่จะอ่านป้าย (Tag) ที่ติดมากับตัวตุ๊กตาที่อธิบายถึงประวัติส่วนตัวเล็กน้อยของตุ๊กตาเหล่านี้” ฮอร์วาท กล่าว
ตัดมาที่ฮอลลีวูด ผู้ร่วมสร้างอั๊กลี่ดอลส์ อย่าง ฮอร์วาท และ คิม จับตาดูความก้าวหน้าของโปรเจคภาพยนตร์อย่างใจจดใจจ่อ หลังจากที่ตนเองเป็นผู้ออกแบบร่างแรกๆ ของภาพยนตร์ “มันกลายเป็นลูกรักเรามากว่า 17 ปี และเรารู้สึกดีมากที่มันอยู่ในมือของมืออาชีพ” ฮอร์วาท กล่าวถึง อาวีฟ แอสเบอร์รี และเหล่าทีมงาน ทีมสร้างภาพยนตร์จากค่าย STXFilms ที่จะนำภาพยนตร์เรื่องนี้มาสู่ความเป็นจริงในเร็ววัน
อาวีฟ อธิบายว่า “อั๊กลี่ดอลส์” นั้นกลายมาเป็นภาพยนตร์ได้อย่างไร “ STXFilms รู้และเห็นโอกาสที่จะนำสินค้าและแบรนด์ที่เป็นที่รัก ออกมาสู่ผู้คนทั่วโลก สิ่งแรกที่ต้องทำคือการทำเป็นภาพยนตร์ขนาดยาว จากนั้นก็ทำเป็นซีรีส์ฉายในช่องโทรทัศน์ แล้วเราก็ไปสร้างลงออนไลน์ที่ตอนนี้ Hulu บริษัทสตรีมมิ่งภาพยนตร์ออนไลน์ยักษ์ใหญ่ คอนเฟิร์มกับเราเรียบร้อยแล้ว ตามมาด้วยพาร์ทเนอร์กลยุทธ อย่าง McDonald’s, Carl’s Jr., Hasbro และ Walmart แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการคงไว้ซึ่งความพิเศษและความเป็นแก่นแท้ของเหล่า UglyDolls
ในช่วงของการพัฒนาเรื่องราว อาวีฟ ได้ไปขอคำปรึกษาจาก พอล แม็คอีวอย ที่เคยมีผลงานระดับบล็อกบัสเตอร์อย่าง Kung Fu Panda, How to Train Your Dragon และ The Croods ให้มาดูแลในส่วนของเรื่องราว (Story) ทั้งหมด เจน ฮาร์ทเวล ที่เคยทำผลงานอย่าง The Croods ก็ได้มาร่วมโปรเจคนี้ด้วย ในตำแหน่งโปรดิวเซอร์ เธอได้กล่าวถึงโปรเจคนี้ว่า “ตุ๊กตาอั๊กลี่ดอลส์ คือสิ่งที่วิเศษสุดอยู่แล้ว เราเพียงแค่ระเบียบให้น่าสนใจก็เพียงพอแล้ว ลูกสาวของฉันมีตุ๊กตาอั๊กลี่ดอลส์อยู่แล้ว ฉันเลยคุ้นเคยกับมัน แต่สิ่งที่ทำให้ฉันทึ่งมากกว่า นั่นคือการดีไซน์ และ คอนเซปของเรื่องราวที่แข็งแรงมาก คาแรกเตอร์นั้นน่ารักน่าชังแบบเฉพาะซึ่งเราไม่ได้รู้สึกเบื่อกับมันเลย”
-เพลงที่ประกอบในภาพยนตร์-
เป็นเพลงของ คริสโตเฟอร์ เลนเนิร์ทซ์ และ เกล็นน์ สเลเตอร์ คือส่วนสำคัญของภาพยนตร์เรื่อง UglyDolls มันเป็นเพลงที่บอกเล่าเรื่องราว นำเสนอเสียงหัวเราะ และ อารมณ์ที่ทรงพลัง บ่งบอกอธิบายคาแรกเตอร์และการผจญภัยของพวกเขา และแน่นอนว่ามันมีความเป็นส่วนตัวเฉพาะของคาแรกเตอร์เหล่านั้นที่มีความน่ารัก น่าเห็นใจ เลนเนิร์ทซ์แต่งดนตรีประกอบที่แสดงถึงอารมณ์ได้เข้ากับเรื่องราวทั้งหมดได้เป็นอย่างดี
เป็นไอเดียของโปรดิวเซอร์อย่าง แอสเบอรีย์ ที่ต้องการจะสร้างเรื่องนี้ให้เป็นภาพยนตร์มิวสิคัลแอนิเมชั่น ที่ผนวกเรื่องราวการผจญภัย ผู้กำกับของเราที่เคยผ่านงานอย่าง Shrek 2 และ Geomeo & Juliet อธิบายให้เราฟังว่าอะไรคือสิ่งที่จะมีในภาพยนตร์เรื่อง UglyDolls “เพลงเป็นสิ่งนำเรื่องราว ผมต้องการที่จะหลีกเลี่ยงบทสนทนาอันยืดยาว แต่อยากให้ตัวละครร้องเพลงเพื่อบอกอารมณ์ของพวกเขา เพลงมอบโอกาสให้เราได้เห็นถึงคาแรกเตอร์แสดงอารมณ์ ความคิด ด้วยวิถีที่สนุกและน่าคล้อยตามได้ดีกว่าบทพูดทั่วไป”
ผู้เขียนบทภาพยนตร์ อลิสัน เพ็ค และ แมคอีวอย ผู้บอกเล่าเรื่องราวทำงานอย่างใกล้ชิดกับคนแต่งเพลงอย่าง เลนเนิร์ทซ์ และ สเลเตอร์ “ทุกเพลงมีความหมายและขับเคลื่อนเรื่องราวไปข้างหน้า” อลิสัน กล่าว “มีหลายต่อหลายครั้งมากที่เราเข้าไปคุยกับ เลนเนิร์ทซ์ ด้วยปัญหาในการเล่าเรื่องต่างๆ แต่พวกเขาก็มีหนทางแก้ไขให้เราอย่างยอดเยี่ยม นักแต่งเพลง คือนักเล่าเรื่องที่ดี และทั้งคู่มีสัญชาตญาณที่ดีมากจริงๆ”
แม้กระทั่งก่อนแอสเบอรีย์ จะมาเข้าร่วมทีมสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ และ เปลี่ยนภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นมิวสิคัลเต็มรูปแบบ ทั้ง สเลเตอร์ และ เลนเนิร์ทซ์ ก็แต่งเพลงล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว เช่นในเพลง “Couldn’t Be Better” ที่ร้องนำโดย เคลลี คลาร์กสัน และสมทบด้วยนักแสดงคนอื่นๆ ร่วมในเพลง ที่เป็นการแนะนำให้เราให้รู้จักกับเมืองอั๊กลี่วิลล์ เมืองที่มีสีสันสดใส และมีผู้อยู่อาศัยที่แปลกประหลาด อาวีฟ และ แมคอีวอย ได้เริ่มวาดโครงร่างซีนในสตอรีบอร์ด และ แอสเบอรีย์ ก็เป็นผู้นำสตอรีบอร์ดเหล่านั้นให้ร่ายมนต์เสน่ห์ให้เรื่องราวบนสตอรีบอร์ดเหล่านั้นให้กลายเป็นจริง “เพลงและซีนนั้นเป็นเรื่องราวชีวิตในหนึ่งวันของม็อกซี ผ่านสายตาของเธอ ว่าเมืองแห่งนี้วิเศษขนาดไหน” แอสเบอรีย์กล่าว
ในขณะที่ม็อกซีมีเพื่อนๆ มาร่วมสนุกสนาน ฉากกระโดดโลดเต้นทั่วเมืองอั๊กลี่วิลล์ โดยที่ทั้งเมืองนั้นปกครองกันโดยเหล่าตุ๊กตาอั๊กลี่ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือความสนุกสนาน
ขณะที่ “Couldn’t Be Better” เป็นเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวความคิดในใจของม็อกซี ในขณะเดียวกันก็มีเพลงอย่าง “Today’s the Day” ที่บอกเล่าว่า แม้ว่าเธอจะรักอั๊กลี่วิลล์มากแค่ไหนก็ตาม แต่เสียงเรียกร้องในใจก็ยังมีอะไรบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้น เธอเชื่อว่ายังมีอะไรบางอย่างมากกว่านี้สำหรับเธอในโลกกว้าง เธอเชื่อว่าความหมายที่แท้จริงในการมีชีวิตของตุ๊กตานั้นคือการนำพามาซึ่ง ความรักและความสุขให้แก่เด็ก มันมีตุ๊กตาสำหรับเด็กทุกคนบนโลกใบนี้ และแน่นอนว่ามันมีเด็กทุกคนสำหรับตุ๊กตาทุกตัว “ม็อกซียึดถือมั่นว่าความฝันของเธอนั้นมีความหมาย” แอสเบอร์รีกล่าว
“ความสมบูรณ์แบบ” นำมาซึ่งความหมายตรงกันข้ามกับอั๊กลี่วิลล์อย่างสิ้นเชิง ในอั๊กลี่วิลล์คุณจะได้พบกับอิสระ ทุกสิ่งอย่างไม่มีสมดุล มันนุ่มนิ่ม น่ากอด น่าสัมผัส มันเป็นโลกของผ้าที่ใช้มือผลิต มันจึงไม่ได้มีความแน่นอนนัก กลับกันในโลกของความสมบูรณ์แบบ คุณจะได้พบกับเส้นตรงเป็นทางยาว สิ่งของทุกชิ้นมีความสมมาตร ทุกสิ่งดูเป็นระเบียบ “เราอยากให้เหล่าอั๊กลี่ดอลส์ค้นพบดินแดนที่แปลกประหลาดกับพวกเขา ในที่ที่พวกเขาต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ใหม่ๆ และเรียนรู้ความหมายของคำว่า น่าเกลียด ที่ความหมายแตกต่างจากที่พวกเขาเคยได้รู้จัก” แอสเบอรีย์ กล่าว “สถานที่สมบูรณ์แบบไม่ได้เป็นที่ๆ โหดร้าย แต่ที่นี่มีผู้นำที่ใจร้ายอย่าง ลู มันคือประสบการณ์ครั้งสำคัญที่ทั้งม็อกซีและผองเพื่อนต้องเผชิญ
“หลายคนเรียนรู้คำว่า น่าเกลียด น่ารัก สวย ไม่ได้เป็นนิยามที่ทุกคนจะเห็นพ้องต้องกัน มันคือลักษณะแห่งปัจเจกชนที่จะคิดแตกต่าง” แต่สำหรับลูแล้ว มันไม่ใช่ เขาไม่ได้คิดในแนวทางนั้นเลย เขาพร่ำสอนและพูดคุยกับชาวเมืองว่ามาตรฐานของความสวยงามคืออะไร ความสมบูรณ์แบบคืออะไร ลู มองตุ๊กตาตัวอื่นอย่างต้อยต่ำ เขาเห็นว่า ตุ๊กตานี้ยาวเกินไป เตี้ยเกินไป ผอมเกินไป ใหญ่เกินไป เขาจึงไม่เปิดรับให้ใครหน้าไหนพยายามเข้ามาเทียบความสมบูรณ์แบบอย่างเขาได้ แล้วการที่สถานที่แห่งนี้เป็นสถาบันแห่งความเพอร์เฟค ตุ๊กตาทุกตัวจึงต้องไร้ที่ติ ตุ๊กตาต้องผ่านบททดสอบขั้นพื้นฐานแห่งการเป็นตุ๊กตาที่สมบูรณ์แบบ
ลูเป็นตุ๊กตาที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ทั้งเสื้อผ้า หน้าตาหล่อมีเสน่ห์ อย่างกับเป็นร็อคสตาร์และทุกคนมองว่าเขาเป็นไอดอลในโลกของตุ๊กตา และเพื่อที่จะให้มุมมองของเขาส่งผลกระทบต่อตุ๊กตาทุกตัว เขาจึงต้องโน้วน้าวใจทุกคนผ่านเสียงเพลงในบทเพลงอย่าง The Ugly Truth ที่ขับร้องโดย นิค โจนาส มันเป็นเพลงที่ทรงพลัง แต่เนื้อหาของมันเป็นการตอกย้ำว่าเหล่าอั๊กลี่ดอลส์นั้นไม่เหมาะ ไม่ควรที่จะออกไปสู่โลกกว้าง ในขณะที่ม็อกซีกำลังทำความรู้จักกับสถานที่และโลกใบใหม่ ท่ามกลางสถาบันแห่งความเพอร์เฟคนี้ เธอได้พบกับความท้าทายครั้งใหม่ และแน่นอนว่าไม่ว่าคุณจะเป็นฮีโร่มาจากไหน คุณก็ต้องพบว่าตัวเองก็มีแง่ความเปราะบางอยู่ในตัวเช่นกัน ด้วยการที่เธอยอมปรับตัวเอง แต่งหน้า เติมผม พยายามทำตัวเองให้เข้ากับความสวยงามแบบฉบับที่คนอื่นวาดเอาไว้ให้เธอ ด้วยความช่วยเหลือจากแมนดี้ เหล่าอั๊กลี่ดอลส์ได้เปลี่ยนโฉมตัวเองครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งการปั้น หล่อ ดัดแปลง ในเพลงที่ชื่อว่า “All Dolled Up” ที่ร้องเพลงโดย โมเน่ และ คลาร์กสัน
โมเน่ ยืนยันให้กับเราว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่เราจะได้เห็นเหล่าอั๊กลี่ดอลส์แต่งองค์ทรงเครื่อง พยายามที่จะเปลี่ยนลุค แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็รู้ว่านี่เป็นไอเดียที่แย่ ไม่ใช่ตัวของตัวเองก็ตาม”
หลังจากม็อกซีได้รู้ความลับของอ็อกซ์ที่ปิดซ่อนไว้มานาน ม็อกซีและแมนดี้ก็ต้องพยายามผ่านความท้าทายครั้งนี้ไปให้ได้ ผ่านบทเพลงที่ชื่อว่า Unbreakable แอสเบอรีย์ อธิบาย “ม็อกซีและแมนดี้ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ทั้งคู่ต่างมอบความมั่นใจให้กัน” เพลงนี้ถือว่าเป็นเพลงธีมหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ “เรามีความเข้มแข็งที่แตกต่างกัน นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้เราไม่มีวันพ่ายแพ้”
ซีนนี้ เป็นซีนที่ใช้สัญลักษณ์ ที่นำเอากระจกมาเป็นบันได “มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับภาพสะท้อนของตนเอง สิ่งที่เราเห็นในกระจก ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นเห็น แต่มันเป็นสิ่งที่เราเห็นภาพของตนเอง” แอสเบอรีย์กล่าว “เราควรภูมิใจกับสิ่งที่เราเห็นในกระจกบานนั้น” อาวีฟ ได้เล่าว่า จริงๆ แล้วเพลงที่แต่งขึ้นก็มีเรื่องราวของตัวมันเองอยู่เช่นกัน “เพลง Unbreakable มีเวอร์ชั่นก่อนหน้าที่มันยังไม่ค่อยพีค ไม่ค่อยได้ตามอารมณ์อย่างที่เราต้องการ ผมจำได้ว่าเย็นวันศุกร์ผมต้องไปส่งลูกสาวไปเรียนที่บอสตัน จากนั้นวันอาทิตย์เราก็ได้เดโม่เพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่ แล้วมันก็เป็นเวอร์ชั่นที่แสนวิเศษ ที่เรานำมาใช้ในภาพยนตร์ ดูระยะเวลาแล้ว เพลงที่เรารักมากที่สุดกลับใช้เวลาทำเพลงได้สั้นที่สุด เพราะมันใช้เวลาเพียงแค่สุดสัปดาห์เดียวเท่านั้น”
เครดิตเพลงสุดท้ายของหนังอย่าง Broken & Beautiful นั้นได้ควบคุมโดย เจสัน มาร์คี และ แอตแลนติก เรคคอร์ด ผลงานเพลงป็อบจากศิลปินอย่าง เคลลี คลาร์กสัน ร่วมแต่งโดย Pink, จอห์นนี แมคเดด, Mashmellow และโปรดิวซ์โดย สตีฟ แมค และ Mashmello บทเพลงทรงพลังที่เป็นดั่งบทสรุปการเดินทางของม็อกซี ที่ได้เรียนรู้แล้วว่าเธอไม่ได้จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สวยงาม เพราะว่าเธอนั้นทั้งชำรุด แต่ก็ยังคงความสวยงาม คลาร์คสัน กล่าวว่า “Broken & Beautiful เป็นเพลงที่ฉันชอบมากที่สุดเพลงหนึ่งที่เคยร้อง เพราะ Pink เป็นคนแต่ง และฉันก็เป็นแฟนตัวยงของเธอ และโดยสัตย์จริง คงไม่มีเพลงไหนที่เหมาะสมกับธีมของหนังนอกจากเพลงนี้อีกแล้ว เราทุกคนต่างมีอุปสรรคที่ต้องก้าวข้าม และเราพยายามผ่านมันไปให้ได้” แอสเบอรีย์ กล่าวเพิ่มว่า “คงไม่มีใครเหมาะสมที่จะร้องเพลงนี้ไปมากกว่าเคลลี คลาร์กสัน”
-เกี่ยวกับผู้กำกับ-
เคลลีย์ แอสเบอรีย์ เป็นผู้กำกับชาวอเมริกัน เขากำกับงานแอนิเมชั่น เขียนบทภาพยนตร์ ให้เสียงพากย์ นักเขียนการ์ตูน และเขียนนิยาย เขาเป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์เรื่อง Shrek 2 และ Gnomeo & Juliet
ในปี 1983 ถึง 1995 เขาทำงานที่วอลท์ดิสนีย์แอนิชั่น อยู่ในฝ่ายของการออกแบบร่างและเขียนสตอรีบอดร์ด ผลงานที่ผ่านมาของเขาคือ The Little Mermaid ในปี 1989, Beauty and the Beast ในปี 1991 และได้เป็นผู้ช่วยผู้กำกับฝ่ายศิลป์ให้กับทิม เบอร์ตัน ใน ภาพยนตร์เรื่อง The Nightmare Before Christmas ในปี 1993 อีกทั้งยังเป็นผู้เขียนสตอรีบอร์ดให้กับภาพยนตร์เรื่อง Toy Story
ในปี 1995 เขาตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนั่นคือการออกจากดิสนีย์ เพื่อไปเข้าร่วมกับ DreamsWorks ที่ทำให้เขาได้เป็นหัวหน้าผู้ควบคุมเนื้อเรื่องใน The Prince of Egypt จากนั้นก็ไปกำกับภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ถึง 2 เรื่อง คือ Spirit: Stalliom of the Cimarron และ Shrek 2
ในปี 2007 เขาย้ายไปประจำที่ลอนดอน และได้กำกับ Geomeo & Juliet
ในปี 2011 – 2012 เขาได้กลับไปร่วมงานกับดิสนีย์อีกครั้งจากการเขียนสตอรีบอร์ดให้กับภาพยนตร์เรื่อง Wreck-It-Ralph และ Frozen
-เกี่ยวกับผู้สร้างภาพยนตร์-
โปรดิวเซอร์ – เจน ฮาร์ทเวล
เธอเป็นโปรดิวเซอร์อยู่ที่ DreamWorks Animation มากว่า 9 ปี มีผลงานที่โดดเด่นอย่าง The Crood ที่กวาดรายได้ไป 587 ล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ก่อนหน้านี้เธอมีประสบการณ์เป็นหัวหน้าฝ่าย Global Production and Strategy ที่ควบคุมงานด้านการผลิตและควบคุมงานสร้างของแอนิเมชั่นทั้งหมดใน DreamWorks Animation เธอเข้าร่วมกับ DreamWorks ในปี 1996 และเริ่มทำงานในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง Antz และได้รับหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้างใน Shrek
โปรดิวเซอร์ / เรื่องโดย – โรเบิร์ต รอดดริเกซ
ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง เขาเป็นทั้งโปรดิวเซอร์ กำกับภาพ ตัดต่อ และ นักดนตรี อีกทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งช่องทีวี El Rey Network ในขณะที่เขากำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเท็กซัส ในปี 1991 เขาได้เขียนบทภาพยนตร์ภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกและตัดสินใจหาเงินด้วยการเอาร่างกายตัวเองไปเสี่ยงกับงานทดลองยา เขาสามารถรวบรวมเงินได้ 7 พันเหรียญสหรัฐ แล้วสร้างหนังที่ชื่อ El Mariachi ขึ้นมา ปรากฏว่าหนังเรื่องนี้ได้ขายไปสู่ตลาดหนังโฮมวีดีโอของชาวเม็กซิกันและมันสามารถครอบคลุมทุนสร้างของเขาได้ทันที หนังเรื่องนี้ยังเดินทางไปต่อคว้ารางวัลหนังขวัญใจคนดูในเทศกาล Sundance Film Festival และกลายมาเป็นภาพยนตร์ทุนสร้างต่ำเรื่องแรกที่จัดจำหน่ายโดยสตูดิโอขนาดใหญ่ หนังได้ประสบความสำเร็จจดเกิดเป็นภาคต่ออย่าง Desperado โรเบิร์ต สามารถผลิตภาพยนตร์ชื่อดังอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น From Dusk Till Dawn, The Faculty, Spy Kids, Sin City และล่าสุดกับ Alita